กำเนิดเอกภพ(Big Bang)ทฤษฎีบิกแบงทฤษฎี “บิกแบง” (Big Bang Theory) เป็นท การแปล - กำเนิดเอกภพ(Big Bang)ทฤษฎีบิกแบงทฤษฎี “บิกแบง” (Big Bang Theory) เป็นท ไทย วิธีการพูด

กำเนิดเอกภพ(Big Bang)ทฤษฎีบิกแบงทฤษ

กำเนิดเอกภพ(Big Bang)
ทฤษฎีบิกแบงทฤษฎี “บิกแบง” (Big Bang Theory) เป็นทฤษฎีทางดาราศาสตร์ที่กล่าวถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของจักรวาล ปัจจุบันเป็นทฤษฎีที่เป็นที่เชื่อถือและยอมรับมากที่สุด ทฤษฎีบิกแบงเกิดขึ้นจากการสังเกตของนักดาราศาสตร์ที่ว่า ขณะนี้จักรวาลกำลังขยายตัว ดวงดาวต่าง ๆ บนท้องฟ้ากำลังวิ่งห่างออกจากกันทุกที เมื่อย้อนกลับไปสู่อดีต ดวงดาวต่างๆ จะอยู่ใกล้กันมากกว่านี้ และเมื่อนักดาราศาสตร์คำนวณอัตราความเร็วของการขยายตัวทำให้ทราบถึงอายุของจักรวาลและการคลี่คลายตัวของจักรวาล รวมทั้งสร้างทฤษฎีการกำเนิดจักรวาลขึ้นอีกด้วย ตามทฤษฎีนี้ จักรวาลกำเนิดขึ้นเมื่อประมาณ ๑๕,๐๐๐ ล้านปีที่แล้ว ก่อนการเกิดของจักรวาล ไม่มีมวลสาร ช่องว่าง หรือกาลเวลา จักรวาลเป็นเพียงจุดที่เล็กยิ่งกว่าอะตอมเท่านั้น และด้วยเหตุใดยังไม่ปรากฏแน่ชัด จักรวาลที่เล็กที่สุดนี้ได้ระเบิดออกอย่างรุนแรงและรวดเร็วในเวลาเพียงเศษเสี้ยววินาที (Inflationary period) แรงระเบิดก่อให้เกิดหมอกธาตุซึ่งแสงไม่สามารถทะลุผ่านได้ (Plasma period) ต่อมาจักรวาลที่กำลังขยายตัวเริ่มเย็นลง หมอกธาตุเริ่มรวมตัวกันเป็นอะตอม จักรวาลเริ่มโปร่งแสง ในทางทฤษฎีแล้วพื้นที่บางแห่งจะมีมวลหนาแน่นกว่า ร้อนกว่า และเปล่งแสงออกมามากกว่า ซึ่งต่อมาพื้นที่เหล่านี้ได้ก่อตัวเป็นกลุ่มหมอกควันอันใหญ่โตมโหฬาร และภายใต้กฎของแรงโน้มถ่วง กลุ่มหมอกควันอันมหึมานี้ได้ค่อยๆ แตกออก จนเป็นโครงสร้างของ “กาแลกซี” (Galaxy) ดวงดาวต่าง ๆ ได้ก่อตัวขึ้นในกาแลกซี และจักรวาลขยายตัวออกอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันนักดาราศาสตร์คำนวณว่าจักรวาลว่าประกอบไปด้วยกาแลกซีประมาณ ๑ ล้านล้านกาแลกซี และแต่ละกาแลกซีมีดาวฤกษ์อย่างเช่นดวงอาทิตย์อยู่ประมาณ ๑ ล้านล้านดวง และสุริยจักรวาลของเราอยู่ปลายขอบของกาแลกซีที่เรียกว่า “ทางช้างเผือก” (Milky Galaxy) และกาแลกซีทางช้างเผือกก็อยู่ปลายขอบของจักรวาลใหญ่ทั้งหมด เราจึงมิได้เป็นศูนย์กลางของจักรวาลเลย ไม่ว่าจะในความหมายใดในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ดาวเทียม “โคบี” (COBE) ขององค์การนาซ่าแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกส่งขึ้นไปเพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ของจักรวาลโดยเฉพาะ ได้ค้นพบรังสีโบราณ ซึ่งบ่งบอกถึงโครงสร้างของจักรวาลขณะเมื่อจักรวาลมีอายุเพียง ๓๐๐,๐๐๐ ปี นับเป็นการค้นพบครั้งสำคัญที่ยืนยันว่า จักรวาลกำเนิดขึ้นมาจากจุดเริ่มต้นของการระเบิด และคลี่คลายตัวตามคำอธิบายในทฤษฎี “บิกแบง” จริง เมื่อได้ทฤษฎีการกำเนิดจักรวาลแล้ว นักดาราศาสตร์ก็สนใจว่าจักรวาลจะสิ้นสุดลงอย่างไร มีทฤษฎีที่อธิบายเรื่องนี้อยู่ ๓ ทฤษฎี ทฤษฎีแรก กล่าวว่าเมื่อแรงระเบิดสิ้นสุดลง มวลอันมหึมาของกาแลกซีต่างๆ จะดึงดูดซึ่งกันและกัน ทำให้จักรวาลหดตัวกลับจนกระทั่งถึงกาลอวสาน ทฤษฎีที่สอง อธิบายว่า จักรวาลจะขยายตัวในอัตราช้า ๆ จึงเชื่อว่าน่าจะมี “มวลดำ”(dark matter) ที่เรายังไม่รู้จักปริมาณมหึมาคอยยึดโยงจักรวาลไว้ จักรวาลจะขยายตัวไปเรื่อยๆ จนยากแก่การสืบค้น ส่วนสตีเฟ่น ฮอว์กกิ้ง (Stephen Hawking) ได้เสนอทฤษฎีที่สามว่า จักรวาลจะขยายตัวในอัตราความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทฤษฎีบิกแบงนั้นได้รับการเชื่อมต่อด้วยทฤษฎีวิวัฒนาการ (Evolution Theory) ของชาร์ล ดาร์วิน (Charles Darwin) เมื่อโลกเย็นตัวลงนั้น ปฏิกิริยาเคมีจากมวลสารในโลกในที่สุดแล้วก่อให้เกิดไอน้ำ และไอน้ำก่อให้เกิดเมฆ และเมฆตกลงมาเป็นฝน ทำให้เกิดแม่น้ำ ลำธาร ทะเล และมหาสมุทร วิวัฒนาการนี้มีลักษณะแบบ “ก้าวกระโดด” (Emergent Evolution) เมื่อมีสารอนินทรีย์และน้ำปริมาณมหาศาลเป็นเวลาที่ยาวนาน ในที่สุดคุณภาพใหม่คือ “ชีวิต” ก็เกิดขึ้น คำว่า บิกแบง ที่จริงเป็นคำล้อเลียนที่เกิดจาก นักดาราศาสตร์ ชื่อ เฟรดฮอยล์ ซึ่งเขาดูหมิ่นและตั้งใจจะทำลายความน่าเชื่อถือของทฤษฎีที่เขาเห็นว่าไม่มีทางเป็นจริงอย่างไรก็ดี การค้นพบ ไมโครเวฟพื้นหลัง ในปี ค.ศ. 1964 ยิ่งทำให้ไม่สามารถปฏิเสธทฤษฎีบิกแบงได้ มีหลักฐานสำคัญพิสูจน์ความถูกต้องของทฤษฎีการเกิดของเอกภพตามทฤษฎีการระเบิดครั้งใหญ่ประการหนึ่ง คือ ในปี ค.ศ. 1965 นักวิทยาศาสตร์ที่ บริษัท เบลล์ แลบอรอทอรี่ สหรัฐ ได้ยินเสียบรบกวนของคลื่นวิทยุดังมากจาก รอบทิศบนท้องฟ้า นักวิทยาศาสตร์ได้คำนวณได้แล้วว่า ถ้าหากเอกภพมีจุดกำเนิด จากปฐมดวงไฟในจักรวาลเมื่อประมาณ 1.1 x 1010-1.8×1010 ปีมาแล้ว ตาม ทฤษฎีการระเบิดครั้งใหญ่ของจักรวาลพลังงานที่ยังหลงเหลืออยู่ในการระเบิด ครั้งใหญ่จะต้องค้นหาพบได้ในปัจจุบัน และจะมีอุณหภูมิประมาณ 3 องศาเหนือ ศูนย์องศาสมบูรณ์ เนื่องจากพลังงานจะแผ่ออกมาเป็นไมโครเวฟ มีความยาวคลื่น น้อยกว่า 1 ม.