King Bhumibol’s Philosophy of Suffi

King Bhumibol’s Philosophy of Sufficiency Economy

As a means of addressing the widening gap between rich and poor, King Bhumibol developed the philosophy of “sufficiency economy.” Not to be confused with “self-sufficiency,” an out-dated idea practiced by the likes of North Korea and Albania, it is based on making sure that the fruits of economic growth are enjoyed by everyone not just the wealthy. Rooted in Buddhist thought and first introduced in a speech in 1974, it ains to achive these goals in a way that is “environmentally friendly and economically sustainable.” “Otherwise the social imbalance will spread and the economic policy will eventually fail,” the King said.

According to the Thai government: “His Majesty has always stressed the importance of basics, because only when the fundamentals are strong can development be sustainable. His Majesty therefore seeks to help the poor by encouraging them to start from the first step of having enough to eat and to live on” before embarking on more ambitious goals. Hence, His Majesty developed a philosophy of “sufficiency economy” as a way of life for the Thai people. The word “sufficiency” means moderation and mindfulness in all conduct, and incorporates the need for sufficiency protection from internal and external shocks. It can be applied to the entire population – whether at individual, family or community levels. At the national level, the philosophy is consistent with a balanced development strategy.

“A practical example of the application of the philosophy is “integrated farming practices according to New Theory”, which promotes step-by-step development. It starts with building a solid foundation at the family level so that people can be self-reliant without taking advantage of others. Then people can come together to undertake group, community, or even community enterprise. The aim is to strengthen the community by reducing the risk from external factors, and build connections. The end result would then be the expansion of the scope of cooperation at the national level. This task is not smooth sailing. A balanced approach combining patience, perservance, diligence, wisdom and prudence is indispensable to cope with critical challenges ahead.”

King Bhumibol tried to focus on his “sufficiency economy” during the 1997-1998 Asian financial crisis when he said Thais should try to live within their means and not try so hard to be an Asian economic “tiger.” In the late the 2000s the idea of “sufficiency economy” became more widely embraced by the Thai government. In 2007, Prime Minister Surayud Chulanont said at a press conference: “We must put more emphasis on people’s happiness rather than on GDP. We need to aim for a ‘sufficiency economy.’” Some viewed the statement though as more of a symbol of breaking away from the policies of former Prime Minister Thaksin than an affirmation of the king’s policies.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ เป็นวิธีการจัดการกับช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนขยับขยาย พระองค์พัฒนาปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" ไม่ให้สับสนกับ "พึ่งตัวเอง ความคิดที่ล้าสมัยโดยชอบของเกาหลีเหนือและประเทศแอลเบเนีย ขึ้นอยู่กับการตรวจสอบให้แน่ใจว่า ผลไม้เติบโตทางเศรษฐกิจมีความสุขทุกคนก็รวย ในพุทธศาสนาคิดว่า และครั้งแรกที่นำมาใช้ในคำพูดในปี 1974 มัน ains เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเหล่านี้ในลักษณะที่ "เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน" "มิฉะนั้นจะแพร่กระจายความไม่สมดุลทางสังคมนโยบายเศรษฐกิจจะล้มเหลวในที่สุด พระมหากษัตริย์กล่าว ตามที่รัฐบาลไทย: "พระมีเสมอเน้นความสำคัญของพื้นฐาน เพราะเมื่อพื้นฐานมีความแข็งแรง สามารถพัฒนาได้อย่างยั่งยืน สมเด็จจึงพยายามที่จะช่วยคนจน โดยการกระตุ้นให้พวกเขาเริ่มจากขั้นตอนแรกของการมีพอกิน และอาศัยอยู่บน"ก่อนเริ่มดำเนินการในเป้าหมายมากขึ้น ดังนั้น พระพัฒนาปรัชญาของ "เศรษฐกิจพอเพียงเป็นวิถีชีวิตสำหรับคนไทย คำว่า "พอเพียง" หมายความว่า สติในการกระทำทั้งหมดและการควบคุม และประกอบด้วยความต้องการภายใน และภายนอกป้องกันพอเพียง มันสามารถใช้กับประชากรทั้งหมด – ไม่ว่าในระดับบุคคล ครอบครัว หรือชุมชน ระดับชาติ ปรัชญาสอดคล้องกับกลยุทธ์การพัฒนาที่สมดุล "ตัวอย่างจริงของการประยุกต์ใช้ปรัชญาเป็น"เกษตรแบบบูรณาการปฏิบัติตามทฤษฎีใหม่" ซึ่งส่งเสริมการพัฒนาทีละขั้นตอน มันเริ่มต้น ด้วยการสร้างรากฐานแข็งในระดับครอบครัวเพื่อให้ท่านสามารถพึ่งพาตนเอง โดยไม่มีการใช้ประโยชน์ของผู้อื่น จาก นั้นท่านสามารถมาร่วมกันดำเนินการกลุ่ม ชุมชน หรือแม้กระทั่งชุมชนองค์กร จุดมุ่งหมายคือการ เสริมสร้างชุมชน โดยการลดความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก และสร้างการเชื่อมต่อ ผลลัพธ์สุดท้ายแล้วจะเป็นการขยายขอบเขตของความร่วมมือระดับชาติ งานนี้ไม่สะดุดแล่น ความสมดุลรวมความอดทน perservance ความขยัน สติปัญญา และความรอบคอบเป็นสำคัญเพื่อรับมือกับความท้าทายที่สำคัญข้างหน้า" พระองค์พยายามเน้นของเศรษฐกิจพอเพียง"ในช่วงปี 1997-1998 เอเชียวิกฤติการเงินเมื่อเขากล่าวว่า คนไทยควรพยายามอาศัยอยู่ภายในวิธีการ และพยายามอย่างหนักจะมีเอเชียเศรษฐกิจ"เสือ " ในปลาย ยุค 2000 ความคิดของเศรษฐกิจพอเพียง"กลายเป็นมากขึ้นกอดกันอย่างแพร่หลาย โดยรัฐบาลไทย ใน 2007 พล.อ.สุรยุทธ์จุลานนท์นายกรัฐมนตรีกล่าวในงานแถลง: "เราต้องใส่เพิ่มเติมเน้นความสุขของผู้คน มากกว่า GDP เราต้องมุ่ง 'เศรษฐกิจพอเพียง' " บางส่วนสามารถดูคำสั่งว่าเป็นสัญลักษณ์ของการทำลายจากนโยบายของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณมากกว่าการยืนยันนโยบายของกษัตริย์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

เป็นวิธีการที่อยู่ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจน, พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลพัฒนาปรัชญาของ "เศรษฐกิจพอเพียง." ไม่ต้องสับสนกับ "ความพอเพียง" เป็นความคิดที่ออกลงวันที่ปฏิบัติโดยชอบ เกาหลีเหนือและแอลเบเนีย, มันขึ้นอยู่กับการทำให้แน่ใจว่าผลของการเติบโตทางเศรษฐกิจมีความสุขโดยทุกคนไม่ได้เป็นเพียงความมั่งคั่ง หยั่งรากลึกในพุทธศาสนาความคิดและการเปิดตัวครั้งแรกในการพูดในปี 1974 มัน Ains เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเหล่านี้ในลักษณะที่เป็น "มิตรกับสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจที่ยั่งยืน." "มิฉะนั้นความไม่สมดุลของสังคมจะแพร่กระจายและนโยบายเศรษฐกิจในที่สุดก็จะล้มเหลว" ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กล่าว.

