(Education system in USA.) การศึกษาในสหรัฐอเมริกาแต่ละรัฐมีอิสระในการค การแปล - (Education system in USA.) การศึกษาในสหรัฐอเมริกาแต่ละรัฐมีอิสระในการค ไทย วิธีการพูด

(Education system in USA.) การศึกษา

(Education system in USA.)
การศึกษาในสหรัฐอเมริกา
แต่ละรัฐมีอิสระในการควบคุมคุณภาพและวางแผนด้านการเรียนการสอนเอง โดยไม่ขึ้นกับรัฐบาลกลาง ทุกรัฐจะมีหน่วยงานด้านการศึกษา ในการคอยควบคุมและกำหนดมาตรฐานต่าง ๆ
การศึกษาภาคบังคับนั้น นักเรียนอเมริกัน ทุกคนจะได้รับสิทธิเรียนฟรี จนกระทั่งถึงเกรด 12 (Grade 12) หรือจบในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
การเรียนในระดับอุดมศึกษานั้น หากนักศึกษาต้องการเรียนต่อในมหาวิทยาลัยในรัฐที่ตนเองไม่ได้มีถิ่นฐานอยู่แล้ว จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เรียกว่า Out of States Tuition เพิ่มขึ้นมาด้วย
หากนักเรียนต่างชาติ ต้องการเข้าไปเรียนในระดับประถม และมัธยมนั้น ทางสหรัฐจะจำกัดสิทธิให้สมัครได้เพียงโรงเรียนเอกชน (Private School) เท่านั้น จะไม่สามารถเรียนกับโรงเรียนรัฐบาล (Public School) ได้ (ยกเว้นนักเรียนทุนหรือนักเรียนแลกเปลี่ยน (Exchange Visitor Program) ที่ถือวีซ่า J1 สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนรัฐบาลได้)
การศึกษาในระดับต่าง ๆ
ระดับอนุบาล ( Kindergarten)
การศึกษาระดับนี้ ไม่ใช่การศึกษาภาคบังคับ แต่เป็นการเรียนเพื่อปรับพื้นฐานในช่วงอายุ 3-6 ปีก่อนที่จะเริ่มเรียนอย่างจริงจังในระดับประถมศึกษา

ระดับประถมศึกษา (Primary School)
เป็นการศึกษาภาคบังคับ สำหรับเด็กอายุ 6 – 11 ปี โดยมีระยะเวลาการศึกษา 6 ปี เริ่มเข้าเรียนที่ Grade 1 จนถึง Grade 6 (เทียบเท่ากับประถมศึกษาปีที่ 1 – 6 ในประเทศไทย) จึงจะสำเร็จการศึกษาในระดับนี้

ระดับมัธยมศึกษา (Secondary School หรือ High School)
เป็นการศึกษาภาคบังคับ สำหรับเด็กอายุ 12 – 18 ปี โดยมีระยะเวลาการศึกษา 6 ปี โดยจะเริ่มเรียนที่ Grade 7 – 8 ซึ่งเรียกว่าระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (Junior High School) และต่อด้วย Grade 9 –12 เป็นระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (Senior High School) โดยส่วนใหญ่แล้ว นักเรียนจะเรียนต่อเนื่องจนกระทั่งจบการศึกษาในระดับนี้ที่อายุ 18 ปี (เทียบเท่า วุฒิ ม.6)

รายชื่อหมวดวิชาที่ต้องเรียนในระดับนี้

ภาษาอังกฤษ (English)
คณิตศาสตร์ (Math)
วิทยาศาสตร์ (Sciences)
สังคมศึกษา (Social Studies)
ภาษาต่างประเทศ (Foreign Languages)
พลศึกษา (Physical Education)
ศิลปะ (Art)
ดนตรี (Music)
Home Economics
Industrial Arts
ระดับอุดมศึกษา แบ่งเป็น 4 ประเภท
1. วิทยาลัยแบบ 2 ปี หรือ วิทยาลัยชุมชน (Junior Colleges and Community Colleges) การศึกษาในระดับนี้ มี 2 ลักษณะ คือ แบบ Transfer Track และแบบ Terminal/Vocational Track

- Transfer Track เป็นหลักสูตรที่เป็นวิชาพื้นฐาน 2 ปีแรกของการศึกษาระดับปริญญาตรี โดยจะต้องลงเรียน รายวิชาบังคับ (General Education Requirements) จากนั้นนักศึกษาสามารถ โอนหน่วยกิต (Transfer) ไปยังมหาวิทยาลัยทั้งภาครัฐหรือเอกชนเพื่อศึกษาต่อในระดับชั้นปีที่ 3 โดยที่เกรดเฉลี่ยที่นักศึกษาทำได้ในระหว่าง 2 ปีนี้ จะเป็นตัว กำหนดว่านักศึกษาจะได้รับการตอบรับ เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ที่ต้องการหรือไม่

- Terminal / Vocational Track เป็นหลักสูตรอนุปริญญาสายวิชาชีพ หลังจากที่เรียนจบในระยะเวลา 2 ปีแล้วนักศึกษาจะได้รับ วุฒิอนุปริญญา (Associate Degree) ทางสาขาวิชาที่เลือก

