“อันที่จริงเราชื่อ “ภูมิพล” ที่แปลว่า “กำลังของแผ่นดิน” แม่ก็อยากให้เธออยู่กับดิน เมื่อฟังคำพูดแล้วกลับมาคิด ซึ่งแม่คงจะสอนเราและมีจุดมุ่งหมายว่าอยากให้ติดดินและอยากให้ทำงานให้แก่ประชาชน” …
จากพระราชดำรัสของในหลวงข้างต้น ทำให้ฉันระลึกอยู่เสมอว่า ตั้งแต่วินาทีแรกที่ในหลวงทรงอุทิศตนเป็น “ภูมิพล” ผู้เป็นพลังของแผ่นดินที่พร้อมด้วยทศพิธราชธรรม พระองค์ก็ทรงปฎิบัติหน้าที่อันยิ่งใหญ่นี้ด้วยดีเสมอมา พระองค์ทรงอุทิศพระวรกาย เพื่อดินก้อนเล็กๆ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทอย่างพวกเรา ทรงเป็นทุกอย่าง เป็นพ่อที่ลำบากตรากตรำ สละแรงกายดูแลลูกๆ ด้วยความรัก มาเป็นเวลายาวนานกว่า 60 ปี โดยมิได้คำนึงถึงว่าราษฎรของพระองค์จะเป็นใครมาจากไหน เชื้อชาติใด เพราะพระองค์ทรงยึดมั่นในปณิธานในการที่จะรวมดินก้อนเล็กๆ ในแผ่นดินนี้ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
เมื่อกล่าวถึงในหลวง สิ่งที่ฉันนึกถึงเป็นอันดับแรก คือ กษัตริย์นักพัฒนา ภาพที่ฉันเห็นบ่อยครั้งตามสื่อต่างๆ เป็นภาพที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปยังถิ่นทุรกันดารทั่วราชอาณาจักร ภาพที่เหล่าพสกนิกรชาวไทยคอยต้อนรับการเสด็จฯ มาของพระองด์ด้วยหัวใจ ภาพธงไตรรงค์ของเหล่าราษฎรที่โบกสะบัดพร้อมด้วยรอยยิ้มและร้องไห้ด้วยความปลื้มปีติ และภาพที่พระองค์ทรงหลั่งพระเสโทในขณะทรงงาน เป็นภาพที่ได้ประทับอยู่ในใจของฉันและปวงชนชาวไทยตลอดมา แต่ถึงแม้พระองค์จะทรงงานหนักเพียงใด พวกเราก็สามารถเห็นรอยแย้มพระสรวลปรากฏอยู่บนพระพักตร์ที่เกิดความสุขของพระองค์ ที่ทรงได้ทอดพระเนตรเห็นพสกนิกรอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข
การที่ในหลวงได้เสด็จฯ ไปเยี่ยมเยืยนราษฎรในถิ่นทุรกันดารอยู่สม่ำเสมอเป็นเวลายาวนาน ทรงได้สัมผัสความทุกข์ยาก จึงทำให้พระองค์ทรงเข้าใจปัญหาต่างๆ ได้อย่างลึกซึ้ง จากนั้นพระองค์ก็ทรงใช้พระปรีชาสามารถในการแก้ไขบรรเทาความเดือดร้อนต่างๆ เหล่านั้น โดยเฉพาะด้านเกษตรกรรม ด้วยการก่อตั้งโครงการใน
พระราชดำริต่างๆ อาทิ “โครงการฝนหลวง” เป็นการทำฝนเทียมเพื่อบรรเทาภัยแล้งให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ที่ขาดแคลนน้ำ เพื่อการทำเกษตรกรรมและการใช้สอยในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังมี “โครงการหญ้าแฝก” ซึ่งเป็นโครงการแก้ปัญหาดินที่ถูกชะล้างจากฝน โดยการยึดหน้าดินทำให้ดินกักเก็บน้ำได้มากขึ้น “โครงการแก้มลิง” เพื่อช่วยในการระบายน้ำท่วมจากพื้นที่ตอนบนโดยใช้หลักการน้ำไหลทางเดียว “โครงการแกล้งดิน” แก้ไขดินที่มีสภาวะเป็นกรด เพื่อให้เกษตรกรสามารถ
นำดินไปใช้ประโยชน์ในการเพาะปลูกต่อไป เป็นต้น นอกจากนั้น พระองค์ยังทรงริเริ่มและเชื่อมั่นใน “แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง” ที่ทรงมีพระราชประสงค์ให้พสกนิกรชาวไทยใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย เพื่อการพัฒนาประเทศทั้งทางด้านวัตถุและจิตใจ ให้มีความเจริญที่ไม่ฉาบฉวย แต่มีความยั่งยืนตลอดไป
ดังที่กล่าวมาทั้งหมด จะเห็นได้ว่า สำหรับในหลวงแล้ว ความสุขของราษฎรชาวไทยทั้งหมดนั่นคือ ความสุขของพระองค์ และสิ่งที่พวกเราทุกคนควรกระทำก็ คือตอบแทนพระองค์ท่านที่ทรงเหน็ดเหนื่อยเพื่อพวกเรามาตลอดชีวิตบ้าง ใช่หรือไม่? แล้วทำไมสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราในปัจจุบัน จึงได้ขัดต่อปณิธานของพ่อในเรื่อง “ความสามัคคี” ยิ่งนักเล่า? … ฉันอยากเห็นชาวไทยทุกคนรักประเทศชาติ และมีความสมัครสมานสามัคคี กระทำตนเป็นดั่งดินก้อนเล็กๆ หลากหลายสีที่รวมเป็นแผ่นดินเดียวกัน เป็น สีเดียวกัน เป็นดินที่สร้างประโยชน์ให้แก่แผ่นดินสยามแห่งนี้ ให้สมกับที่ “พ่อของแผ่นดิน” ทรงเป็นตัวอย่างที่ดีเสมอมา ในวันพ่อปีนี้ ฉันจึงขอเชิญชวนให้พี่น้องชาวไทยทุกคนร่วมกันสร้างความสามัคคี ร่วมกันกระทำความดี ฉันแน่ใจว่าความดีของพวกเราชาวไทยจะรวมกันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เปรียบเป็นของขวัญที่มีค่าที่สุดแด่พระองค์ท่าน ส่วนตัวฉันเองก็จะขอตั้งปณิธานว่าจะปฏิบัติตัวเป็นคนดีเป็นประโยชน์ต่อสังคม และจะเดินตามรอยเท้าพ่อตลอดไป