จากเนื้อหาข้างต้นสรุปได้ว่า จากงานวิจัยของ สรพงค์ เบญจศรีทำการเปรียบเทียบเปอร์เซ็นต์ความงอกของเมล็ดพันธุ์พริก (Capsicum spp.) ที่ปลูกทดสอบภายใต้ระบบเกษตร เคมีและระบบเกษตรอินทรีย์จำนวน 35 พันธุ์ พบว่าพริกพันธุ์ chee มีเปอร์เซ็นต์ความงอกสูงที่สุดเท่ากับ 95.19 เปอร์เซ็นต์ ในการปลูกภายใต้ระบบเกษตรเคมี และ 94.23 เปอร์เซ็นต์ ในการปลูกภายใต้ระบบเกษตรอินทรีย์ และพริกพันธุ์ Maliwan และ Chaiprakan มีเปอร์เซ็นต์ความงอกต่ำที่สุดเท่ากับ 76.92 และ 74.04 เปอร์เซ็นต์ ในการทดสอบภายใต้ระบบเกษตรเคมีและระบบเกษตรอินทรีย์ ตามลำดับ ส่วนการทดสอบในแปลงธรรมชาติ พบว่า พริกพันธุ์ Top star มีอัตราการรอดชีวิตสูงที่สุดทั้งสองระบบ
คือ 85.71 เปอร์เซ็นต์ และบุญมี ศิริ ศึกษาการกระตุ้นการงอกของเมล็ดพันธุ์พริกหวานด้วย chitosan และ KNO3ทำให้เมล็ดพันธุ์มีความงอกและความเร็วในการงอกของเมล็ดเพิ่มมากขึ้น และมี
ความแข็งแรงกว่าเมล็ดพันธุ์ที่ไม่ได้ผ่านการกระตุ้นการงอกหลังจากการเร่งอายุเมล็ดพันธุ์เป็นเวลา
10 วันและ วิลาวรรณ ศิริพูนวิวัฒน์ โรคเหี่ยวในพริกจากเชื้อ Phytophthora พบวาเกษตรกรผูปลูกพริกที่สํารวจ 10 ราย มีอัตราผลตอบแทนที่แตกตางกันโดยเฉพาะอยางยิ่งตนทุนในการจัดการโรค ที่คิด
เปนสัดสวนตั้งแต 8.63 – 30.98 % ของ ตนทุนโดยรวม และ 4.11 ถึง 33.16 % ของกําไรสุทธิ
การบูรณการผลการทดลองขางตนชี้ใหเห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาพันธุพริกที่มี ความตานทานโรคจาก
เชื้อPhytophthora เพื่อสงเสริมการผลิตพืชผลทางการเกษตรที่มี 3 ความปลอดภัยตอผูบริโภคสิ่งแวดลอมและใหผลตอบแทนที่ดีขึ้นสําหรับเกษตรกรอยางยั่งยืน