ม. ผลจากการได้ยินเสียงคลื่นไม่โครเวฟดังมากจากรอบทิศทางบน ท้องฟ้าดังกล่าว เมื่อนักวิทยาศาสตร์ทำการวัดอย่างระมัดระวังทำให้นักวิทยาศาสตร์ แน่ใจว่า การแพร่ของคลื่นไมโครเวฟ บนท้องฟ้าทั่วทิศทาง คือ ส่วนที่หลงเหลือ จากการระเบิดครั้งใหญ่ของจักรวาล
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
กำเนิดเอกภพ (บางใหญ่)
ทฤษฎีบิกแบงทฤษฎี "บิกแบง" (ทฤษฎีบางใหญ่) เป็นทฤษฎีทางดาราศาสตร์ที่กล่าวถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของจักรวาลปัจจุบันเป็นทฤษฎีที่เป็นที่เชื่อถือและยอมรับมากที่สุด ๆ ขณะนี้จักรวาลกำลังขยายตัวดวงดาวต่างบนท้องฟ้ากำลังวิ่งห่างออกจากกันทุกทีเมื่อย้อนกลับไปสู่อดีตดวงดาวต่าง ๆ รีจะอยู่ใกล้กันมากกว่านี้ รวมทั้งสร้างทฤษฎีการกำเนิดจักรวาลขึ้นอีกด้วยตามทฤษฎีนี้จักรวาลกำเนิดขึ้นเมื่อประมาณ ๑๕๐๐๐ ล้านปีที่แล้วก่อนการเกิดของจักรวาลไม่มีมวลสารช่องว่างหรือกาลเวลาจักรวาลเป็นเพียงจุดที่เล็กยิ่งกว่าอะตอมเท่านั้นและด้วยเหตุใดยังไม่ปรากฏแน่ชัด (ระยะเวลาเงินเฟ้อ) (พลาสมารอบระยะเวลา) แรงระเบิดก่อให้เกิดหมอกธาตุซึ่งแสงไม่สามารถทะลุผ่านได้ต่อมาจักรวาลที่กำลังขยายตัวเริ่มเย็นลงหมอกธาตุเริ่มรวมตัวกันเป็นอะตอมจักรวาลเริ่มโปร่งแสง ร้อนกว่าและเปล่งแสงออกมามากกว่าซึ่งต่อมาพื้นที่เหล่านี้ได้ก่อตัวเป็นกลุ่มหมอกควันอันใหญ่โตมโหฬารและภายใต้กฎของแรงโน้มถ่วงกลุ่มหมอกควันอันมหึมานี้ได้ค่อย ๆ แตกออกจนเป็นโครงสร้างของ "กาแลกซี" (Galaxy) ๆ ได้ก่อตัวขึ้นในกาแลกซีและจักรวาลขยายตัวออกอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันนักดาราศาสตร์คำนวณว่าจักรวาลว่าประกอบไปด้วยกาแลกซีประมาณ ๑ ล้านล้านกาแลกซีและแต่ละกาแลกซีมีดาวฤกษ์อย่างเช่นดวงอาทิตย์อยู่ประมาณ ๑ และสุริยจักรวาลของเราอยู่ปลายขอบของกาแลกซีที่เรียกว่า "ทางช้างเผือก" (นมกาแล็กซี่) และกาแลกซีทางช้างเผือกก็อยู่ปลายขอบของจักรวาลใหญ่ทั้งหมดเราจึงมิได้เป็นศูนย์กลางของจักรวาลเลยไม่ว่าจะในความหมายใดในปีพศ. ๒๕๓๕ ดาวเทียม "โคบี" (COBE) ขององค์การนาซ่าแห่งสหรัฐอเมริกาซึ่งถูกส่งขึ้นไปเพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ของจักรวาลโดยเฉพาะได้ค้นพบรังสีโบราณซึ่งบ่งบอกถึงโครงสร้างของจักรวาลขณะเมื่อจักรวาลมีอายุเพียง ๓๐๐๐๐๐ ปีนับเป็นการค้นพบครั้งสำคัญที่ยืนยันว่าจักรวาลกำเนิดขึ้นมาจากจุดเริ่มต้นของการระเบิดและคลี่คลายตัวตามคำอธิบายในทฤษฎี "บิกแบง" จริงเมื่อได้ทฤษฎีการกำเนิดจักรวาลแล้ว มีทฤษฎีที่อธิบายเรื่องนี้อยู่ ๓ ทฤษฎีทฤษฎีแรกกล่าวว่าเมื่อแรงระเบิดสิ้นสุดลงมวลอันมหึมาของกาแลกซีต่าง ๆ จะดึงดูดซึ่งกันและกันทำให้จักรวาลหดตัวกลับจนกระทั่งถึงกาลอวสานทฤษฎีที่สองอธิบายว่า ๆ จึงเชื่อว่าน่าจะมี "มวลดำ"(dark matter) ที่เรายังไม่รู้จักปริมาณมหึมาคอยยึดโยงจักรวาลไว้จักรวาลจะขยายตัวไปเรื่อย ๆ จนยากแก่การสืบค้นส่วนสตีเฟ่นฮอว์กกิ้ง (Stephen คิง) ได้เสนอทฤษฎีที่สามว่า ทฤษฎีบิกแบงนั้นได้รับการเชื่อมต่อด้วยทฤษฎีวิวัฒนาการ (ทฤษฎีวิวัฒนาการ) ของชาร์ลดาร์วิน (ชาร์ลส์ดาร์วิน) เมื่อโลกเย็นตัวลงนั้นปฏิกิริยาเคมีจากมวลสารในโลกในที่สุดแล้วก่อให้เกิดไอน้ำและไอน้ำก่อให้เกิดเมฆ ทำให้เกิดแม่น้ำลำธารทะเลและมหาสมุทรวิวัฒนาการนี้มีลักษณะแบบ "ก้าวกระโดด" (Emergent วิวัฒนาการ) เมื่อมีสารอนินทรีย์และน้ำปริมาณมหาศาลเป็นเวลาที่ยาวนานในที่สุดคุณภาพใหม่คือ "ชีวิต" ก็เกิดขึ้นคำว่าบิกแบง นักดาราศาสตร์ชื่อเฟรดฮอยล์ซึ่งเขาดูหมิ่นและตั้งใจจะทำลายความน่าเชื่อถือของทฤษฎีที่เขาเห็นว่าไม่มีทางเป็นจริงอย่างไรก็ดีการค้นพบไมโครเวฟพื้นหลังในปีคศ. 1964 ยิ่งทำให้ไม่สามารถปฏิเสธทฤษฎีบิกแบงได้มีหลักฐานสำคัญพิสูจน์ความถูกต้องของทฤษฎีการเกิดของเอกภพตามทฤษฎีการระเบิดครั้งใหญ่ประการหนึ่งคือในปีค.ศ 1965 นักวิทยาศาสตร์ที่บริษัทเบลล์แลบอรอทอรี่สหรัฐได้ยินเสียบรบกวนของคลื่นวิทยุดังมากจากรอบทิศบนท้องฟ้านักวิทยาศาสตร์ได้คำนวณได้แล้วว่าถ้าหากเอกภพมีจุดกำเนิดจากปฐมดวงไฟในจักรวาลเมื่อประมาณ 1.1 x 1010-18 × 1010 ปีมาแล้วตามทฤษฎีการระเบิดครั้งใหญ่ของจักรวาลพลังงานที่ยังหลงเหลืออยู่ในการระเบิดครั้งใหญ่จะต้องค้นหาพบได้ในปัจจุบันและจะมีอุณหภูมิประมาณ 3 องศาเหนือศูนย์องศาสมบูรณ์ มีความยาวคลื่นน้อยกว่า 1 มม ผลจากการได้ยินเสียงคลื่นไม่โครเวฟดังมากจากรอบทิศทางบนท้องฟ้าดังกล่าวเมื่อนักวิทยาศาสตร์ทำการวัดอย่างระมัดระวังทำให้นักวิทยาศาสตร์แน่ใจว่าการแพร่ของคลื่นไมโครเวฟบนท้องฟ้าทั่วทิศทางคือ จากการระเบิดครั้งใหญ่ของจักรวาล
