This paper reviews the current know

This paper reviews the current knowledge of rabbit
coccidia. Although rabbits (Oryctolagus cuniculus) can be
either host or intermediate host of other coccidia belonging
to the genera Cryptosporidium, Besnoitia, Sarcocystis
and Toxoplasma, the article deals only with monoxenous
coccidia of the genus Eimeria Schneider, 1875.
The chicken coccidia are the mean model in the research
of these parasites because of economical importance
of the host. Similarly, due to the availability of the
host, including inbred and genetically modified strains,
important work has been performed on mouse models.
In contrast, little attention is currently paid to rabbit coccidia,
although these species have also been the subject of
many studies and they are of historical importance. According
to Levine (1973), Leeuwenhoek observed oocysts
in rabbit liver as early as 1674 and hence Eimeria stiedai,
a liver coccidium of rabbits, belongs to the first known
protozoans. However, coccidia were first studied and described
during the 19th century and Eimeria stiedai was
the most important subject of such investigations. In 1879
Leuckart (cited according to Levine 1973) distinguished
liver and intestinal coccidia of rabbits and named them
Coccidium oviforme (now Eimeria stiedai) and Coccidium
perforans. During the 20th century, many outstanding
coccidiologists, such as Yakimoff, Pellérdy, Cheissin,
Rose, Scholtyseck, Coudert, Norton, Gregory, and others
studied rabbit coccidia at some period of their scientific
life.
The species name E. perforans introduced by Leuckart
is used till today, but ten other species have been successively
distinguished (Coudert et al. 1995, Eckert et al.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กระดาษนี้แสดงความคิดเห็นความรู้ในปัจจุบันของกระต่าย
Coccidia แม้ว่ากระต่าย (Oryctolagus ลัส) สามารถเป็น
ทั้งโฮสต์หรือโฮสต์กลาง Coccidia อื่น ๆ ที่เป็น
ไปจำพวก Cryptosporidium, Besnoitia, Sarcocystis
และ Toxoplasma ข้อเสนอบทความเฉพาะกับ monoxenous
Coccidia ประเภท Eimeria ไนเดอร์, 1875
Coccidia ไก่รุ่นเฉลี่ย ในการวิจัย
ของปรสิตเหล่านี้เพราะมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ
ของโฮสต์ ในทำนองเดียวกันเนื่องจากความพร้อมของ
เจ้าภาพรวมทั้งสายพันธุ์และพันธุ์ดัดแปลงพันธุกรรม
การทำงานที่สำคัญได้รับการดำเนินการในรูปแบบเมาส์.
ในทางตรงกันข้ามความสนใจน้อยเป็นค่าใช้จ่ายในปัจจุบันเพื่อ Coccidia กระต่าย
แม้ว่าสายพันธุ์เหล่านี้ยังได้รับเรื่องของการ
ศึกษาจำนวนมากและ พวกเขามีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ตาม
ไป Levine (1973) Leeuwenhoek สังเกต oocysts
ในตับกระต่ายเป็นช่วงต้น 1674 และด้วยเหตุนี้ stiedai Eimeria,
coccidium ตับของกระต่ายเป็นครั้งแรกที่รู้จัก
โปรโตซัว อย่างไรก็ตาม Coccidia การศึกษาเป็นครั้งแรกและได้อธิบายไว้
ในช่วงศตวรรษที่ 19 และ Eimeria stiedai เป็น
เรื่องที่สำคัญที่สุดของการตรวจสอบดังกล่าว ใน 1,879
Leuckart (อ้างตาม Levine 1973) ที่โดดเด่น
ตับและลำไส้ Coccidia ของกระต่ายและตั้งชื่อให้พวกเขา
Coccidium oviforme (ตอนนี้ Eimeria stiedai) และ Coccidium
perforans ในช่วงศตวรรษที่ 20 ที่โดดเด่นมาก
coccidiologists เช่น Yakimoff, Pellérdy, Cheissin,
โรส Scholtyseck, Coudert นอร์ตัน, เกรกอรี่และอื่น ๆ
การศึกษา Coccidia กระต่ายในช่วงเวลาของวิทยาศาสตร์ของพวกเขาบาง
ชีวิต.
ชื่อสายพันธุ์อี perforans นำโดย Leuckart
เป็น ใช้จนถึงวันนี้ แต่สิบสายพันธุ์อื่น ๆ ได้รับการอย่างต่อเนื่อง
ที่โดดเด่น (Coudert et al. 1995 Eckert, et al

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บทความนี้ทบทวนความรู้ปัจจุบันของกระต่าย
เลี้ยง . แม้ว่ากระต่าย ( oryctolagus cuniculus ) สามารถ
ให้โฮสหรือโฮสต์กลางอื่น ๆที่ไปเลี้ยง

besnoitia Cryptosporidium , สกุล , ซาร์โคซี ีส และ Toxoplasma , บทความที่เกี่ยวข้องเฉพาะกับเลี้ยง monoxenous
ของสกุลไอเมอเรีย ชไนเดอร์ 1875 .
เลี้ยงไก่จะหมายถึง รูปแบบในการวิจัย
ของปรสิตเหล่านี้เพราะ
ความสำคัญทางเศรษฐกิจของโฮสต์ ในทำนองเดียวกัน เนื่องจากความพร้อมของ
โฮสต์ รวมถึงสายพันธุ์และสายพันธุ์ดัดแปลงพันธุกรรม
งานสำคัญได้ถูกแสดงในรูปแบบของเมาส์ .
แต่ให้ความสนใจน้อยจะจ่ายให้กระต่ายที่เลี้ยงอยู่ , ชนิด
ถึงแม้ว่าเหล่านี้ยังได้รับเรื่องของการศึกษามากมาย
พวกเขามีความสำคัญทางประวัติศาสตร์
ตามเพื่อ เลวีน ( 1973 ) , ลีเวน คสังเกต oocysts
ตับกระต่ายเป็นต้นที่ 1 และด้วยเหตุนี้ไอเมอเรีย stiedai
, ตับ coccidium กระต่ายเป็นของรู้จักครั้งแรก
โปรตัวซัวส์ . อย่างไรก็ตาม ก่อนเลี้ยงศึกษาและอธิบาย
ในระหว่างศตวรรษที่ 19 และไอเมอเรีย stiedai คือ
เรื่องที่สำคัญที่สุดของการสอบสวนดังกล่าว ใน 1879
leuckart ( อ้างตาม Levine 1973 ) โดดเด่น
ตับและลำไส้ของกระต่ายที่เลี้ยงและตั้งชื่อพวกเขา
coccidium oviforme ( ตอนนี้ไอเมอเรีย stiedai ) และ coccidium
perforans . ในช่วงศตวรรษที่ 20 , coccidiologists ดีเด่น
มากมาย เช่น yakimoff , เพลใหม่ rdy cheissin
, , กุหลาบ , scholtyseck coudert , Norton , เกรกอรี่ , และคนอื่น ๆเลี้ยงกระต่าย
ศึกษาในบางช่วงของชีวิตวิทยาศาสตร์
.
ชื่อพรรณไม้ perforans แนะนำโดย leuckart
Eใช้จนถึงวันนี้ แต่สิบชนิดอื่น ๆที่ได้รับอย่างต่อเนื่อง
ดีเด่น ( coudert et al . 1995 Eckert et al .