เมื่อ 1,800 ปีก่อนคริสต์ศักราช ชาวอียิปต์ไอเดียล้ำคุมกำเนิดกันด้วยการวางอุจจาระจระเข้บนผ้าข้าวบาง ชุบน้ำให้ชื้น แล้วสอดเข้าไปในช่องคลอด เชื่อกันว่ามูลจระเข้มีสรรพคุณเป็นยาฆ่าเชื้ออสุจิได้ แต่หลังจากผ่านไป 300ปี ก็มีคนคิดวิธีคุมกำเนิดแบบใหม่ขึ้นมา ด้วยการนำยางจากต้นอาคาเซียมาผสมกับผลอินทผลัมบดน้ำผึ้ง ทาบนหนังแกะแผ่นบางๆแล้วใส่เข้าไปในช่องคลอด วิทยาการสมัยใหม่ยอมรับว่าวิธีนี้น่าจะเวิร์ค เพราะยางอาคาเซียเป็นส่วนผสมในยาฆ่าเชื้ออสุจิ ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
ถุงยางถือกำเนิดขึ้นเมื่อประมาณ ค.ศ.1600 โดยทำจากเนื้อเยื่อของไส้แกะ ที่โคนมีเชือกเอาไว้ผูกกับโคนอวัยวะเพศ แต่เพราะถุงยางรุ่นแรกๆผลิตขึ้นมาให้บรรดาโสเภณีใช้ป้องกันโรคติดต่อจากแขก ภาพพจน์ของมันก็เลยไม่แจ่มเท่าไร ทำเอาผู้หญิงทั่วไปโดยเฉพาะคุณหนูลูกผู้ดีไม่ยอมใช้กันเลย แต่ต่อมาพอทุกคนเห็นว่ามันช่วยคุมกำเนิดได้ ชื่อเสียงของถุงยางก็กระเตื้องขึ้น แต่ผู้หญิงก็ยังไม่ยอมรับว่าใช้ถุงยางกันอยู่ดี สมัยนั้นจะสั่งซื้อถุงยางกันทางไปรษณีย์ และจะกำชับไม่ให้เขียนชื่อสินค้าไว้บนกล่องด้วย จะได้ไม่มีใครรู้ว่าของข้างในคืออะไร
ในสมัยปัจจุบันมีหลายบริษัทได้เพิ่มสารฆ่าตัวอสุจิเคลือบถุงไว้ด้วย ด้วยหวังว่าถ้าเกิดเผื่อถุงยางแตก หรือรั่วก็ยังพอมียาตัวนี้ช่วยฆ่าเชื้ออสุจิด้วย แม้ไม่มากนักก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ช่วยได้นิดหน่อยก็ยังดี สารที่ใช้มีหลายประเภท แต่ที่นิยมกันมากเป็นสารประเภท surfactant หรือ surfactant active เป็นสารเคมีในกลุ่ม detergent สารเคมีประเภทนี้ฆ่าตัวอสุจิโดยการจู่โจมเยื่อหุ้มเซลล์ ทำให้เยื่อหุ้มเซลล์ของตัวอสุจิชำรุด เกิดการรั่วไหลของส่วนประกอบภายในเซลล์ ทำให้เซลล์ตาย ตัวที่นิยมใช้กันมากที่สุด(หรือเกือบทั้งหมด) ได้แก่ สาร nonoxynol-9 มีชื่อทางเคมีว่า nonylphenoxyl-polyethoxye-thanol (ต่อมาก็มีการพัฒนามาใช้ nonoxynol-11้ ) ต่อมาพบว่าสารนี้สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรคได้ รวมทั้งเชื้อเอดส์ด้วย ได้มีการทดลองในหลอดทดลอง โดยเอาเชื้อเอดส์ และเซลล์ที่ติดเชื้อเอดส์มาผสมกับตัวยาnonoxynol-9 ผลปรากฏว่า เชื้อตายหมดภายในไม่กี่วินาที
ยังไงก็แล้วแต่ตรวจให้ดี เพราะสารตัวนี้ก็ไม่ได้ช่วยได้100%