2. วิทยาลัย (Colleges) เป็นสถาบันระดับอุดมศึกษาที่เปิดสอนในสาขาวิชาต่าง ๆ ในหลักสูตรปริญญาตรี (4 ปี) และปริญญาโท ซึ่งหลังจากที่เรียนจบหลักสูตรแล้ว วุฒิบัตรที่ได้รับจะมีศักดิ์และสิทธิ์เทียบเท่าปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยทุกประการ ไม่ว่าสถาบันนั้นจะเป็นของรัฐหรือเอกชนก็ตาม

3. มหาวิทยาลัย (University) เป็นสถาบันระดับอุดมศึกษาที่เปิดสอนระดับปริญญาตรีขึ้นไป มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ จะเปิดสอนจนถึงระดับปริญญาโท และเอกใน สาขาต่าง ๆ

4. สถาบันเทคโนโลยี (Institute of Technology) โดยส่วนใหญ่ มักจะมุ่งเน้น ที่การเรียนการสอนในสาขา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีเป็นหลัก ซึ่งเปิดสอนตั้งแต่ระดับปริญญาตรี จนถึง ระดับปริญญาโท และเอก

โรงเรียนสอนภาษา
ประเทศสหรัฐอเมริกา มีสถาบันสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองอยู่มากมาย มีทั้งโรงเรียนของรัฐบาลและของเอกชน หลักสูตรที่เปิดสอนโดยส่วนใหญ่เรียกว่า Intensive English Program ซึ่งเป็นหลักสูตรที่เปิดสอนขึ้น เพื่อนักศึกษาต่างชาติโดยเฉพาะ จุดประสงค์ของหลักสูตร คือให้นักเรียนต่างชาติ พัฒนาความสามารถทางภาษาอังกฤษ ก่อนที่จะเข้าเรียนในหลักสูตรอื่น ๆ ต่อไป

ปีการศึกษา หรือ ภาคการศึกษา (Academic Year)
ในประเทศสหรัฐอเมริกานั้น จะแบ่งปีการศึกษาออกเป็นหลายระบบ ระบบที่นิยมใช้มากที่สุด ก็คือระบบ Semester ซึ่งจะคล้ายกับระบบที่ใช้อยู่ในประเทศไทย ในระดับอุดมศึกษา

ระบบต่าง ๆ มีชื่อและรายละเอียด ดังนี้

1. ระบบ Semester ใน 1 ปีการศึกษา จะประกอบด้วย 2 Semesters ซึ่งยาวประมาณ Semester ละ 16 สัปดาห์ และ ภาคเรียนระยะสั้นในช่วง Summer เรียกว่า 1-2 Summer Sessions ซึ่งแต่ละช่วงมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

* Fall Semester เปิดเรียนประมาณปลายเดือนสิงหาคม – กลางเดือนธันวาคม
* Spring Semester เปิดเรียนประมาณต้นเดือนมกราคม – เดือนเมษายน
* Summer Session เปิดเรียนประมาณกลาง เดือนพฤษภาคม – เดือนสิงหาคม (บางครั้งช่วง Summer จะแบ่งครึ่ง เป็น 2 ช่วงสั้น ๆ )

2. ระบบ Trimester ใน 1 ปีการศึกษา จะประกอบด้วย 3 ภาคการศึกษา ดังนี้

* First Trimester เปิดเรียนประมาณ เดือนกันยายน – เดือนธันวาคม
* Second Trimester เปิดเรียนประมาณเดือนมกราคม – เดือนเมษายน
* Third Trimester เปิดเรียนประมาณ เดือนพฤษภาคม – เดือนสิงหาคม

3. ระบบ Quarter ใน 1 ปีการศึกษา จะประกอบด้วย 4 Quarter แต่ละ Quarter จะเปิดเรียนประมาณ 10 สัปดาห์ คือ

* Fall Quarter เปิดเรียนประมาณกลางเดือนกันยายน – เดือนธันวาคม
* Winter Quarter เปิดเรียนประมาณเดือนมกราคม – กลางเดือนมีนาคม
* Spring Quarter เปิดเรียนประมาณกลางต้นเดือนเมษายน – กลางเดือนมิถุนายน
* Summer Quarter เปิดเรียนประมาณกลางเดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม

4. ระบบ 4-1-4 ใน 1 ปีการศึกษา จะประกอบด้วย 2 ภาคเรียนใหญ่ และคั่นกลางด้วยภาคเรียนสั้น ๆ 1 เดือน เพื่อให้นักศึกษาไป ค้นคว้าด้วยตนเอง หรือออก Field Trip ซึ่งภาคเรียน 1 เดือนนี้ มีชื่อเรียกว่า Interim ระบบ 4-1-4 นี้ เป็นระบบใหม่ที่มีใช้อยู่ในสถานศึกษาที่อเมริกา ประมาณ 8% ซึ่งประกอบด้วย

* Fall Semester เปิดเรียนประมาณปลายเดือนสิงหาคม – เดือนธันวาคม
* Interim ช่วงเดือนมกราคม (1 เดือน)
* Spring Semester เปิดเรียนประมาณเดือนกุมภาพันธ์ – เดือนพฤษภาคม