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
กำเนิดเอกภพ(Big Bang)
ทฤษฎีบิกแบงทฤษฎี “บิกแบง” (Big Bang Theory) เป็นทฤษฎีทางดาราศาสตร์ที่กล่าวถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของจักรวาล ปัจจุบันเป็นทฤษฎีที่เป็นที่เชื่อถือและยอมรับมากที่สุด ทฤษฎีบิกแบงเกิดขึ้นจากการสังเกตของนักดาราศาสตร์ที่ว่า ขณะนี้จักรวาลกำลังขยายตัว ดวงดาวต่าง ๆ บนท้องฟ้ากำลังวิ่งห่างออกจากกันทุกที เมื่อย้อนกลับไปสู่อดีต ดวงดาวต่างๆ จะอยู่ใกล้กันมากกว่านี้ และเมื่อนักดาราศาสตร์คำนวณอัตราความเร็วของการขยายตัวทำให้ทราบถึงอายุของจักรวาลและการคลี่คลายตัวของจักรวาล รวมทั้งสร้างทฤษฎีการกำเนิดจักรวาลขึ้นอีกด้วย ตามทฤษฎีนี้ จักรวาลกำเนิดขึ้นเมื่อประมาณ ๑๕,๐๐๐ ล้านปีที่แล้ว ก่อนการเกิดของจักรวาล ไม่มีมวลสาร ช่องว่าง หรือกาลเวลา จักรวาลเป็นเพียงจุดที่เล็กยิ่งกว่าอะตอมเท่านั้น และด้วยเหตุใดยังไม่ปรากฏแน่ชัด จักรวาลที่เล็กที่สุดนี้ได้ระเบิดออกอย่างรุนแรงและรวดเร็วในเวลาเพียงเศษเสี้ยววินาที (Inflationary period) แรงระเบิดก่อให้เกิดหมอกธาตุซึ่งแสงไม่สามารถทะลุผ่านได้ (Plasma period) ต่อมาจักรวาลที่กำลังขยายตัวเริ่มเย็นลง หมอกธาตุเริ่มรวมตัวกันเป็นอะตอม จักรวาลเริ่มโปร่งแสง ในทางทฤษฎีแล้วพื้นที่บางแห่งจะมีมวลหนาแน่นกว่า ร้อนกว่า และเปล่งแสงออกมามากกว่า ซึ่งต่อมาพื้นที่เหล่านี้ได้ก่อตัวเป็นกลุ่มหมอกควันอันใหญ่โตมโหฬาร และภายใต้กฎของแรงโน้มถ่วง กลุ่มหมอกควันอันมหึมานี้ได้ค่อยๆ แตกออก จนเป็นโครงสร้างของ “กาแลกซี” (Galaxy) ดวงดาวต่าง ๆ ได้ก่อตัวขึ้นในกาแลกซี และจักรวาลขยายตัวออกอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันนักดาราศาสตร์คำนวณว่าจักรวาลว่าประกอบไปด้วยกาแลกซีประมาณ ๑ ล้านล้านกาแลกซี และแต่ละกาแลกซีมีดาวฤกษ์อย่างเช่นดวงอาทิตย์อยู่ประมาณ ๑ ล้านล้านดวง และสุริยจักรวาลของเราอยู่ปลายขอบของกาแลกซีที่เรียกว่า “ทางช้างเผือก” (Milky Galaxy) และกาแลกซีทางช้างเผือกก็อยู่ปลายขอบของจักรวาลใหญ่ทั้งหมด เราจึงมิได้เป็นศูนย์กลางของจักรวาลเลย ไม่ว่าจะในความหมายใดในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ดาวเทียม “โคบี” (COBE) ขององค์การนาซ่าแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกส่งขึ้นไปเพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ของจักรวาลโดยเฉพาะ ได้ค้นพบรังสีโบราณ ซึ่งบ่งบอกถึงโครงสร้างของจักรวาลขณะเมื่อจักรวาลมีอายุเพียง ๓๐๐,๐๐๐ ปี นับเป็นการค้นพบครั้งสำคัญที่ยืนยันว่า จักรวาลกำเนิดขึ้นมาจากจุดเริ่มต้นของการระเบิด และคลี่คลายตัวตามคำอธิบายในทฤษฎี “บิกแบง” จริง เมื่อได้ทฤษฎีการกำเนิดจักรวาลแล้ว นักดาราศาสตร์ก็สนใจว่าจักรวาลจะสิ้นสุดลงอย่างไร มีทฤษฎีที่อธิบายเรื่องนี้อยู่ ๓ ทฤษฎี ทฤษฎีแรก กล่าวว่าเมื่อแรงระเบิดสิ้นสุดลง มวลอันมหึมาของกาแลกซีต่างๆ จะดึงดูดซึ่งกันและกัน ทำให้จักรวาลหดตัวกลับจนกระทั่งถึงกาลอวสาน ทฤษฎีที่สอง อธิบายว่า จักรวาลจะขยายตัวในอัตราช้า ๆ จึงเชื่อว่าน่าจะมี “มวลดำ”(dark matter) ที่เรายังไม่รู้จักปริมาณมหึมาคอยยึดโยงจักรวาลไว้ จักรวาลจะขยายตัวไปเรื่อยๆ จนยากแก่การสืบค้น ส่วนสตีเฟ่น ฮอว์กกิ้ง (Stephen Hawking) ได้เสนอทฤษฎีที่สามว่า จักรวาลจะขยายตัวในอัตราความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทฤษฎีบิกแบงนั้นได้รับการเชื่อมต่อด้วยทฤษฎีวิวัฒนาการ (Evolution Theory) ของชาร์ล ดาร์วิน (Charles Darwin) เมื่อโลกเย็นตัวลงนั้น ปฏิกิริยาเคมีจากมวลสารในโลกในที่สุดแล้วก่อให้เกิดไอน้ำ และไอน้ำก่อให้เกิดเมฆ และเมฆตกลงมาเป็นฝน ทำให้เกิดแม่น้ำ ลำธาร ทะเล และมหาสมุทร วิวัฒนาการนี้มีลักษณะแบบ “ก้าวกระโดด” (Emergent Evolution) เมื่อมีสารอนินทรีย์และน้ำปริมาณมหาศาลเป็นเวลาที่ยาวนาน ในที่สุดคุณภาพใหม่คือ “ชีวิต” ก็เกิดขึ้น คำว่า บิกแบง ที่จริงเป็นคำล้อเลียนที่เกิดจาก นักดาราศาสตร์ ชื่อ เฟรดฮอยล์ ซึ่งเขาดูหมิ่นและตั้งใจจะทำลายความน่าเชื่อถือของทฤษฎีที่เขาเห็นว่าไม่มีทางเป็นจริงอย่างไรก็ดี การค้นพบ ไมโครเวฟพื้นหลัง ในปี ค.ศ. 1964 ยิ่งทำให้ไม่สามารถปฏิเสธทฤษฎีบิกแบงได้ มีหลักฐานสำคัญพิสูจน์ความถูกต้องของทฤษฎีการเกิดของเอกภพตามทฤษฎีการระเบิดครั้งใหญ่ประการหนึ่ง คือ ในปี ค.ศ. 1965 นักวิทยาศาสตร์ที่ บริษัท เบลล์ แลบอรอทอรี่ สหรัฐ ได้ยินเสียบรบกวนของคลื่นวิทยุดังมากจาก รอบทิศบนท้องฟ้า นักวิทยาศาสตร์ได้คำนวณได้แล้วว่า ถ้าหากเอกภพมีจุดกำเนิด จากปฐมดวงไฟในจักรวาลเมื่อประมาณ 1.1 x 1010-1.8×1010 ปีมาแล้ว ตาม ทฤษฎีการระเบิดครั้งใหญ่ของจักรวาลพลังงานที่ยังหลงเหลืออยู่ในการระเบิด ครั้งใหญ่จะต้องค้นหาพบได้ในปัจจุบัน และจะมีอุณหภูมิประมาณ 3 องศาเหนือ ศูนย์องศาสมบูรณ์ เนื่องจากพลังงานจะแผ่ออกมาเป็นไมโครเวฟ มีความยาวคลื่น น้อยกว่า 1 ม.