Production of virgin coconut oil vi

Production of virgin coconut oil via natural fermentation has led to large amount of wastes being generated,
i.e., coconut pulp and wastewater containing coconut crème. Objective of this study is to gain more
insight into the feasibility of utilization of such wastes as raw materials together with several types of
wastes such as fish waste and/or pineapple peel for bioextract production. Chemical, physico-chemical
and biological changes including phytotoxicity of the fermented mixture were closely monitored. Physical
observation suggested that fermentation of bioextract obtained with fish waste appeared to be complete
within the first month of fermentation while bioextract obtained using pineapple waste seemed to
be complete after 8 months post-fermentation. Fermentation broth is of blackish color with alcoholic as
well as acidic odour with no gas bubble and/or yeast film present on top of the surface. During the whole
fermentation interval, several attributes of both bioextracts, e.g., pH, chemical oxygen demand (COD) and
organic acids, were statistically different. Further, the total bacteria and lactic acid bacteria present in
pineapple bioextract were statistically higher than those of the fish bioextract (p < 0.01). The highest germination
indices of 123 and 106 were obtained at 21 and 14 days post-fermentation for fish and pineapple
bioextracts, respectively. In addition, qualities of both bioextracts conformed well with those
specified by the Thai standard for liquid biofertilizer after 1 month fermentation. Results further showed
that wastewater derived from virgin coconut oil manufacturing process could effectively be employed
together with other types of wastes such as fish waste and pineapple peel for bioextract production.
However, for the best bioextract quality, fermentation should be carefully planned since over fermentation
led to bioextract of low qualities.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การผลิตน้ำมันมะพร้าวผ่านการหมักตามธรรมชาติได้นำไปสู่จำนวนมากของขยะที่ถูกสร้างขึ้นเช่น เนื้อมะพร้าวและน้ำเสียที่ประกอบด้วยครีมมะพร้าว วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้จะสามารถเพิ่มเติมเข้าใจความเป็นไปได้ของการใช้ประโยชน์ของเสียดังกล่าวเป็นวัตถุดิบร่วมกับหลายประเภทของเสียเช่นปลาเสียหรือสับปะรดปอกเปลือกสำหรับผลิต bioextract สารเคมี ดิออร์และการเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพรวมทั้ง phytotoxicity ผสมหมักถูกตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ทางกายภาพสังเกตแนะนำว่า หมัก bioextract รับกับปลาขยะที่ดูเหมือนจะสมบูรณ์ในระยะแรก เดือนหมักขณะ bioextract รับใช้สับปะรดเสียประจักษ์ไม่สมบูรณ์หลังจาก 8 เดือนหลังหมัก น้ำซุปหมักเป็นแอลกอฮอล์เป็นสีดำหม่นกลิ่นเปรี้ยวไม่มีก๊าซฟองหรือยีสต์ฟิล์มอยู่ด้านบนของพื้นผิวเป็นอย่างดี ในช่วงทั้งช่วงเวลาการหมัก ความต้องการคุณลักษณะต่าง ๆ ของทั้งสอง bioextracts เช่น pH ออกซิเจนทางเคมี (COD) และกรดอินทรีย์ แตกต่างกันทางสถิติ แบคทีเรียทั้งหมดและอยู่ในแบคทีเรียกรดแลคติ เพิ่มเติมสับปะรด bioextract ถูกทางสถิติสูงกว่าของ bioextract ปลา (p < 0.01) การงอกสูงดัชนีของ 123 และ 106 ได้รับที่ 21 และ 14 วันหลังจากหมักปลาและสับปะรดbioextracts ตามลำดับ นอกจากนี้ คุณสมบัติของ bioextracts ทั้งสองควรทำตาม ด้วยคนตามมาตรฐานสำหรับของเหลว biofertilizer หลังจากหมัก 1 เดือน ผลการศึกษาพบเพิ่มเติมได้อย่างมีประสิทธิภาพนำมาใช้บำบัดน้ำเสียที่มาจากกระบวนการผลิตน้ำมันมะพร้าวร่วมกับชนิดอื่น ๆ ของเสียเช่นปลา เสียและสับปะรดปอกเปลือกสำหรับผลิต bioextractอย่างไรก็ตาม สำหรับ bioextract คุณภาพ หมักควรจะรอบคอบวางแผนตั้งแต่ผ่านการหมักนำไปสู่ bioextract คุณภาพต่ำ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การผลิตน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ผ่านการหมักธรรมชาติได้นำไปสู่จำนวนมากของเสียที่ถูกสร้างขึ้น
เช่นเยื่อมะพร้าวและน้ำเสียที่มีCrèmeมะพร้าว วัตถุประสงค์ของการศึกษาครั้งนี้คือการได้รับมากขึ้น
ความเข้าใจในความเป็นไปได้ของการใช้ประโยชน์จากของเสียดังกล่าวเป็นวัตถุดิบร่วมกับหลายประเภทของ
เสียเช่นของเสียจากปลาและ / หรือเปลือกสับปะรดสำหรับการผลิตน้ำสกัดชีวภาพ เคมีกายภาพและทางเคมี
และชีวภาพรวมทั้งการเปลี่ยนแปลงพิษผสมหมักถูกตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ทางกายภาพ
สังเกตชี้ให้เห็นว่าการหมักน้ำสกัดชีวภาพที่ได้รับกับขยะปลาปรากฏว่าจะแล้วเสร็จ
ภายในเดือนแรกของการหมักในขณะที่น้ำสกัดชีวภาพได้ใช้เปลือกสับปะรดดูเหมือนจะ
เสร็จสมบูรณ์หลังจาก 8 เดือนหลังการหมัก น้ำหมักเป็นสีดำที่มีแอลกอฮอล์เป็น
เดียวกับกลิ่นที่เป็นกรดที่มีฟองก๊าซและ / หรือยีสต์ภาพยนตร์ปัจจุบันอยู่ด้านบนของพื้นผิว ในช่วงทั้ง
ช่วงเวลาการหมักหลายคุณลักษณะของทั้งน้ำสกัดชีวภาพเช่นค่า pH ความต้องการออกซิเจนทางเคมี (COD) และ
กรดอินทรีย์ที่แตกต่างกันทางสถิติ นอกจากนี้แบคทีเรียทั้งหมดและแบคทีเรียกรดแลคติกที่มีอยู่ใน
น้ำสกัดชีวภาพสับปะรดเป็นสถิติที่สูงกว่าปลาน้ำสกัดชีวภาพ (p <0.01) สูงสุดงอก
ดัชนี 123 และ 106 ได้รับวันที่ 21 และ 14 วันหลังการหมักปลาและสับปะรด
น้ำสกัดชีวภาพตามลำดับ นอกจากนี้คุณภาพของน้ำสกัดชีวภาพทั้งสอดคล้องกันกับผู้ที่
ระบุโดยมาตรฐานไทยปุ๋ยชีวภาพของเหลวหลังจากหมัก 1 เดือน ผลการค้นหาเพิ่มเติมพบ
ว่าน้ำเสียที่ได้มาจากมะพร้าวกระบวนการผลิตน้ำมันบริสุทธิ์สามารถได้อย่างมีประสิทธิภาพได้รับการว่าจ้าง
ด้วยกันกับประเภทอื่น ๆ ของเสียเช่นของเสียจากปลาและเปลือกสับปะรดสำหรับการผลิตน้ำสกัดชีวภาพ.
แต่สำหรับคุณภาพน้ำสกัดชีวภาพที่ดีที่สุดหมักควรมีการวางแผนอย่างระมัดระวังเพราะกว่าการหมัก
นำ น้ำสกัดชีวภาพเพื่อคุณภาพต่ำ