ข้อดีของการเรียนที่อเมริกา
การศึกษาของประเทศอเมริกาอยู่ในระดับแนวหน้า ซึ่งประเทศต่าง ๆ ให้การยอมรับ อีกทั้งยังมีสถาบันที่มีชื่อเสียงมาก ยกตัวอย่าง เช่น Harvard University, MIT, Stanford University
หลักสูตรมีให้เลือกเรียนหลากหลาย และมีสถาบันให้เลือกอย่างมากมาย
ได้รับโอกาสการศึกษา โดยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเป็นสื่อในการเรียนการสอน
มีโอกาสได้เรียนรู้วัฒนธรรม เทคโนโลยีใหม่ ๆ แ
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
(ระบบการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา.)
โดยไม่ขึ้นกับรัฐบาลกลางทุกรัฐจะมีหน่วยงานด้านการศึกษาในการคอยควบคุมและกำหนดมาตรฐานต่าง ๆ
การศึกษาภาคบังคับนั้นนักเรียนอเมริกันทุกคนจะได้รับสิทธิเรียนฟรีจนกระทั่งถึงเกรด 12 (12 ชั้น) หรือจบในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
การเรียนในระดับอุดมศึกษานั้น ออกจากค่าเล่าเรียนรัฐเพิ่มขึ้นมาด้วย
หากนักเรียนต่างชาติต้องการเข้าไปเรียนในระดับประถมและมัธยมนั้น (โรงเรียนเอกชน) เท่านั้นจะไม่สามารถเรียนกับโรงเรียนรัฐบาล (โรงเรียนของรัฐ) ได้(โปรแกรมเยือนการซื้อขายแลกเปลี่ยน) ที่ถือวีซ่า J1การศึกษาในระดับต่าง ๆ
ระดับอนุบาล (อนุบาล)
การศึกษาระดับนี้ไม่ใช่การศึกษาภาคบังคับ 3-6 (ประถม)
เป็นการศึกษาภาคบังคับสำหรับเด็กอายุ 6-11 ปีโดยมีระยะเวลาการศึกษา 6 ปีเริ่มเข้าเรียนที่ 1 จนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (เทียบเท่ากับประถมศึกษาปีที่ 1 - 6 ในประเทศไทย) จึงจะสำเร็จการศึกษาในระดับนี้

ระดับมัธยมศึกษา (โรงเรียนมัธยมหรือโรงเรียนมัธยม)
เป็นการศึกษาภาคบังคับสำหรับเด็กอายุ 12 - 18 ปีโดยมีระยะเวลาการศึกษา 6 ปีโดยจะเริ่มเรียนประถมศึกษาปีที่ 7-8 ซึ่งเรียกว่าระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (มัธยมต้น) และต่อด้วยเกรด 9 -12 เป็นระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย (โรงเรียนมัธยม)18 ปี (เทียบเท่าวุฒิม(อังกฤษ)
คณิตศาสตร์ (คณิตศาสตร์)
วิทยาศาสตร์ (วิทยาศาสตร์)
สังคมศึกษา (สังคมศึกษา)
ภาษาต่างประเทศ (ภาษาต่างประเทศ)
พลศึกษา (พลศึกษา)
ศิลปะ (ศิลปะ)
ดนตรี (เพลง)

คหกรรมศิลปะอุตสาหกรรม
ระดับอุดมศึกษาแบ่งเป็น 4 ประเภท
1 วิทยาลัยแบบ 2 ปีหรือวิทยาลัยชุมชน (จูเนียร์วิทยาลัยและวิทยาลัยชุมชน) การศึกษาในระดับนี้มี 2 ลักษณะคือการติดตามการติดตามการถ่ายโอนแบบและขั้วแบบ / อาชีวศึกษา

- ติดตามการถ่ายโอนเป็นหลักสูตรที่เป็นวิชาพื้นฐาน 2 ปีแรกของการศึกษาระดับปริญญาตรีโดยจะต้องลงเรียนรายวิชาบังคับ (ทั่วไปความต้องการการศึกษา) จากนั้นนักศึกษาสามารถโอนหน่วยกิต (โอน)3 2 ปีนี้จะเป็นตัวกำหนดว่านักศึกษาจะได้รับการตอบรับเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ต้องการหรือไม่

- ขั้วติดตาม / อาชีวศึกษาเป็นหลักสูตรอนุปริญญาสายวิชาชีพหลังจากที่เรียนจบในระยะเวลา 2 ปีแล้วนักศึกษาจะได้รับวุฒิอนุปริญญา (ปริญญา) ทางสาขาวิชาที่เลือก

2วิทยาลัย (วิทยาลัย) ๆ ในหลักสูตรปริญญาตรี (4 ปี) และปริญญาโทซึ่งหลังจากที่เรียนจบหลักสูตรแล้ว
3 มหาวิทยาลัย (มหาวิทยาลัย) มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะเปิดสอนจนถึงระดับปริญญาโทและเอกในสาขาต่าง ๆ

4สถาบันเทคโนโลยี (Institute of Technology) โดยส่วนใหญ่มักจะมุ่งเน้นที่การเรียนการสอนในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหลักซึ่งเปิดสอนตั้งแต่ระดับปริญญาตรีจนถึงระดับปริญญาโทและเอก