ม. ผลจากการได้ยินเสียงคลื่นไม่โครเวฟดังมากจากรอบทิศทางบน ท้องฟ้าดังกล่าว เมื่อนักวิทยาศาสตร์ทำการวัดอย่างระมัดระวังทำให้นักวิทยาศาสตร์ แน่ใจว่า การแพร่ของคลื่นไมโครเวฟ บนท้องฟ้าทั่วทิศทาง คือ ส่วนที่หลงเหลือ จากการระเบิดครั้งใหญ่ของจักรวาล
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
กำเนิดเอกภพ ( Big Bang )
ทฤษฎีบิกแบงทฤษฎี " บิกแบง " ( ทฤษฎีบิ๊กแบง ) เป็นทฤษฎีทางดาราศาสตร์ที่กล่าวถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของจักรวาลปัจจุบันเป็นทฤษฎีที่เป็นที่เชื่อถือและยอมรับมากที่สุดขณะนี้จักรวาลกำลังขยายตัวดวงดาวต่างจะบนท้องฟ้ากำลังวิ่งห่างออกจากกันทุกทีเมื่อย้อนกลับไปสู่อดีตดวงดาวต่างๆจะอยู่ใกล้กันมากกว่านี้รวมทั้งสร้างทฤษฎีการกำเนิดจักรวาลขึ้นอีกด้วยตามทฤษฎีนี้๑๕จักรวาลกำเนิดขึ้นเมื่อประมาณ ,๐๐๐ล้านปีที่แล้วก่อนการเกิดของจักรวาลไม่มีมวลสารช่องว่างหรือกาลเวลาจักรวาลเป็นเพียงจุดที่เล็กยิ่งกว่าอะตอมเท่านั้นและด้วยเหตุใดยังไม่ปรากฏแน่ชัด( ช่วงระยะเวลา ) แรงระเบิดก่อให้เกิดหมอกธาตุซึ่งแสงไม่สามารถทะลุผ่านได้ช่วง ( พลาสมา ) ต่อมาจักรวาลที่กำลังขยายตัวเริ่มเย็นลงหมอกธาตุเริ่มรวมตัวกันเป็นอะตอมจักรวาลเริ่มโปร่งแสงร้อนกว่าและเปล่งแสงออกมามากกว่าซึ่งต่อมาพื้นที่เหล่านี้ได้ก่อตัวเป็นกลุ่มหมอกควันอันใหญ่โตมโหฬารและภายใต้กฎของแรงโน้มถ่วงกลุ่มหมอกควันอันมหึมานี้ได้ค่อยๆแตกออกจนเป็นโครงสร้างของ " กาแลกซี " ( Galaxy )จะได้ก่อตัวขึ้นในกาแลกซีและจักรวาลขยายตัวออกอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันนักดาราศาสตร์คำนวณว่าจักรวาลว่าประกอบไปด้วยกาแลกซีประมาณ๑ล้านล้านกาแลกซีและแต่ละกาแลกซีมีดาวฤกษ์อย่างเช่นดวงอาทิตย์อยู่ประมาณต่างหากและสุริยจักรวาลของเราอยู่ปลายขอบของกาแลกซีที่เรียกว่า " ทางช้างเผือก " ( Milky Galaxy ) และกาแลกซีทางช้างเผือกก็อยู่ปลายขอบของจักรวาลใหญ่ทั้งหมดเราจึงมิได้เป็นศูนย์กลางของจักรวาลเลยไม่ว่าจะในความหมายใดในปีพ .ศ . ๒๕๓๕ดาวเทียม " โคบี " ( มาตรฐาน ) ขององค์การนาซ่าแห่งสหรัฐอเมริกาซึ่งถูกส่งขึ้นไปเพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ของจักรวาลโดยเฉพาะได้ค้นพบรังสีโบราณ๓๐๐ซึ่งบ่งบอกถึงโครงสร้างของจักรวาลขณะเมื่อจักรวาลมีอายุเพียง ,๐๐๐ . นับเป็นการค้นพบครั้งสำคัญที่ยืนยันว่าจักรวาลกำเนิดขึ้นมาจากจุดเริ่มต้นของการระเบิดและคลี่คลายตัวตามคำอธิบายในทฤษฎี " บิกแบง " จริงเมื่อได้ทฤษฎีการกำเนิดจักรวาลแล้วมีทฤษฎีที่อธิบายเรื่องนี้อยู่กันทฤษฎีทฤษฎีแรกกล่าวว่าเมื่อแรงระเบิดสิ้นสุดลงมวลอันมหึมาของกาแลกซีต่างๆจะดึงดูดซึ่งกันและกันทำให้จักรวาลหดตัวกลับจนกระทั่งถึงกาลอวสานทฤษฎีที่สองอธิบายว่าจะจึงเชื่อว่าน่าจะมี " มวลดำ " ( สสารมืด ) ที่เรายังไม่รู้จักปริมาณมหึมาคอยยึดโยงจักรวาลไว้จักรวาลจะขยายตัวไปเรื่อยๆจนยากแก่การสืบค้นส่วนสตีเฟ่นฮอว์กกิ้ง ( สตีเฟน ฮอว์คิง ) ได้เสนอทฤษฎีที่สามว่าทฤษฎีบิกแบงนั้นได้รับการเชื่อมต่อด้วยทฤษฎีวิวัฒนาการ ( ทฤษฎีวิวัฒนาการของชาร์ลดาร์วิน ( Charles Darwin ) เมื่อโลกเย็นตัวลงนั้นปฏิกิริยาเคมีจากมวลสารในโลกในที่สุดแล้วก่อให้เกิดไอน้ำและไอน้ำก่อให้เกิดเมฆทำให้เกิดแม่น้ำลำธารทะเลและมหาสมุทรวิวัฒนาการนี้มีลักษณะแบบ " ก้าวกระโดด " ( วิวัฒนาการฉุกเฉิน ) เมื่อมีสารอนินทรีย์และน้ำปริมาณมหาศาลเป็นเวลาที่ยาวนานในที่สุดคุณภาพใหม่คือ " ชีวิต " ก็เกิดขึ้นคำว่าบิกแบงนักดาราศาสตร์ชื่อเฟรดฮอยล์ซึ่งเขาดูหมิ่นและตั้งใจจะทำลายความน่าเชื่อถือของทฤษฎีที่เขาเห็นว่าไม่มีทางเป็นจริงอย่างไรก็ดีการค้นพบไมโครเวฟพื้นหลังสามารถค .ศ . 1964 ยิ่งทำให้ไม่สามารถปฏิเสธทฤษฎีบิกแบงได้มีหลักฐานสำคัญพิสูจน์ความถูกต้องของทฤษฎีการเกิดของเอกภพตามทฤษฎีการระเบิดครั้งใหญ่ประการหนึ่งความสามารถค . ศ .1965 นักวิทยาศาสตร์ที่บริษัทเบลล์แลบอรอทอรี่สหรัฐได้ยินเสียบรบกวนของคลื่นวิทยุดังมากจากรอบทิศบนท้องฟ้านักวิทยาศาสตร์ได้คำนวณได้แล้วว่าถ้าหากเอกภพมีจุดกำเนิดจากปฐมดวงไฟในจักรวาลเมื่อประมาณ 1.1 x 1010-1 .8 × 1010 ปีมาแล้วตามทฤษฎีการระเบิดครั้งใหญ่ของจักรวาลพลังงานที่ยังหลงเหลืออยู่ในการระเบิดครั้งใหญ่จะต้องค้นหาพบได้ในปัจจุบันและจะมีอุณหภูมิประมาณ 3 องศาเหนือศูนย์องศาสมบูรณ์มีความยาวคลื่นน้อยกว่า 1 แอง .แอง .ผลจากการได้ยินเสียงคลื่นไม่โครเวฟดังมากจากรอบทิศทางบนท้องฟ้าดังกล่าวเมื่อนักวิทยาศาสตร์ทำการวัดอย่างระมัดระวังทำให้นักวิทยาศาสตร์แน่ใจว่าการแพร่ของคลื่นไมโครเวฟบนท้องฟ้าทั่วทิศทางความจากการระเบิดครั้งใหญ่ของจักรวาล
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: