lumpy organ called the pancreas act

lumpy organ called the pancreas actually did or, in the case of diabetes, didn't do. We like to
think surgically about the history of medicine, that it moved purposefully from insight to insight,
angling closer to cure. But that is only the luxury of contemporary life. Looked at over time,
medicine doesn't advance as much as grope forward, with remedies -- like bloodletting,
quicksilver ointments and simple, unendurable hunger -- that blurred the line between treatment
and torture.
Diabetes was first diagnosed by the Greek physician Aretaeus of Cappadocia, who
deemed it a ''wonderful affection . . . being a melting down of the flesh and limbs into urine.'' For
the afflicted, ''life is disgusting and painful; thirst unquenchable . . . and one cannot stop them
from drinking or making water.'' Since the classical period forbade dissection, Porter notes,
''hidden workings had to be deduced largely from what went in and what came out.'' An early
diagnostic test was to swill urine, and to the name diabetes, meaning ''siphon,'' was eventually
added ''mellitus,'' meaning ''sweetened with honey.'' Healers could often diagnose diabetes
without the taste test. Black ants were attracted to the urine of those wasting away, drawn by the
sugar content. Generations later, doctors would make a similar deduction by spotting dried white
sugar spots on the shoes or pants of diabetic men with bad aim.
For the Greeks, to separate disease symptoms from individual pain while isolating them
from magical causes was itself an enormous intellectual leap. ''We should be really impressed
with Aretaeus,'' says Dr. Chris Feudtner, author of the coming ''Bittersweet: Diabetes, Insulin and
the Transformation of Illness.'' ''He was able to spot the pattern of diabetes in a dense thicket of
illness and suffering.''
But for centuries, this increasing precision in disease recognition was not followed by any
effective treatment -- more details didn't make physicians any less helpless. At the time, they
were unknowingly confusing two kinds of diabetes: Type 1, known until recently as ''juvenile
diabetes,'' which is more extreme but less common than Type 2, or ''adult onset,'' which seems to
be related to obesity and overeating. With Type 1 (what Elizabeth Hughes had), the pancreas
stops secreting insulin, a hormone that instructs the body to use the sugar in the blood for energy.
With Type 2, the pancreas produces insulin (at least initially), but the tissues of the body stop
responding appropriately. By 1776, doctors were still just boiling the urine of diabetics to
conclusively determine that they were passing sugar, only to watch their patients fall into
hyperglycemic comas and die.
If dangerous levels of glucose were pumping out of diabetics, one idea was obvious: stop
it from going in. That demanded a more sophisticated understanding of food itself. In the long
tradition of grotesque scientific experimentation, an insight came through a lucky break: a gaping
stomach wound. In 1822, William Beaumont, a surgeon in the U.S. Army, went to the Canadian
border to treat a 19-year-old trapper hit by a shotgun. The boy recovered, but he was left with a
hole in his abdomen. According to Porter, Beaumont ''took advantage of his patient's unique
window'' and dropped food in on a string. The seasoned beef took the longest to digest. Stale
bread broke down the quickest. The digestion process clearly worked differently depending on
what was eaten. Then during the 1871 siege of Paris by the Germans, a French doctor named
Apollinaire Bouchardat noticed that, though hundreds were starving to death, his diabetic
patients strangely improved. This became the basis for a new standard of treatment. Mangez le
moins possible, he advised them. Eat as little as possible.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ก้อนอวัยวะตับอ่อนเรียกว่าจริงไม่ หรือ ในกรณีของโรคเบาหวาน ไม่ เราต้องการคิดว่า ผ่าตัดประวัติของยา ที่มันย้ายทุกจากความเข้าใจเพื่อความเข้าใจตกปลาใกล้การรักษา แต่นั่นเป็นเพียงความหรูหราของชีวิตร่วมสมัย ดูช่วงเวลาการแพทย์ไม่ก้าวหน้าเป็นควานไปข้างหน้า กับการเยียวยา - เช่น bloodlettingขี้ผึ้ง quicksilver และเรียบง่าย unendurable หิว - ที่เบลอเส้นแบ่งระหว่างการรักษาและการทรมานโรคเบาหวานได้รับการวินิจฉัยครั้งแรก โดยแพทย์กรีก Aretaeus Cappadocia ที่ถือว่ามันมี ''รักดี...การหลอมลงเป็นเนื้อหนังและแขนขาในปัสสาวะ' สำหรับทุกข์, '' ชีวิตจะรังเกียจ และเจ็บ ปวด กระหายเอเซีย... และหนึ่งไม่สามารถหยุดพวกเขาจากการดื่ม หรือการทำน้ำ '' ตั้งแต่ยุคคลาสสิกห้ามผ่า บันทึกพนักงานยกกระเป๋า''ผลงานที่ซ่อนอยู่มีการได้ซึ่งสามารถกล่าวได้ส่วนใหญ่มาจากสิ่งที่ไปในและสิ่งที่ออกมา '' เป็นต้นทดสอบวินิจฉัยเพื่อ swill ปัสสาวะ และชื่อ โรคเบาหวาน ความหมาย ''สูบฉีด ในที่สุดเพิ่ม ''หวาน ว่า ''หวานกับน้ำผึ้ง '' หมอมักจะไม่สามารถวินิจฉัยโรคเบาหวานโดยไม่ต้องทดสอบรสชาติ มดดำถูกดึงดูดปัสสาวะของผู้เสีย โดยการน้ำตาลเนื้อหา คนรุ่นหลัง แพทย์จะทำให้การหักคล้าย โดยส่องแห้งสีขาวจุดน้ำตาลบนรองเท้าหรือกางเกงของผู้ชายเป็นโรคเบาหวานมีจุดมุ่งหมายที่ไม่ดีสำหรับชาวกรี เพื่อแยกอาการของโรคจากอาการปวดแต่ละขณะแยกพวกเขาจากสาเหตุที่มีมนต์ขลังถูกตัวเองการก้าวกระโดดทางปัญญามหาศาล '' เราควรรู้สึกประทับใจจริง ๆมี Aretaeus กล่าวว่า ดร.คริส Feudtner ผู้เขียนของการมา '' Bittersweet: โรคเบาหวาน อินซูลิน และการเปลี่ยนแปลงของโรค '' '' เขาก็สามารถที่จะจุดรูปแบบของโรคเบาหวานในดงหนาแน่นเจ็บป่วยและความทุกข์ทรมาน ''แต่สำหรับศตวรรษ นี้ความแม่นยำเพิ่มขึ้นในการรับรู้โรคไม่ตามมา ด้วยการรักษาที่มีประสิทธิภาพ - รายละเอียดเพิ่มเติมไม่ได้แพทย์ใด ๆ น้อยกำพร้า ในเวลานั้น พวกเขาก็ไม่รู้สับสนสองประเภทของโรคเบาหวาน: ประเภท 1 รู้จักกันจนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้เป็น '' เยาวชนโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นมากขึ้น แต่ไม่นิยมมากกว่า 2 ชนิด หรือ ''ผู้ใหญ่โจมตี '', ซึ่งดูเหมือนว่าจะอย่างที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วน และกิน ชนิดที่ 1 (สิ่งฮิวจ์สเอลิซาเบธมี), ตับอ่อนหยุดซ่อนอินซูลิน ฮอร์โมนที่ร่างกายใช้น้ำตาลในเลือดสำหรับพลังงานที่แนะนำพิมพ์ 2 ตับอ่อนสร้างอินซูลิน (อย่างน้อยในเบื้องต้น), แต่เนื้อเยื่อของร่างกายหยุดการตอบสนองอย่างเหมาะสม โดย 1776 แพทย์ยังถูกต้มปัสสาวะของเบาหวานไปให้ตรวจสอบว่า พวกเขาได้ผ่านน้ำตาล ดูผู้ป่วยที่ตกอยู่ในบทบาท comas และตายถ้าระดับอันตรายของกลูโคสได้สูบน้ำจากเบาหวาน เป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่ชัดเจน: หยุดมันจากไปใน ที่เรียกร้องความเข้าใจที่ซับซ้อนมากขึ้นของอาหารเอง ในการลองประเพณีของการทดลองทางวิทยาศาสตร์ประหลาด ความเข้าใจผ่านมาหยุดพักโชคดี: อ้าปากค้างกระเพาะอาหารแผล ใน 1822 วิลเลียม Beaumont ศัลยแพทย์ในกองทัพ ไปที่แคนาดาเส้นขอบการรักษาดักอายุ 19 ปีที่โดนปืนลูกซอง เด็กกู้คืน แต่ด้วยการรูในช่องท้องของเขา พนักงานยกกระเป๋า เที่ยวตาม '' เอาประโยชน์จากผู้ป่วยของเขาไม่ซ้ำกันหน้าต่าง '' และลดอาหารลงในบนสาย เนื้อปรุงรสเอาที่ยาวที่สุดในการย่อย เก่าแล้วขนมปังร้องไห้เร็วที่สุด กระบวนการย่อยอาหารอย่างชัดเจนทำงานแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสิ่งที่รับประทาน แล้ว ระหว่าง siege 1871 ของปารีสโดยเยอรมัน แพทย์ฝรั่งเศสชื่อApollinaire Bouchardat พบว่า แม้ว่าหลายร้อยก็หิวโหยตาย โรคเบาหวานของเขาผู้ป่วยดีขึ้นอย่างประหลาด นี้กลายเป็นพื้นฐานสำหรับมาตรฐานใหม่ของการรักษา เลอ Mangezmoins ได้ เขาแนะนำพวกเขา กินให้น้อยที่สุด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อวัยวะที่เรียกว่าเป็นก้อนตับอ่อนจริงได้หรือในกรณีของโรคเบาหวานที่ไม่ได้ทำ เราต้องการที่จะ
คิดว่าการผ่าตัดเกี่ยวกับประวัติของยาที่จะย้ายเด็ดเดี่ยวจากข้อมูลเชิงลึกเพื่อความเข้าใจในการ
ตกปลาที่ใกล้ชิดกับการรักษา แต่นั่นเป็นเพียงความหรูหราของชีวิตร่วมสมัย มองไปที่ช่วงเวลาที่
ยาไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควานไปข้างหน้าด้วยการเยียวยา - เหมือนเอาเลือดออก,
ขี้ผึ้งปรอทและเรียบง่ายความหิวไม่สามารถทนทาน - ที่เบลอเส้นแบ่งระหว่างการรักษา
และการทรมาน.
โรคเบาหวานได้รับการวินิจฉัยครั้งแรกโดยแพทย์ชาวกรีก Aretaeus ของ Cappadocia ที่
ถือว่ามัน '' ความรักที่ยอดเยี่ยม . . ถูกละลายลงของเนื้อหนังและขาลงในปัสสาวะ '' สำหรับ.
ที่ทุกข์ใจ '' ชีวิตเป็นที่น่ารังเกียจและเจ็บปวด; กระหายโดยไม่มีเงื่อนไข . . และหนึ่งไม่สามารถหยุดพวกเขา
จากการดื่มหรือการทำน้ำ. '' ตั้งแต่ยุคคลาสสิกห้ามไม่ให้มีการผ่าพนักงานโน้ต
'' ผลงานที่ซ่อนอยู่จะต้องมีการอนุมานได้ส่วนใหญ่มาจากสิ่งที่ไปในและสิ่งที่ออกมา. '' ต้น
การทดสอบการวินิจฉัยคือการดวด ปัสสาวะและโรคเบาหวานชื่อที่มีความหมาย '' กาลักน้ำ '' ในที่สุดก็
เพิ่ม '' เบาหวาน '' หมายถึง '' หวานกับน้ำผึ้ง. '' หมอมักจะสามารถวินิจฉัยโรคเบาหวาน
โดยไม่ต้องทดสอบรสชาติ มดสีดำถูกดึงดูดให้ปัสสาวะของผู้ที่สูญเสียออกไปวาดโดย
ปริมาณน้ำตาล รุ่นต่อมาแพทย์จะทำให้การหักที่คล้ายกันโดยการจำสีขาวแห้ง
จุดน้ำตาลในรองเท้าหรือกางเกงของคนที่เป็นโรคเบาหวานโดยมีจุดประสงค์ที่ไม่ดี.