ตามที่รัฐบาลไทย "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ย้ำเสมอถึงความสำคัญของพื้นฐานเพราะเฉพาะเมื่อปัจจัยพื้นฐานที่มีการพัฒนาก็สามารถที่แข็งแกร่งอย่างยั่งยืน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงพยายามที่จะช่วยคนยากจนโดยการกระตุ้นให้พวกเขาที่จะเริ่มต้นจากขั้นตอนแรกของการมีพอที่จะกินและอาศัยอยู่บน "ก่อนที่จะเริ่มดำเนินการในเป้าหมายความทะเยอทะยานมากขึ้น ดังนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพัฒนาปรัชญา "เศรษฐกิจพอเพียง" เป็นวิถีชีวิตของคนไทย คำว่า "พอเพียง" หมายถึงการดูแลและการเจริญสติในการปฏิบัติทั้งหมดและรวมถึงความจำเป็นสำหรับการป้องกันพอเพียงจากแรงกระแทกภายในและภายนอก ก็สามารถที่จะนำไปใช้กับประชากรทั้งหมด - ไม่ว่าจะในระดับบุคคลครอบครัวหรือชุมชนระดับ ในระดับชาติปรัชญามีความสอดคล้องกับกลยุทธ์การพัฒนาที่สมดุล.

"เป็นตัวอย่างในทางปฏิบัติของการประยุกต์ใช้ปรัชญาคือ" บูรณาการการปฏิบัติการเกษตรตามทฤษฎีใหม่ "ซึ่งส่งเสริมการพัฒนาขั้นตอนโดยขั้นตอน มันเริ่มต้นด้วยการสร้างรากฐานที่มั่นคงในระดับครอบครัวเพื่อให้ประชาชนสามารถพึ่งตนเองได้โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของผู้อื่น จากนั้นผู้คนสามารถมาร่วมกันที่จะดำเนินการกลุ่มชุมชนหรือแม้กระทั่งการวิสาหกิจชุมชน จุดมุ่งหมายคือการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนโดยการลดความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกและสร้างการเชื่อมต่อ ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะมีการขยายตัวของขอบเขตของความร่วมมือในระดับชาติ งานนี้ไม่ได้ราบรื่น วิธีการที่สมดุลรวมอดทน perservance ขยันภูมิปัญญาและความรอบคอบจะขาดไม่ได้ในการรับมือกับความท้าทายที่สำคัญไปข้างหน้า. "

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลพยายามที่จะมุ่งเน้นไปที่ของเขา" เศรษฐกิจพอเพียง "ในช่วงวิกฤตการเงินเอเชีย 1997-1998 เมื่อเขากล่าวว่าคนไทยควรพยายามที่จะมีชีวิตอยู่ ภายในหมายถึงของพวกเขาและไม่ได้พยายามอย่างหนักเพื่อที่จะเป็นเอเชียเศรษฐกิจ "เสือ." ในช่วงปลายยุค 2000 ความคิดของ "เศรษฐกิจพอเพียง" กลายเป็นกอดกันอย่างแพร่หลายมากขึ้นโดยรัฐบาลไทย ในปี 2007 นายกรัฐมนตรีพลเอกสุรยุทธ์จุลานนท์กล่าวในการแถลงข่าวว่า "เราต้องให้ความสำคัญกับความสุขของผู้คนมากกว่าจีดีพี เราจำเป็นต้องมีจุดมุ่งหมายสำหรับ 'เศรษฐกิจพอเพียง. "บางคนมองว่าคำสั่ง แต่เป็นมากกว่าสัญลักษณ์ของการทำลายออกไปจากนโยบายของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณมากกว่ายืนยันนโยบายของกษัตริย์เกรด A

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระเจ้าอยู่หัวเป็นวิธีการของการจัดการกับการขยับขยายช่องว่างระหว่างคนรวย และคนจน กษัตริย์ภูมิพลได้พัฒนาปรัชญาของ " เศรษฐกิจพอเพียง " เพื่อไม่ให้สับสนกับ " พึ่งพาตนเอง " ออกเช็ค คิดท่า โดยชอบของเกาหลีเหนือ และแอลเบเนีย มันใช้เพื่อให้แน่ใจว่าผลของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจจะเพลิดเพลินกับทุกคนไม่ได้ แค่รวย รากฐานพุทธคิดและเปิดตัวครั้งแรกในการพูดในปี 1974 มัน ains เพื่อบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ ในลักษณะที่ " เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ . " มิฉะนั้นความไม่สมดุลทางสังคมจะกระจายและนโยบายเศรษฐกิจในที่สุดจะล้มเหลว " กษัตริย์ตรัสตามที่รัฐบาล : " ฝ่าบาทได้เสมอเน้นความสำคัญของพื้นฐาน เพราะเมื่อพื้นฐานยังแข็งแกร่ง สามารถพัฒนาอย่างยั่งยืนได้ ฝ่าบาทจึงพยายามที่จะช่วยคนยากจน โดยการส่งเสริมให้พวกเขาที่จะเริ่มต้นจากขั้นตอนแรกของมีเพียงพอที่จะกินและอาศัยอยู่ใน " ก่อน embarking ในเป้าหมายที่ทะเยอทะยานมากขึ้น ดังนั้นฝ่าบาทพัฒนาปรัชญาของ " เศรษฐกิจพอเพียง " เป็นวิธีของชีวิตสำหรับคนไทย คำว่า " พอเพียง " หมายถึง การดูแลและสติในการปฏิบัติ และท่านต้องพอเพียงการป้องกันจากภายในและภายนอก กระแทก มันสามารถใช้กับประชากรทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นสำหรับบุคคลในครอบครัว หรือชุมชน ระดับประเทศ ปรัชญาที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาที่สมดุล" ตัวอย่างในทางปฏิบัติของการประยุกต์ใช้ปรัชญาคือ " เกษตรทฤษฎีใหม่ " บูรณาการการปฏิบัติตาม ซึ่งส่งเสริมการพัฒนาทีละขั้นตอน มันเริ่มต้นด้วยการสร้างรากฐานที่มั่นคงในระดับครอบครัว เพื่อให้ประชาชนสามารถพึ่งตนเองได้โดยไม่เอาเปรียบผู้อื่น แล้วคนที่จะมาร่วมกันทำกลุ่ม ชุมชน หรือแม้กระทั่งชุมชนองค์กร จุดมุ่งหมายคือการสร้างความเข้มแข็งของชุมชน โดยการลดความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก และสร้างการเชื่อมต่อ สุดท้ายผลก็จะขยายขอบเขตของความร่วมมือในระดับประเทศ งานนี้ไม่ได้เป็นเรือใบเรียบ วิธีการรวม perservance สมดุล ความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ ขาดไม่ได้ที่จะรับมือกับวิกฤตความท้าทายข้างหน้า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพยายามเน้น " เศรษฐกิจพอเพียง " ในช่วงปีวิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชีย เมื่อเขากล่าวว่า คนไทยควรพยายามที่จะอาศัยอยู่ภายในหมายถึงของพวกเขา และไม่พยายามอย่างหนักเพื่อที่จะเป็นเศรษฐกิจเอเชีย " เสือ " ในปลายคริสต์ทศวรรษ 1980 แนวคิด " เศรษฐกิจพอเพียง " เป็นมากขึ้นอย่างกว้างขวาง embraced โดยรัฐบาลไทย ใน 2007 , นายกรัฐมนตรี สุรยุทธ์ จุลานนท์ กล่าวในการแถลงข่าวว่า " เราต้องให้ความสำคัญกับความสุขของผู้คนมากกว่า GDP เราต้องมุ่งไปที่ " เศรษฐกิจพอเพียง " " บ้าง ดูงบ แต่มากขึ้นของสัญลักษณ์แห่งการหลุดพ้นจากนโยบายของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ทักษิณ มากกว่าการยืนยันของกษัตริย์ของนโยบาย