การแต่งกายของชายประกอบไปด้วยเสื้อ เ

การแต่งกายของชายประกอบไปด้วยเสื้อ เชิ้ต 1 ตัว ใส่ Tunic หรือไม่ก็ใส่เสื้อ รัดรูป (Doublet) กับกางเกงรัดรูป (Hose) มีเสื้อคลุมทับ Doublet เรียกว่า Pourpoint เสื้อเชิ้ต นั้น จะตัด จากผ้าลินินที่ทำให้มีความพองมาก ๆ และรวบไว้ที่รอบคอและรอบข้อมือ คอเสื้อจะมีทั้งคอกลม และคอวี และคอสี่เหลี่ยม ซึ่งมีมาก่อน ค.ศ. 1500-1525 เป็นลักษณะที่มีระบายเล็ก ๆ โดยรอบ ต่อมาเปลี่ยนมาเป็นแบบ Ruff (เป็นรอยพับ) ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 16 และเสื้อรัดรูป เปลี่ยนเป็นใช้ Tunic ชนิดสั้น แล้วสวมเสื้อนอกมีแขน ปลายแขนแคบ โคนแขนพองรัดเป็นปล้อง ๆ ทำตอนบนของแขนให้พอง

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การแต่งกายของชายประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ต 1 ตัวใส่เสื้อคลุมหรือไม่ก็ใส่เสื้อรัดรูป (คำซ้อนในภาษา) กับกางเกงรัดรูป (ท่อ) มีเสื้อคลุมทับคำซ้อนในภาษาเรียกว่า Pourpoint เสื้อเชิ้ตนั้นจะตัดจากผ้าลินินที่ทำให้มีความพองมากๆ และรวบไว้ที่รอบคอและรอบข้อมือคอเสื้อจะมีทั้งคอกลมและคอวีและคอสี่เหลี่ยมซึ่งมีมาก่อนค.ศกลึง 1500 เป็นลักษณะที่มีระบายเล็กๆ โดยรอบต่อมาเปลี่ยนมาเป็นแบบ Ruff (เป็นรอยพับ) ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 16 และเสื้อรัดรูปเปลี่ยนเป็นใช้เอกชนิดสั้นแล้วสวมเสื้อนอกมีแขนปลายแขนแคบโคนแขนพองรัดเป็นปล้องๆ ทำตอนบนของแขนให้พอง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การแต่งกายของชายประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ต 1 ตัวใส่เสื้อหรือไม่ก็ใส่เสื้อรัดรูป (คู่) กับกางเกงรัดรูป (ท่อ) มีเสื้อคลุมทับคู่เรียกว่า Pourpoint เสื้อเชิ้ตนั้นจะตัดจากผ้าลินินที่ทำให้มีความพอง มาก ๆ และรวบไว้ที่รอบคอและรอบข้อมือคอเสื้อจะมีทั้งคอกลมและคอวีและคอสี่เหลี่ยมซึ่งมีมาก่อน ค.ศ. 1500-1525 เป็นลักษณะที่มีระบายเล็ก ๆ โดยรอบต่อมาเปลี่ยนมาเป็นแบบสร้อย (เป็นรอยพับ) ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 16 และเสื้อรัดรูปเปลี่ยนเป็นใช้ Tunic ชนิดสั้นแล้วสวมเสื้อนอกมีแขนปลายแขนแคบ โคนแขนพองรัดเป็นปล้อง ๆ ทำตอนบนของแขนให้พอง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ศ .การแต่งกายของชายประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ต 1 ตัวใส่เสื้อคลุมหรือไม่ก็ใส่เสื้อรัดรูป ( ดับเลต ) กับกางเกงรัดรูป ( ท่อ ) มีเสื้อคลุมทับดับเลตเรียกว่าจุดไหลเทเสื้อเชิ้ตนั้นจะตัดจากผ้าลินินที่ทำให้มีความพองมากไม่มีคอเสื้อจะมีทั้งคอกลมและคอวีและคอสี่เหลี่ยมซึ่งมีมาก่อนค .ศ .