โรงเรียนสอนภาษา
ประเทศสหรัฐอเมริกา โปรแกรมภาษาอังกฤษแบบเร่งรัดซึ่งเป็นหลักสูตรที่เปิดสอนขึ้นจุดประสงค์ของหลักสูตรคือให้นักเรียนต่างชาติพัฒนาความสามารถทางภาษาอังกฤษก่อนที่จะเข้าเรียนในหลักสูตรอื่น ๆ ต่อไป

ปีการศึกษาหรือภาคการศึกษา (ปีการศึกษา)
ในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นจะแบ่งปีการศึกษาออกเป็นหลายระบบระบบที่นิยมใช้มากที่สุดก็คือภาคการศึกษาระบบ ในระดับอุดมศึกษา

ระบบต่าง ๆ มีชื่อและรายละเอียดดังนี้

1 ภาคการศึกษาระบบใน 1 ปีการศึกษาจะประกอบด้วย 2 ภาคการศึกษาภาคการศึกษาซึ่งยาวประมาณละ 16 สัปดาห์และภาคเรียนระยะสั้นในช่วงฤดู​​ร้อนที่เรียกว่า 1-2 ช่วงฤดู​​ร้อนซึ่งแต่ละช่วงมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

เทอมฤดูใบไม้ร่วง * เปิดเรียนประมาณปลายเดือนสิงหาคม - กลางเดือนธันวาคมฤดูใบไม้ผลิเทอม
* เปิดเรียนประมาณต้นเดือนมกราคม - เดือนเมษายน
เซสชั่นฤดูร้อน * เปิดเรียนประมาณกลางเดือนพฤษภาคม - เดือนสิงหาคม (บางครั้งช่วงฤดู​​ร้อนจะแบ่งครึ่งเป็น 2 ช่วงสั้น ๆ )

2 ภาคการศึกษาระบบใน 1 ปีการศึกษาจะประกอบด้วย 3 ภาคการศึกษาดังนี้

* ไตรมาสแรกเปิดเรียนประมาณเดือนกันยายน - เดือนธันวาคม
* ไตรมาสที่สองเปิดเรียนประมาณเดือนมกราคม - เดือนเมษายน
* ไตรมาสที่สามเปิดเรียนประมาณเดือนพฤษภาคม - เดือนสิงหาคม

3ระบบในไตรมาส 1 ปีการศึกษาจะประกอบด้วย 4 ไตรมาสแต่ละจะเปิดเรียนประมาณ 10 สัปดาห์คือ

ไตรมาสฤดูใบไม้ร่วงปี * เปิดเรียนประมาณกลางเดือนกันยายน - เดือนธันวาคม
* ไตรมาสฤดูหนาวเปิดเรียนประมาณเดือนมกราคม - กลางเดือนมีนาคม
ไตรมาสผลิ * เปิดเรียนประมาณกลางต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนมิถุนายน
ไตรมาสร้อน * เปิดเรียนประมาณกลางเดือนมิถุนายน - เดือนสิงหาคม

4ระบบ 4-1-4 ใน 1 ปีการศึกษาจะประกอบด้วย 2 ภาคเรียนใหญ่และคั่นกลางด้วยภาคเรียนสั้น ๆ 1 เดือนเพื่อให้นักศึกษาไปค้นคว้าด้วยตนเองหรือทัศนศึกษาออกซึ่งภาคเรียน 1 เดือนนี้มีชื่อเรียกว่าระหว่างกาลระบบ 4-1-4 นี้ประมาณ 8% ซึ่งประกอบด้วย
เทอมฤดูใบไม้ร่วง
* เปิดเรียนประมาณปลายเดือนสิงหาคม - เดือนธันวาคม
* ระหว่างช่วงเดือนมกราคม (1 เดือน)
ภาคการศึกษาฤดูใบไม้ผลิ * เปิดเรียนประมาณเดือนกุมภาพันธ์ -ซึ่งประเทศต่าง ๆ ให้การยอมรับ ยกตัวอย่างเช่น Harvard University, MIT, Stanford University
หลักสูตรมีให้เลือกเรียนหลากหลาย เทคโนโลยีใหม่ ๆ แ
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
(ระบบการศึกษาในสหรัฐอเมริกา)
การศึกษาในสหรัฐอเมริกา
แต่ละรัฐมีอิสระในการควบคุมคุณภาพและวางแผนด้านการเรียนการสอนเองโดยไม่ขึ้นกับรัฐบาลกลางทุกรัฐจะมีหน่วยงานด้านการศึกษาในการคอยควบคุมและกำหนดมาตรฐานต่างๆ
การศึกษาภาคบังคับนั้นนักเรียนอเมริกันทุกคนจะได้รับสิทธิเรียนฟรีจนกระทั่งถึงเกรด 12 (เกรด 12) หรือจบในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เรียกว่าหากนักศึกษาต้องการเรียนต่อในมหาวิทยาลัยในรัฐที่ตนเองไม่ได้มีถิ่นฐานอยู่แล้วการเรียนในระดับอุดมศึกษานั้นจากอเมริกาเรียนเพิ่มขึ้นมาด้วย
หากนักเรียนต่างชาติต้องการเข้าไปเรียนในระดับประถมและมัธยมนั้นทางสหรัฐจะจำกัดสิทธิให้สมัครได้เพียงโรงเรียนเอกชน (โรงเรียนเอกชน) เท่านั้นจะไม่สามารถเรียนกับโรงเรียนรัฐบาล (โรงเรียน) ได้ (โครงการแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยว) ที่ถือวีซ่า J1 สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนรัฐบาลได้)
การศึกษาในระดับต่างๆ
ระดับอนุบาล (อนุบาล)
ปีก่อนที่จะเริ่มเรียนอย่างจริงจังในระดับประถมศึกษาการศึกษาระดับนี้ไม่ใช่การศึกษาภาคบังคับแต่เป็นการเรียนเพื่อปรับพื้นฐานในช่วงอายุ 3-6

ระดับประถมศึกษา (ประถม)
เป็นการศึกษาภาคบังคับสำหรับเด็กอายุ 6 – 11 ปีโดยมีระยะเวลาการศึกษา 6 ปีเริ่มเข้าเรียนที่เกรด 1 จนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (ในประเทศไทยเทียบเท่ากับประถมศึกษาปีที่ 1-6) จึงจะสำเร็จการศึกษาในระดับนี้

ระดับมัธยมศึกษา (มัธยมโรงเรียนหรือมัธยม)
เป็นการศึกษาภาคบังคับสำหรับเด็กอายุ 12 – 18 ปีโดยมีระยะเวลาการศึกษา 6 ปีโดยจะเริ่มเรียนที่เกรด 7 – 8 ซึ่งเรียกว่าระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (มัธยมตอนต้น) และต่อด้วยเกรด 9 –12 เป็นระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (รองมัธยม) นักเรียนจะเรียนต่อเนื่องจนกระทั่งจบการศึกษาในระดับนี้ที่อายุ 18 ปี (เทียบเท่าวุฒิม6)

รายชื่อหมวดวิชาที่ต้องเรียนในระดับนี้

ภาษาอังกฤษ (อังกฤษ)
คณิตศาสตร์ (Math)
วิทยาศาสตร์ (วิทยาศาสตร์)
สังคมศึกษา (สังคมศึกษา)
ภาษาต่างประเทศ (ภาษาต่างประเทศ)
พลศึกษา (พลศึกษา)
ศิลปะ (ศิลปะ)
ดนตรี (ดนตรี)
คหกรรม
อุตสาหกรรมศิลปะ
ประเภทแบ่งเป็น 4 ระดับอุดมศึกษา
1 คำวิทยาลัยแบบ 2 ปีหรือวิทยาลัยชุมชน (วิทยาลัยและวิทยาลัยชุมชน) การศึกษาในระดับนี้มี 2 ลักษณะคือประกอบโอนติดตามและแบบเทอร์มินัล/อาชีพติดตาม

-โอนย้ายติดตามเป็นหลักสูตรที่เป็นวิชาพื้นฐาน 2 ปีแรกของการศึกษาระดับปริญญาตรีโดยจะต้องลงเรียนรายวิชาบังคับ (ความต้องการการศึกษาทั่วไป) จากนั้นนักศึกษาสามารถโอนหน่วยกิต (โอนย้าย) 3 โดยที่เกรดเฉลี่ยที่นักศึกษาทำได้ในระหว่าง 2 ปีนี้จะเป็นตัวกำหนดว่านักศึกษาจะได้รับการตอบรับเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ต้องการหรือไม่

-ติดตามอาชีพ / เทอร์มินัลเป็นหลักสูตรอนุปริญญาสายวิชาชีพหลังจากที่เรียนจบในระยะเวลา 2 ปีแล้วนักศึกษาจะได้รับวุฒิอนุปริญญา (ทีมปริญญา) ทางสาขาวิชาที่เลือก

2 วิทยาลัย (วิทยาลัย) เป็นสถาบันระดับอุดมศึกษาที่เปิดสอนในสาขาวิชาต่างๆ ในหลักสูตรปริญญาตรี (4 ปี) และปริญญาโทซึ่งหลังจากที่เรียนจบหลักสูตรแล้ว ไม่ว่าสถาบันนั้นจะเป็นของรัฐหรือเอกชนก็ตาม

3 มหาวิทยาลัย (มหาวิทยาลัย) เป็นสถาบันระดับอุดมศึกษาที่เปิดสอนระดับปริญญาตรีขึ้นไปมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะเปิดสอนจนถึงระดับปริญญาโทและเอกในสาขาต่างๆ

4 สถาบันเทคโนโลยี (สถาบันเทคโนโลยี) โดยส่วนใหญ่มักจะมุ่งเน้นที่การเรียนการสอนในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหลักซึ่งเปิดสอนตั้งแต่ระดับปริญญาตรีจนถึงระดับปริญญาโทและเอก

