The Van der Pauw MethodTaking Measu

The Van der Pauw Method
Taking Measurements
 Measurements require four ohmic contacts on the sample
 The contacts are placed on or as close to sample boundary as possible
 The contacts are infinitely small.
 The error in measurement is given by D/L
D = average diameter of contact
L = distance between contacts
 All four contacts need to be same material
Actual sheet resistance is related to these resistances by the van der Pauw formula:
In van der Pauw resistivity measurements, the current is measured on adjacent nodes and the
voltage is measured on opposing adjacent nodes

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วิธี Van der Pauwการวัดวัดต้องติดต่อแบบโอห์มมิค 4 ในตัวอย่างผู้ติดต่ออยู่ใน หรือใกล้กับขอบเขตของตัวอย่างที่สุดผู้ติดต่อได้เพียงเล็กข้อผิดพลาดในการวัดได้ตั้งขึ้น โดย D/LD =เส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยของผู้ติดต่อL =ระยะห่างระหว่างผู้ติดต่อผู้ติดต่อทั้งหมดสี่ต้องเป็นวัสดุเดียวกันต้านทานแผ่นจริงเกี่ยวข้องกับความต้านทานเหล่านี้ตามสูตร van der Pauw:ในการวัดความต้านทาน van der Pauw ปัจจุบันเป็นวัดบนโหนติดและวัดแรงดันไฟฟ้าบนโหนติดฝ่ายตรงข้าม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แวนเดอร์พอลวิธีการวัดการวัดต้องสี่รายชื่อohmic ในตัวอย่างติดต่อจะอยู่ในหรือใกล้เคียงกับตัวอย่างขอบเขตที่เป็นไปได้รายชื่อที่มีขนาดเล็กเพียบ. ข้อผิดพลาดในการวัดจะได้รับจาก D / L D = เส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยของการติดต่อทางไกล= L ระหว่างรายชื่อทั้งสี่รายชื่อจะต้องเดียวกันวัสดุต้านทานแผ่นที่เกิดขึ้นจริงที่เกี่ยวข้องกับความต้านทานเหล่านี้โดยฟานเดอร์พอลสูตรในแวนเดอร์พอลวัดความต้านทานในปัจจุบันเป็นวัดบนโหนดที่อยู่ติดกันและแรงดันไฟฟ้าเป็นวัดที่ตรงข้ามโหนดที่อยู่ติดกัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โดยวิธีแวนเดอร์เพาว์

การวัดการวัดต้องสี่ค่าติดต่อในตัวอย่าง
รายชื่อจะอยู่ในหรือใกล้เคียงกับตัวอย่างขอบเขตเป็นไปได้
ติดต่อเหลือหลายขนาดเล็ก .
ข้อผิดพลาดในการวัดให้ D / L
d = ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยของติดต่อ
L = ระยะทาง ระหว่างการติดต่อ
ทั้งหมดสี่ติดต่อต้อง
วัสดุเดิมความต้านทานแผ่นจริงเกี่ยวข้องกับความต้านทานเหล่านี้ตามสูตร แวน เดอร์ แวน เดอ พาวพาว :
ในการวัดความต้านทาน ปัจจุบันเป็นวัดบนโหนดที่อยู่ติดกันและ
แรงดันไฟฟ้าวัดโหนดที่อยู่ตรงข้าม