1. ประธานที่เป็นเอกพจน์เท่านั้น ถึงจะเติม s, es
2. คำกริยาทั่วๆไป สามารถเติม s ได้ทันที
3. เติม es หลังกริยาที่ลงท้ายด้วย s ,sh ,ch , x , z และ o เช่น
4. ถ้ากริยาลงท้ายด้วย y จะแบ่งเป็น 2 กรณี
1. กรณีแรก ลงท้ายด้วย y แต่ หน้า y เป็นสระ ( a,e,i,o,u) สามารถเติม s ได้ทันที
2. กรณีสอง ลงท้ายด้วย y หน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้ว เติม es
1. ประธานที่เป็นเอกพจน์เท่านั้นถึงจะเติม s, es2. คำกริยาทั่วๆไปสามารถเติม s ได้ทันที3. เติม es หลังกริยาที่ลงท้ายด้วย s, sh, ch, x, z และ o เช่น4. ถ้ากริยาลงท้ายด้วย y จะแบ่งเป็น 2 กรณี 1. กรณีแรกลงท้ายด้วย y แต่หน้า y เป็นสระ (a, e ฉัน o, u) สามารถเติม s ได้ทันที 2. กรณีสองลงท้ายด้วย y หน้า y เป็นพยัญชนะให้เปลี่ยน y เป็นฉันแล้วเติม es
การแปล กรุณารอสักครู่..
1 ประธานที่เป็นเอกพจน์เท่านั้นถึงจะเติม s , es
2 คำกริยาทั่วๆไปได้ทันทีสามารถเติม S
3 เติม ES หลังกริยาที่ลงท้ายด้วย s , SH , CH , X , Z และ O เช่น
4 ถ้ากริยาลงท้ายด้วย Y จะแบ่งเป็น 2 กรณี
1กรณีแรกลงท้ายด้วย Y A หน้า Y เป็นสระ ( a , e , i , o , u ) สามารถเติม S ได้ทันที
2 กรณีสองลงท้ายด้วย Y Y Y หน้าเป็นพยัญชนะให้เปลี่ยนเป็นผมแล้วเติม ES
การแปล กรุณารอสักครู่..