โรงเรียนสอนภาษา
ประเทศสหรัฐอเมริกามีสถาบันสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองอยู่มากมายมีทั้งโรงเรียนของรัฐบาลและของเอกชนหลักสูตรที่เปิดสอนโดยส่วนใหญ่เรียกว่าคอร์โปรแกรมภาษาอังกฤษซึ่งเป็นหลักสูตรที่เปิดสอนขึ้น จุดประสงค์ของหลักสูตรคือให้นักเรียนต่างชาติพัฒนาความสามารถทางภาษาอังกฤษก่อนที่จะเข้าเรียนในหลักสูตรอื่นๆ ต่อไป

ปีการศึกษาหรือภาคการศึกษา (ปีการศึกษา)
ในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นจะแบ่งปีการศึกษาออกเป็นหลายระบบระบบที่นิยมใช้มากที่สุดก็คือระบบในระดับอุดมศึกษาภาคซึ่งจะคล้ายกับระบบที่ใช้อยู่ในประเทศไทย

ระบบต่างๆ มีชื่อและรายละเอียดดังนี้

1 ระบบฯลฯ แล้วแต่ภาคใน 1 ปีการศึกษาจะประกอบด้วย 2 ฤดูร้อนภาคซึ่งยาวประมาณภาคล่ะ 16 สัปดาห์และภาคเรียนระยะสั้นในช่วงเรียกว่าดังต่อไปนี้ซึ่งแต่ละช่วงมีรายละเอียดร้อนช่วง 1-2

* ตกภาคเปิดเรียนประมาณปลายเดือนสิงหาคม – กลางเดือนธันวาคม
* ภาคการศึกษาฤดูใบไม้ผลิเปิดเรียนประมาณต้นเดือนมกราคม – เดือนเมษายน
* ร้อนช่วงเปิดเรียนประมาณกลางเดือนพฤษภาคม – เดือนสิงหาคม (บางครั้งช่วงร้อนจะแบ่งครึ่งเป็น 2 ช่วงสั้นๆ)

2 ระบบฯลฯ แล้วแต่ไตรมาสใน 1 ปีการศึกษาจะประกอบด้วย 3 ภาคการศึกษาดังนี้

* แรกไตรมาสเปิดเรียนประมาณเดือนกันยายน – เดือนธันวาคม
* 6 เดือนเปิดเรียนประมาณเดือนมกราคม – เดือนเมษายน
* สามไตรมาสเปิดเรียนประมาณเดือนพฤษภาคม – เดือนสิงหาคม

3 ระบบฯลฯ แล้วแต่ไตรมาสใน 1 ปีการศึกษาจะประกอบด้วยไตรมาส 4 แต่ละไตรมาสจะเปิดเรียนประมาณ 10 สัปดาห์คือ

* ตกไตรมาสเปิดเรียนประมาณกลางเดือนกันยายน – เดือนธันวาคม
* หนาวไตรมาสเปิดเรียนประมาณเดือนมกราคม – กลางเดือนมีนาคม
* สปริงไตรมาสเปิดเรียนประมาณกลางต้นเดือนเมษายน – กลางเดือนมิถุนายน
* ร้อนไตรมาสเปิดเรียนประมาณกลางเดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม

4 ระบบฯลฯ แล้วแต่ 4-1-4 ใน 1 ปีการศึกษาจะประกอบด้วย 2 ภาคเรียนใหญ่และคั่นกลางด้วยภาคเรียนสั้นๆ 1 เดือนเพื่อให้นักศึกษาไปค้นคว้าด้วยตนเองหรือออกรถซึ่งภาคเรียน 1 เดือนนี้มีชื่อเรียกว่าระบบฯลฯ แล้วแต่กาล 4-1-4 นี้ ประมาณ 8% ซึ่งประกอบด้วย

* ตกภาคเปิดเรียนประมาณปลายเดือนสิงหาคม – เดือนธันวาคม
* ช่วงเดือนมกราคมเฉพาะกาล (1 เดือน)
* ภาคการศึกษาฤดูใบไม้ผลิเปิดเรียนประมาณเดือนกุมภาพันธ์ – เดือนพฤษภาคม