สำหรับชาวกรีกที่จะแยกอาการของโรคจากความเจ็บปวดของแต่ละบุคคลในขณะที่แยกพวกเขา
จากสาเหตุที่มีมนต์ขลังเป็นตัวเองก้าวกระโดดทางปัญญาอย่างมาก . '' เราควรจะประทับใจมาก
กับ Aretaeus '' กล่าวว่าดร. คริส Feudtner เขียนมา '' Bittersweet: โรคเบาหวาน, อินซูลินและ
. การเปลี่ยนแปลงของการเจ็บป่วย '' '' เขาก็สามารถที่จะมองเห็นรูปแบบของโรคเบาหวานใน พุ่มหนาแน่น
. ความเจ็บป่วยและความทุกข์ทรมาน ''
แต่สำหรับศตวรรษนี้มีความแม่นยำที่เพิ่มขึ้นในการรับรู้ของโรคไม่ได้ตามโดยใด ๆ
รักษาที่มีประสิทธิภาพ - รายละเอียดเพิ่มเติมไม่ได้ทำให้แพทย์ใด ๆ กำพร้าน้อย ในช่วงเวลาที่พวกเขา
ได้รับเป็นต้นเหตุทำให้เกิดความสับสนสองชนิดของโรคเบาหวานประเภทที่ 1, ที่รู้จักกันจนเมื่อเร็ว ๆ นี้ '' เด็กและเยาวชน
เบาหวาน, '' ซึ่งเป็นที่รุนแรงมากขึ้น แต่พบน้อยกว่าชนิดที่ 2 หรือ '' ผู้ใหญ่ที่เริ่มมีอาการ '' ซึ่งดูเหมือนว่าจะ
เป็น ที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วนและการกินมากเกินไป กับประเภท 1 (สิ่งที่ลิซาเบ ธ ฮิวจ์) ตับอ่อน
หยุดการหลั่งอินซูลินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สั่งให้ร่างกายใช้น้ำตาลในเลือดสำหรับพลังงาน.
กับประเภทที่ 2, ตับอ่อนผลิตอินซูลิน (อย่างน้อยในขั้นต้น) แต่เนื้อเยื่อของ ร่างกายหยุด
การตอบสนองอย่างเหมาะสม 1776 โดยแพทย์ยังคงเป็นเพียงการต้มปัสสาวะของผู้ป่วยโรคเบาหวานที่จะ
สรุปตรวจสอบว่าพวกเขาได้ผ่านน้ำตาลเท่านั้นที่จะดูป่วยของพวกเขาตกอยู่ใน
Comas ระดับน้ำตาลในเลือดและตาย.
ถ้าระดับที่เป็นอันตรายของน้ำตาลกลูโคสถูกสูบน้ำออกของผู้ป่วยโรคเบาหวานซึ่งเป็นหนึ่งในความคิดที่ได้รับการเห็นได้ชัด: หยุด
ได้จากไปใน. ที่เรียกร้องความเข้าใจความซับซ้อนมากขึ้นของอาหารเอง ในระยะยาว
ประเพณีของการทดลองทางวิทยาศาสตร์พิลึกข้อมูลเชิงลึกที่ผ่านมาโชคดี: เหวอะ
แผลในกระเพาะอาหาร ใน 1822 วิลเลียมโบมอนต์ศัลยแพทย์ในกองทัพสหรัฐได้ขึ้นไปที่แคนาดา
ชายแดนเพื่อรักษาความ Trapper 19 ปีตีด้วยปืนลูกซอง เด็กหาย แต่เขาก็ถูกทิ้งให้อยู่กับ
หลุมในช่องท้องของเขา ตามที่พอร์เตอร์โบมอนต์ '' เอาประโยชน์ของผู้ป่วยของเขาที่ไม่ซ้ำกัน
หน้าต่าง '' และลดลงในอาหารในสตริง เนื้อปรุงรสเอาที่ยาวที่สุดที่จะแยกแยะ ค้าง
ขนมปังยากจนลงเร็วที่สุด กระบวนการย่อยอาหารทำงานได้อย่างชัดเจนที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับ
สิ่งที่กิน จากนั้นในช่วง 1,871 ล้อมปารีสโดยชาวเยอรมันแพทย์ฝรั่งเศสชื่อ
Apollinaire Bouchardat สังเกตเห็นว่าแม้ว่าหลายร้อยถูกหิวโหยไปสู่ความตายของเขาเป็นโรคเบาหวาน
ผู้ป่วยดีขึ้นอย่างประหลาด เรื่องนี้กลายเป็นพื้นฐานสำหรับการสร้างมาตรฐานใหม่ของการรักษา Mangez le
moins เป็นไปได้ที่เขาแนะนำให้พวกเขา กินให้น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เป็นก้อนอวัยวะที่เรียกว่าตับอ่อนจริงๆ หรือในกรณีของโรคเบาหวานที่ไม่ได้ทำ เราชอบคิดว่าการผ่าตัดเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การแพทย์ ที่ย้ายจากข้อมูลเชิงลึก มีข้อมูลเชิงลึกมุมใกล้หาย แต่นั่นเป็นเพียงความหรูหราของชีวิตร่วมสมัย มองตลอดเวลายาก็ไม่ก้าวหน้าเท่าที่คลำไปข้างหน้าด้วยวิธีแก้เพลียใจ . . ชอบ ,ขี้ผึ้ง ปรอท และ ง่าย unendurable ความหิว . . เบลอเส้นระหว่างการรักษาและทรมานโรคเบาหวานก่อนการวินิจฉัย โดยแพทย์กรีก aretaeus ของ Cappadocia , ที่ถือว่าเป็น " "wonderful ความรัก . . . . . . . ถูกละลายลงในเนื้อและอวัยวะในปัสสาวะ " " สำหรับทุกข์ใจ , " "life น่ารังเกียจและเจ็บปวด ; ความกระหายโดยไม่มีเงื่อนไข . . . . . . . . และไม่มีใครสามารถหยุดพวกเขาจากการดื่ม หรือการทำให้น้ำ " " ตั้งแต่สมัยคลาสสิก ห้ามผ่า พอร์เตอร์ หมายเหตุ" "hidden ผลงานต้องอนุมานไปจากที่เข้าไปแล้วออกมา " " ก่อนการทดสอบการวินิจฉัยคือการดื่มปัสสาวะ และชื่อเบาหวาน "siphon ความหมาย " , " " ได้ในที่สุดเพิ่ม " "mellitus " " หมายถึง " "sweetened กับที่รัก " " หมอมักจะวินิจฉัยเบาหวานโดยไม่ต้องลิ้มรสการทดสอบ มดสีดำถูกดึงดูดให้ปัสสาวะของผู้ที่สูญเสียไป วาดโดยปริมาณน้ำตาล รุ่นต่อมา หมอก็ให้หักเหมือนกัน โดยเฉพาะสีขาว แห้งน้ำตาลจุดบนรองเท้าหรือกางเกงของผู้ชายรู้ตัวจริง จุดมุ่งหมายสำหรับชาวกรีก เพื่อแยกโรคอาการปวดขณะที่แยกพวกเขาจากบุคคลจากเหตุมหัศจรรย์คือตัวเองกระโดด " " ปัญญาใหญ่หลวง เราควรจะประทับใจจริง ๆกับ aretaeus " " กล่าวว่า ดร. คริส feudtner , ผู้เขียนของมา " "bittersweet : เบาหวาน อินซูลิน และการเปลี่ยนแปลงของโรค " " เขาก็สามารถที่จะดูรูปแบบของโรคเบาหวานในพุ่มไม้หนาแน่นของความเจ็บป่วยและความทุกข์ทรมาน . " "แต่สำหรับศตวรรษนี้เพิ่มความแม่นยำในการรับรู้โรคไม่ได้ตามใด ๆรักษาที่มีประสิทธิภาพ -- รายละเอียดเพิ่มเติมไม่ได้ทำหมอหมดหนทางน้อยลง ที่เวลากำลังสับสนไม่รู้ว่าสองชนิดของโรคเบาหวานประเภท 1 หรือที่รู้จักกันเป็น " "juvenile จนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้โรคเบาหวาน , " " ซึ่งจะรุนแรงมากขึ้นแต่พบน้อยกว่าชนิดที่ 2 หรือ " "adult การโจมตี " " ซึ่งดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับโรคอ้วนและกินมากเกินไป กับประเภทที่ 1 ( เอลิซาเบธ ฮิวส์มี ) , ตับอ่อนหยุดการหลั่งอินซูลินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สั่งให้ร่างกายใช้น้ำตาลในเลือด สำหรับเป็นพลังงานกับชนิดที่ 2 , ตับอ่อนผลิตอินซูลิน ( อย่างน้อยแรก ) แต่เนื้อเยื่อของร่างกายหยุดการตอบสนองที่เหมาะสม โดย 1776 , แพทย์ยังแค่ปัสสาวะของผู้ป่วยเบาหวานให้เดือดโดยสรุประบุว่า พวกเขาผ่านน้ำตาลเท่านั้นที่จะดูผู้ป่วยของพวกเขาตกอยู่ในเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด โคม่า และ ตายถ้าระดับอันตรายของกลูโคสถูกสูบออกไปจากเบาหวาน , ความคิดหนึ่งที่เห็นได้ชัด : หยุดมันเข้าไป ที่เรียกร้องความเข้าใจที่ซับซ้อนมากขึ้นของอาหารเอง ในนานประเพณีของการทดลองทางวิทยาศาสตร์วิปลาส , ลึกผ่านโชคดี : หาวนอนแผลที่กระเพาะอาหาร ใน 1822 , วิลเลียมโบมอนต์ , ศัลยแพทย์ในกองทัพสหรัฐฯ ไปแคนาดาชายแดน เพื่อรักษาอายุ 19 ดักตีด้วยปืนลูกซอง เด็กหาย แต่เขาก็ทิ้งด้วยหลุมในช่องท้องของเขา ตามเฝ้า โบมอนต์ " "took ประโยชน์ของผู้ป่วยเฉพาะหน้าต่าง " " และอาหารลดลงในสตริง เนื้อวัวปรุงรสเอาที่ยาวที่สุดด้วย เก่าขนมปังพังเร็วที่สุด กระบวนการย่อยอาหารทำงานแตกต่างกันขึ้นอยู่กับอย่างชัดเจนมีอะไรกิน จากนั้นใน 2414 ล้อมปารีสโดยชาวเยอรมัน , แพทย์ฝรั่งเศสชื่อbouchardat อาโปลีแนร์ สังเกตเห็นว่า แม้ว่าหลายร้อยอดอยากจนตายของเขา , เบาหวานผู้ป่วยที่แปลกขึ้น นี้ได้กลายเป็นพื้นฐานสำหรับการสร้างมาตรฐานใหม่ของการรักษา mangez เลอmoins ที่สุด เขาแนะนำให้พวกเขา กินน้อยได้ตามที่เป็นไปได้