คนจรจัด
ผมเจอประสบการณ์เฉียดตายมา 1 ครั้ง คนส่วนใหญ่คงคิดว่าไม่ดี แต่สำหรับผมแล้วมันคือโอกาสสำคัญที่สุดในชีวิตของผม และรู้สึกดีใจที่มันเกิดขึ้น...
ผมชื่อ นาวา เทวาสกุล ผมเป็นประธานบริษัทร้านอาหารชั้นนำของประเทศ ผมเปิดบริษัทเป็นปีที่ 13 แล้ว ตอนนี้ผมเป็นประธานพิธีเปิดร้านอาหาร'ดีไลท์'สาขาที่ 100
หลังจบงานฉลอง ผมได้ให้โอวาทแก่พนักงานในร้าน เมื่อกล่าวจบ มีพนักงานคนนึงยกมือ แล้วถามว่า "อาหารที่เหลือในแต่ละวันจะทำยังไงครับ" ผมตอบอย่างมั่นใจเหมือนกับร้านอื่นๆก่อนหน้าว่า "ทิ้งลงถังขยะให้หมด อาหารเราต้องสดใหม่ทุกวัน แต่อย่าเอาไปให้พวกจรจัดข้างถนนนะ เดี๋ยววันๆมันจะมารอรับอาหารทุกวัน อีกอย่างใครจะมาซื้ออาหารเราทั้งที่มารับฟรีก็ได้" เมื่อพูดเสร็จ ก็ไม่มีใครถามอะไรอีก ผมเดินลงจากเวทีและเดินทางไปยังสนามบิน
ตอนนั้นประมาณ 2 ทุ่ม ผมเดินขึ้นเครื่องบินส่วนตัว ในที่สุดเครื่องบินก็ออกเดินทาง
เวลาประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง ผมหลับอยู่บนเครื่องอยู่ดีๆก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นมาจากท้องเครื่อง และทำให้เครื่องบินโคลงเคลงอย่างหนัก เครื่องบินลดระดับตำ่ลง จนเครื่องบินแล่นลงเฉียดแม่นำ้ ผมผวาจนทำอะไรไม่ถูก ผพยายามเปิดประตูเคื่องบิน และกระโดดอย่างไปคิดชีวิตออกจากเครื่องบิน ก่อนเครื่องบินกระแทกนำ้แล้วระเบิดเป็นชิ้นๆ ผมสลบไปพักใหญ่ๆ ฟื้นอีกทีก็เกยอยู่ริมตลิ่งที่ไหนซักแห่ง โอ๊ย แขนของผมเจ็บระบม มีแผลถลอกเป็นแนวยาวทั่วแขน ข้างๆเป็นทุ่งหญ้าและทุ่งนา เห็นแสงไฟอยู่ไกลลิบ ดังนั้นผมตัดสินใจจะเดินไปยังแสงไฟนั้นเพื่อขอความช่วยเหลือ
ในที่สุดก็เดินถึงที่มาของแสงไฟนั้น มันเป็นที่พักระหว่างทางของพวกรถบรรทุก และมีบ้านคนหลายสิบหลัง แสงจากดวงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นท้องฟ้า ผมหิวและง่วงมากแทบเดินไม่ไหว แต่ก็ได้กวาดสายตามองหมู่บ้านนั้น มีร้านอาหาร'ดีไลท์'ด้วย! เหมือนกับเป็นความหวัง ผมรีบวิ่งอย่างทุลักทุเลไปยังร้านนั้นเพื่อขอความช่วยเหลือ และขออาหารกิน "ผมชื่อนาวา เทวาสกุล ผมคือประธานบริษัท ร้านอาหาร'ดีไลท์' ที่คุณทำงานอยู่นี่ ผมอยากกินอาหารซักมื้อนึง แล้วช่วยผมไปโรงพยาบาลที เครื่องบินส่วนตัวผมพึ่งตก ตอนนี้ผมไม่มีเงิน เดี๋ยวผมจะกลับมาตอบแทนคุณอย่างงามเลย" "ไม่ได้เด็ดขาด มันเป็นนโยบายของร้านนี้ที่จะไม่ให้อาหารคนจรจัด อีกอย่างนะอย่ามาหลอกซะให้ยากเลย ถ้านายเป็นประธานบริษัท ฉันคงเป็นนายกไปแล้วล่ะ จริงๆนายก็เป็นแค่คนจรจัดอยู่ดี"เสร็จแล้วบริกรก็เอาไม้กวาดมาไล่ผมออกไป ผมรู้สึกเสียความรู้สึกจริงๆ นโยบายของผมกลับมาทำร้ายตัวผมเองแล้วตอนนี้ แล้วเราจะกลับไปที่บริษัทอย่างไร? ขณะที่เดินอยู่ริมถนน ผมเห็นรถบรรทุกมากมายเดินทางไปตามที่ต่างๆตามที่ได้รับงานมา ทุกคันมีจุดหมาย ต่างจากผมที่เดินอย่างไร้จุดหมาย แถมยังไม่รู้ด้วยซำ้ว่าตนเองอยู่ที่ไหน "เฮ้ เป็นไงบ้าง หิวบ้างไหม" เสียงมาจากตรอกมืดๆ ข้างถนน ทำเอาผมสะดุ้ง ผมมองเข้าไปก็เจอคนน่าตาโทรม ผอมและสกปรก ในมือถือขนมปังฝรั่งเศษชิ้นโต ด้วยความเคยชิน ผมเลยตอบไปว่า "ไอ พวกคนจรจัดสกปรก อย่าเข้ามานะ" คนจรจัดคนนั้นตอบอย่างประชดว่า "ไม่ดูตัวเองบ้างเลย คุณผู้สูงศักดิ์" คำพูดนั้นสะเทือนไปถึงใจของผมว่า ตอนนี้ผมไม่ใช้เจ้าของบริษัทผู้เนี้ยบสะอาด แต่เป็นแค่คนเนื้อตัวสกปรก ไร้ที่พึ่ง "ขอโทษ ผมลืมตัวไปหน่อย ตอนนี้ผมหิวมากเลย"ผมตอบไปอย่างละอาย "ไม่หรอก ฉันไม่สนหรอกว่านายเป็นใครมาก่อน แต่ถ้าหิวใช่ไหม นี่ กินซะ" เขาพูดพร้อมกับยื่นขนมปังหักครึ่งมาให้ผม "วันนี้โชคดี ไปจิ๊กของร้านเบเกอรี่มาได้ชิ้นนึง" "แล้วนี่คุณพอกินหรือ"ผมถามด้วยความสงสัย "แน่นอน ปกติมีให้กินประมาณนี้เเหละ ชีวิตมันก็ไม่ง่ายหรอก" เขาตอบ ผมมองเขาด้วยความทึ่ง เขาเป็นแค่คนจรจัดแทบไม่มีสมบัติอะไรเลย เขากลับมีนำ้ใจให้แก่เรา แต่กลับเรา มีเงินทองทรัพย์สินมากมายแต่กลับไม่มีคำว่าให้แม้แต่คำเดียว ผมคิดแล้วสมเพชตัวเองที่ใจดำมาตลอด กับมองข้ามการมีนำ้ใจแก่เพื่อนมนุษย์ "ขอบคุณ" ผมเอ่ยตอบ ไม่ใช่ขอบคุณแค่เรื่องที่ให้ขนมปัง แต่ขอบคุณที่ทำให้ผมเห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์ คือ 'การให้'
รถตำรวจขับผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหมือนเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นทางใต้ของเมือง ผมโบกเรียกขอความช่วยเหลือ รถตำรวจจอดอยู่ริมทาง แล้วตำรวจลดกระจกมาถามผมว่า "ต้องการให้ช่วยอะไรครับ" ผมตอบว่า "ช่วยเเจ้งเลขาผมทีครับ เครื่องบินส่วนตัวผมตก แล้วผมเลยเดินมาขอความช่วยเหลือที่นี่ " ตำรวจตอบมาว่า "พระเจ้า คุณยังมีชีวิตอยู่เหรอ ผมนึกว่าคุณตายไปเเล้วซะอีก" หลังจากนั้น ผมก็ขึ้นไปกับรถตำรวจเพื่อไปโรงพยาบาล แล้วโบกมือลาเพื่อนคนจรจัดของผม
สุดท้ายหลังจากที่ผมรักษาตัวที่โรงพยาบาลจนหายดีแล้ว และสามารถกลับมาทำงานได้ ผมได้เปลี่ยนนโยบายของบริษัทเรื่องอาหารเหลือทิ้ง และได้บริจาคเงินทุนเพื่อสร้างบ้านให้คนจรจัด และสุดท้ายผมก็ได้เดินทางไปตอบเเทนเพื่อนคนจรจัดคนนั้นอีกครั้ง