ข้อดีของการเรียนที่อเมริกา
การศึกษาของประเทศอเมริกาอยู่ในระดับแนวหน้าซึ่งประเทศต่างๆ ให้การยอมรับอีกทั้งยังมีสถาบันที่มีชื่อเสียงมากยกตัวอย่างเช่นมหาวิทยาลัย MIT สแตนฟอร์ดมหาวิทยาลัย
หลักสูตรมีให้เลือกเรียนหลากหลายและมีสถาบันให้เลือกอย่างมากมาย
ได้รับโอกาสการศึกษาโดยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเป็นสื่อในการเรียนการสอน
มีโอกาสได้เรียนรู้วัฒนธรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ แ
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
(ระบบการศึกษาในสหรัฐอเมริกา)
การศึกษาในสหรัฐอเมริกา
แต่ละรัฐมีอิสระในการโดยไม่ขึ้นกับรัฐบาลกลางทุกรัฐจะมีหน่วยงานด้านการศึกษาในการคอยควบคุมและกำหนดมาตรฐานต่างๆ
การศึกษาภาคบังคับนั้น นักเรียนอเมริกันทุกคนจะได้รับสิทธิเรียนฟรีจนกระทั่งถึงเกรด 12 (ระดับ 12 )หรือจบในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
ตามมาตรฐานการเรียนในระดับอุดมศึกษานั้นหากนักศึกษาต้องการเรียนต่อในมหาวิทยาลัยในรจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เรียกว่าออกจากรัฐค่าเล่าเรียนเพิ่มขึ้นมาด้วย
ตามมาตรฐานหากนักเรียนต่างชาติต้องการเข้าไปเรียนในระดับประถมและมัธยมนั้นทางสหรัฐจะจำกัดสิทธิให้สมัครได้เพียงโรงเรี(ส่วนตัวโรงเรียน)เท่านั้นจะไม่สามารถเรียนกับโรงเรียนรัฐบาล(สาธารณะโรงเรียน)ได้(อัตราแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวโปรแกรม)ที่ถือวีซ่า J 1 สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนรัฐบาลได้)
การศึกษาในระดับต่างๆ
ระดับอนุบาล(อนุบาล)
การศึกษาระดับนี้ ไม่ใช่การศึกษาภาคบังคับ แต่เป็นการเรียนเพื่อปรับพื้นฐานในช่วงอายุ 3-6 3-6 3-6 3-6 ปีก่อนที่จะเริ่มเรียนอย่างจริงจังในระดับปร(โรงเรียนประถมศึกษา)
เป็นการศึกษาภาคบังคับ สำหรับเด็กอายุ 6 - 11 ปีโดยมีระยะเวลาการศึกษา 6 ปีเริ่มเข้าเรียนที่ระดับ 1 จนถึงระดับ 6 (เทียบเท่ากับประถมศึกษาปีที่ 1 - 6 ในประเทศไทย) จึงจะสำเร็จการศึกษาในระดับนี้

ระดับมัธยมศึกษา(ระดับมัธยมศึกษาหรือระดับชั้นมัธยม)
เป็นการศึกษาภาคบังคับ สำหรับเด็กอายุ 12 - 18 ปีโดยมีระยะเวลาการศึกษา 6 ปีโดยจะเริ่มเรียนที่เกรด 7 - 8 ซึ่งเรียกว่าระดับมัธยมศึกษาตอนต้น(ห้องพักแบบ junior สูงโรงเรียน)และต่อด้วยชั้น 9 - 12 เป็นระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย(อาวุโสสูงโรงเรียน)นักเรียนจะเรียนต่อเนื่องจนกระทั่งจบการศึกษ 18 ปี(เทียบเท่าวุฒิม.6)

รายชื่อหมวดวิชาที่ต้องเรียนในระดับนี้

ภาษ ( ภาษาอังกฤษ )
คณิตศาสตร์(คณิตศาสตร์)
วิทยาศาสตร์(วิทยาศาสตร์)
สังคมศึกษา(ทางสังคมการศึกษา)
ภาษาต่างประเทศ (ต่าง)
พลศึกษา(การศึกษา)
ศิลปะ( art )
ดนตรี(เพลง):

หลักเศรษฐศาสตร์อุตสาหกรรมจัดแสดงผลงานทางศิลปะ
ระดับอุดมศึกษาแบ่งเป็น 4 ประเภท
1 . วิทยาลัยแบบ 2 ปีหรือวิทยาลัยชุมชน(ห้องพักแบบ junior วิทยาลัยวิทยาลัยชุมชนและ)การศึกษาในระดับนี้มี 2 ลักษณะคือแบบถ่ายโอนแทร็คและแบบอาคารโดยสาร/อาชีวศึกษา ติดตาม

- ถ่ายโอนแทร็คเป็นหลักสูตรที่เป็นวิชาพื้นฐาน 2 ปีแรกของการศึกษาระดับปริญญาตรีโดยจะต้องลงเรียนรายวิชาบังคับ(การศึกษาทั่วไป)จากนั้นนักศึกษาสามารถโอนหน่วยกิต(ถ่ายโอน)32 โดยที่เกรดเฉลี่ยที่นักศึกษาทำได้ในระหว่างปีนี้จะเป็นตัวกำหนดว่านักศึกษาจะได้รับการตอบรับเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ต้องการหรือไม่
ตามมาตรฐาน
- อาคารโดยสาร/อาชีวศึกษาติดตามเป็นหลักสูตรอนุปริญญาสายวิชาชีพหลังจากที่เรียนจบในระยะเวลา 2 ปีแล้วนักศึกษาจะได้รับวุฒิอนุปริญญา(หลักสูตรปริญญาตรี) ทางสาขาวิชาที่เลือก

2 .วิทยาลัย(วิทยาลัย)เป็นสถาบันระดับอุดมศึกษาที่เปิดสอนในสาขาวิๆในหลักสูตรปริญญาตรี( 4 ปี)และปริญญาโทซึ่งหลังจากที่เรียนจบหลักสูตรแล้วไม่ว่าสถาบันนั้นจะเป็นของรัฐหรือเอกชนก็ตาม
ตามมาตรฐาน
3 . มหาวิทยาลัย( University )เป็นสถาบันระดับอุดมศึกษาที่เปิดสอนระดับปริมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะเปิดสอนจนถึงระดับปริญญาโทและเอกในสาขาต่าง ๆ

4 .สถาบันเทคโนโลยี( Institute of Technology )โดยส่วนใหญ่มักจะมุ่งเน้นที่การเรียนการสอนในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหลักซึ่งเปิดสอนตั้งแต่ระดับปริญญาตรีจนถึงระดับปริญญาโท และเอก

โรงเรียนสอนภาษา
ประเทศสหรัฐอเมริกา มีสถาบันสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองอยู่มาก มีทั้งโรงเรียนของรัฐบาลและของเอกชนหลักสูตรที่เปิดสอนโดยส่วนใหญ่เรียกว่า ภาษาอังกฤษ แบบเร่งรัดซึ่งเป็นหลักสูตรที่เปิดสอนขึ้นจุดประสงค์ของหลักสูตรคือให้นักเรียนต่างชาติ พัฒนาความสามารถทางภาษาอังกฤษ ก่อนที่จะเข้าเรียนในหลักสูตรอื่นๆต่อไป
ตามมาตรฐาน
ปีการศึกษาหรือ ภาคการศึกษา (ปีการศึกษา)
ในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นจะแบ่งปีการศึกษาออกเป็นหลายระบบระบบที่นิยมใช้มากที่สุดก็คือระบบ ภาค ซึ่งจะคล้ายกับระบบที่ใช้อยู่ในประเทศไทย ในระดับอุดมศึกษา

ระบบต่างๆมีชื่อและรายละเอียด ดังนี้

1 . ระบบใน ภาค 1 ปีการศึกษาจะประกอบด้วยซึ่งยาวประมาณ ภาค 2 ภาค เรียนละ 16 สัปดาห์และ ภาคเรียนระยะสั้นในช่วง เรียกว่า 1-2 1-2 ฤดูร้อนฤดูร้อน ซึ่งแต่ละช่วงมีรายละเอียด

ดังต่อไปนี้* ภาค ฤดูใบไม้ร่วง:เปิดเรียนประมาณปลายเดือนสิงหาคม - กลางเดือนธันวาคม
* ภาค ฤดูใบไม้ผลิเปิดเรียนประมาณต้นเดือนมกราคม - เดือนเมษายน
*ช่วงฤดูร้อนเซสชันเปิดเรียนประมาณกลาง เดือนพฤษภาคม - เดือนสิงหาคม(บางครั้งช่วงจะแบ่งครึ่งฤดูร้อนเป็น 2 ช่วงสั้นๆ)

2 . ระบบดาวน์ใน 1 ปีการศึกษาจะประกอบด้วย 3 ภาคการศึกษา

ดังนี้*ดาวน์เปิดเรียนประมาณเดือนกันยายน - เดือนธันวาคม
*ที่สองดาวน์เปิดเรียนประมาณเดือนมกราคม - เดือนเมษายน
*ที่สามดาวน์เปิดเรียนประมาณ เดือนพฤษภาคม - เดือนสิงหาคม

3 .ระบบไตรมาสใน 1 ปีการศึกษาจะประกอบด้วย 4 ไตรมาสแต่ละไตรมาสจะเปิดเรียนประมาณ 10 สัปดาห์คือ

*ลดลงช่วงไตรมาสเปิดเรียนประมาณกลางเดือนกันยายน - เดือนธันวาคม
*ฤดูหนาวไตรมาสเปิดเรียนประมาณเดือนมกราคม - กลางเดือนมีนาคม
*ฤดูใบไม้ผลิไตรมาสเปิดเรียนประมาณกลางต้นเดือนเมษายน - กลางเดือนมิถุนายน
*ช่วงฤดูร้อนช่วงไตรมาสเปิดเรียนประมาณกลางเดือนมิถุนายน - เดือนสิงหาคม

4 .ระบบ 4-1-4 ใน 1 ปีการศึกษาจะประกอบด้วย 2 ภาคเรียนใหญ่ และคั่นกลางด้วยภาคเรียนสั้น ๆ 1 เดือนเพื่อให้นักศึกษาไปค้นคว้าด้วยตนเองหรือออกฟิลด์การเดินทาง ซึ่งภาคเรียน 1 เดือนนี้มีชื่อเรียกว่าชั่วคราวระบบ 4-1-4 นี้ประมาณ 8% ซึ่งประกอบด้วย
ตามมาตรฐาน
* ภาค ฤดูใบไม้ร่วง:เปิดเรียนประมาณปลายเดือนสิงหาคม - เดือนธันวาคม
*ชั่วคราวช่วงเดือนมกราคม( 1 เดือน)
* ภาค ฤดูใบไม้ผลิ เปิดเรียนประมาณเดือนกุมภาพันธ์ - เดือนพฤษภาคม

ข้อดีของการเรียนที่อเมริกา
การศึกษาของประเทศอเมริกาอยู่ในระดับแนวหน้าซึ่งประเทศต่างๆให้การยอมรับอีกทั้งยังมีสถาบันที่มีชื่อเสียงมากยกตัวอย่างเช่น Harvard University , MIT , Stanford University
หลักสูตรมีให้เลือกเรียนหลากหลายและมีสถาบันให้เลือกอย่างมากมาย
ได้รับโอกาสกโดยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเป็นสื่อในการเเทคโนโลยีใหม่ๆแ
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: