Morgan went into business, and made

Morgan went into business, and made a small fortune in railroads and mines. He was elected to the New York State Assembly and Senate. His passion remained ethnographic scholarship.

When he traveled to the frontier of Michigan on railroad business, Morgan became interested in the beaver, and did research to publish a work on the animal that shaped the environment through its construction of dams.

In the late 1850s, Morgan took up the comparative study of kinship terms in time he spared from business and law pursuits. Originally this was an attempt to prove that the natives of the New World originally came from Asia; Morgan's intention was to provide evidence for monogenesis, the theory that all human beings descend from a common source (as opposed to polygenism). This original inspiration became less relevant because of the Darwinian revolution. In addition, Morgan became increasingly interested in the comparative study of kinship (family) relations as a window into understanding larger social dynamics; he saw kinship relations as a basic part of society.

In the late 1850s and 1860s, Morgan collected kinship data from a variety of Native American tribes. In his quest to do comparative kinship studies, Morgan corresponded with scholars, missionaries, US Indian agents, colonial agents, and military officers around the world. He created a questionnaire which others could fill out so he could collect data in a standardized way. Over several years, he made months-long trips to what was then the Wild West to further his research. In 1862 in Sioux City, South Dakota on what would be the last of such trips, Morgan found out that his two young daughters, Mary and Helen, had died.

"Two of three of my children are taken," he wrote in his journal. "Our family is destroyed. The intelligence has absolutely petrified me. I have not shed a tear. It is too profound for tears. Thus ends my last expedition. I go home to my stricken and mourning wife, a miserable and destroyed man."

Morgan continued to live a full life with his wife and son. He had an expansive business and political career. He engaged actively with American policy toward Native Americans and tried unsuccessfully to become Commissioner of Indian Affair and an ambassador. During his European travels, he met with Charles Darwin and the great British anthropologists of the age. He continued with his independent scholarship and was not affiliated with any university.

In addition to his important books, Morgan was an intellectual mentor to those who followed, including John Wesley Powell, who became head of the Smithsonian Institution. He commented on the issues of the day. Through his anthropological work, he helped his contemporaries make sense of the social flux around them.

Elected president of the American Association for the Advancement of Science in 1879, Morgan was also a member of the National Academy of Sciences.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มอร์แกนเดินเข้าไปในธุรกิจ และโชคเล็ก ๆ ในรถรางและลูกระเบิด เขาได้รับเลือกแอสเซมบลีของรัฐนิวยอร์กและวุฒิสภา ความรักของเขายังคง ศึกษา ethnographicเมื่อเขาเดินทางไปชายแดนของมิชิแกนธุรกิจรถไฟ มอร์แกนกลายเป็นสนใจในสัตว์ชนิดหนึ่ง และงานวิจัยเพื่อเผยแพร่งานในสัตว์ที่รูปสิ่งแวดล้อมผ่านการก่อสร้างเขื่อนใน 1850s ปลาย มอร์แกนได้ค่าศึกษาเปรียบเทียบของญาติในเวลาที่เขาช่วยจากธุรกิจและกฎหมายชั้น ตอนแรก นี้เป็นความพยายามที่จะพิสูจน์ว่า ชาวพื้นเมืองของโลกใหม่มาจากเอเชีย ความตั้งใจของมอร์แกนได้ให้หลักฐานสำหรับ monogenesis ทฤษฎีที่ว่ามนุษย์มาจากแหล่งทั่วไป (ตรงข้ามกับ polygenism) แรงบันดาลใจนี้เดิมเป็นที่เกี่ยวข้องน้อยเนื่องจากการปฏิวัติแบบ นอกจากนี้ มอร์แกนกลายเป็นสนใจมากขึ้นในการศึกษาเปรียบเทียบความสัมพันธ์ของญาติ (ครอบครัว) เป็นหน้าต่างเป็นเข้าใจใหญ่สังคม dynamics เขาเห็นความสัมพันธ์ของญาติเป็นพื้นฐานส่วนหนึ่งของสังคมใน 1850s ปลายและ 1860s มอร์แกนรวบรวมข้อมูลร่วมจากหลากหลายชนเผ่าอเมริกันพื้นเมือง หาเพื่อทำการศึกษาเปรียบเทียบญาติ มอร์แกน corresponded กับนักวิชาการ นั้น สหรัฐฯ อินเดียตัวแทน ตัวแทนโคโลเนียล ทหาร และทั่วโลก เขาสร้างแบบสอบถามซึ่งผู้อื่นสามารถกรอกเพื่อให้เขาสามารถรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีมาตรฐาน หลายปี เขาทำเดือนลองเที่ยวกับอะไรถูกแล้วภายใต้การดำเนินงานวิจัยของเขา ใน 1862 ในเมืองได้แก่ เซาท์ดาโคตาในสิ่งที่จะเป็นสุดท้ายของการเดินทางดังกล่าว มอร์แกนพบว่า ลูกสองหนุ่มสาว แมรี่และเฮเลน เสียชีวิต"สองในสามของเด็กของฉันถูกนำ ที่เขาเขียนในสมุดของเขา "ครอบครัวของเราถูกทำลาย ปัญญามีจริง ๆ กลายเป็นหินฉัน ผมไม่ได้หลั่งน้ำตา ลึกซึ้งเกินไปสำหรับน้ำตาได้ จึง สิ้นสุดการเดินทางของฉันสุดท้าย ไปบ้านของฉัน stricken และภรรยาไว้ทุกข์ อนาถ และทำลายคน"มอร์แกนยังคงมีชีวิตเต็ม ด้วยภรรยาและบุตรของเขา เขามีธุรกิจที่กว้างขวางและอาชีพทางการเมือง เขาเข้าร่วมนโยบายต่อชาวอเมริกันพื้นเมืองอย่างแข็งขัน และพยายามประสบความสำเร็จเป็นเรื่องหลวงอินเดียแอมบาสเดอร์ ในระหว่างการเดินทางยุโรปของเขา เขาได้พบกับชาร์ลส์ดาร์วินและมานุษยอังกฤษดีอายุ เขาพร้อมทุนการศึกษาของเขาเป็นอิสระ และไม่มีการเชื่อมโยงกับมหาวิทยาลัยใด ๆนอกจากหนังสือสำคัญ มอร์แกนเป็นการปรึกษาทางปัญญาผู้ตาม รวมถึงจอห์น Wesley พาวเวล ผู้เป็นหัวหน้าของสถาบันสมิธโซเนียน เขาแสดงความคิดเห็นในเรื่องของวัน ผ่านงานพัณฑ์ของเขา เขาช่วย contemporaries ของเขาทำให้ความรู้สึกเลื่อนไหลอยู่สังคมรอบ ๆประธานสมาคมอเมริกันสำหรับความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์ใน 1879 มอร์แกนยังเป็นสมาชิกของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มอร์แกนเดินเข้าไปในทางธุรกิจและสร้างรายได้มหาศาลขนาดเล็กในทางรถไฟและการเหมืองแร่ เขาได้รับเลือกให้รัฐนิวยอร์กของสหประชาชาติและวุฒิสภา ความรักของเขายังคงเป็นทุนการศึกษาชาติพันธุ์เมื่อเขาเดินทางไปยังชายแดนมิชิแกนในธุรกิจทางรถไฟมอร์แกนเป็นที่สนใจในช่องคลอดและทำวิจัยที่จะเผยแพร่การทำงานเกี่ยวกับสัตว์ที่มีรูปร่างสภาพแวดล้อมที่ผ่านการก่อสร้างเขื่อนได้ในช่วงปลายยุค แต่เดิมนี้เป็นความพยายามที่จะพิสูจน์ว่าชาวพื้นเมืองของโลกใหม่เดิมมาจากเอเชีย ความตั้งใจของมอร์แกนคือการให้หลักฐาน นี้กลายเป็นแรงบันดาลใจเดิมที่เกี่ยวข้องน้อยลงเพราะการปฏิวัติของดาร์วิน นอกจากนี้มอร์แกนกลายเป็นที่สนใจมากขึ้นในการศึกษาเปรียบเทียบของเครือญาติ เขาเห็นความสัมพันธ์เครือญาติเป็นส่วนหนึ่งที่พื้นฐานของสังคมในช่วงปลายยุค ในภารกิจของเขาที่จะทำเครือญาติศึกษาเปรียบเทียบมอร์แกนตรงกับนักวิชาการมิชชันนารีสหรัฐตัวแทนอินเดีย เขาสร้างแบบสอบถามที่ผู้อื่นสามารถกรอกข้อมูลเพื่อที่เขาจะเก็บรวบรวมข้อมูลในทางที่เป็นมาตรฐาน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาทำทริปเดือนนานในสิ่งที่ถูกแล้วป่าตะวันตกที่จะส่งเสริมการวิจัยของเขา ใน " " มอร์แกนยังคงมีชีวิตที่เต็มไปด้วยภรรยาและบุตรชายของเขา เขามีธุรกิจที่ขยายตัวและการทำงานทางการเมือง เขามีส่วนร่วมอย่างแข็งขันกับนโยบายของสหรัฐอเมริกาที่มีต่อชนพื้นเมืองอเมริกันและพยายามที่จะกลายเป็นผู้บัญชาการของอินเดียเรื่องและทูต ในระหว่างการเดินทางของเขาในยุโรปเขาได้พบกับชาร์ลส์ดาร์วินและนักมานุษยวิทยาชาวอังกฤษที่ดีของอายุ เขายังคงมีทุนการศึกษาอิสระของเขาและไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยใด ๆ นอกจากหนังสือที่สำคัญของเขามอร์แกนเป็นผู้ให้คำปรึกษาทางปัญญาให้กับผู้ที่ใช้รวมทั้งจอห์นเวสลีย์พาวเวลผู้เป็นหัวหน้าของสถาบัน เขาให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นของวันที่ ผ่านการทำงานทางมานุษยวิทยาของเขาเขาช่วยโคตรของเขาให้ความรู้สึกของฟลักซ์สังคมรอบตัวพวกเขาการเลือกตั้งประธานของสมาคมอเมริกันเพื่อความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์ใน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มอร์แกนไปทำธุรกิจ และโชคเล็ก ๆในรถไฟและเหมืองแร่ เขาได้รับเลือกให้รัฐนิวยอร์กแอสเซมบลี และวุฒิสภา ความรักของเขายังคงด้านทุนการศึกษา

เมื่อเขาเดินทางไปที่ชายแดนของมิชิแกนบนรถไฟ มอร์แกนกลายเป็นที่สนใจในบีเวอร์และทำวิจัยเพื่อตีพิมพ์ผลงานในสัตว์ที่รูปร่างสภาพแวดล้อมที่ผ่านการก่อสร้างของเขื่อน

ในคริสต์ทศวรรษ 1830 สายมอร์แกนจับเปรียบเทียบคำเรียกญาติในเวลาที่เขารอดจากกฎหมายและธุรกิจงานอดิเรก . เดิมที นี่เป็นความพยายามที่จะพิสูจน์ว่า ชาวพื้นเมืองของโลกใหม่ที่แต่เดิมมาจากเอเชีย ความตั้งใจของมอร์แกนคือการให้หลักฐาน monogenesis ,ทฤษฎีที่มนุษย์ทุกคนลงมาจากแหล่งกำเนิด ( ตรงข้ามกับ polygenism ) แรงบันดาลใจเดิมนี้กลายเป็นที่เกี่ยวข้องน้อยกว่า เพราะการปฏิวัติของดาร์วิน . นอกจากนี้ มอร์แกนกลายเป็นมากขึ้นสนใจในการศึกษาเปรียบเทียบความสัมพันธ์ของเครือญาติ ( ครอบครัว ) เป็นหน้าต่างสู่ความเข้าใจพลวัตทางสังคมขนาดใหญ่ เขาเห็นเครือญาติ ความสัมพันธ์เป็นส่วนหนึ่งพื้นฐานของสังคม .

ในคริสต์ทศวรรษ 1830 1840 และสาย มอร์แกนข้อมูลวิจัยจากหลากหลายชนเผ่าอเมริกันพื้นเมือง ในการแสวงหาของเขาที่จะทำตระกูลการศึกษาเปรียบเทียบ , มอร์แกน สอดคล้องกับนักวิชาการ มิชชันนารี สหรัฐ อินเดีย ตัวแทน อาณานิคม และทหารทั่วโลก เขาสร้างแบบสอบถามที่ผู้อื่นไม่สามารถกรอก เพื่อที่เขาจะได้รวบรวมข้อมูลในวิธีมาตรฐาน กว่าหลายปีเขาทำให้เดือนนานไปแล้วป่าตะวันตกเพื่อการวิจัยต่อไปของเขา ใน 1862 ใน ซู ซิตี้ เซาธ์ ดาโกต้า ในสิ่งที่จะเป็นสุดท้ายของการเดินทางดังกล่าว มอร์แกนพบว่าลูกสาวสองคนของเขา ยอง แมรี่ เฮเลน ตาย

" สองในสามของเด็กๆ จะได้รับ " เขาเขียนในบันทึกของเขา ครอบครัวของเราถูกทำลาย ปัญญาได้จริง ๆ นะค่ะ ฉันจะไม่หลั่งน้ำตามันลึกซึ้งเกินไปสำหรับน้ำตา จึงสิ้นสุดการเดินทางครั้งสุดท้ายของฉัน ผมกลับบ้านที่เป็นทุกข์และไว้ทุกข์ภรรยาของฉันอนาถและทำลายมนุษย์ . "

มอร์แกน ยังคงใช้ชีวิตเต็มชีวิตพร้อมภรรยาและลูกชาย เขามีธุรกิจกว้างขวางและอาชีพทางการเมือง เขามีส่วนร่วมอย่างแข็งขันกับนโยบายต่อชาวอเมริกันพื้นเมืองอเมริกันและพยายาม unsuccessfully เป็นกรรมาธิการกิจการอินเดียน และทูต .ในระหว่างการเดินทางยุโรปของเขา เขาได้พบกับ ชาร์ลส์ ดาร์วิน และนักมานุษยวิทยาชาวอังกฤษผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุค เขายังคงทุนอิสระของเขาและไม่ได้สังกัดกับมหาวิทยาลัยใด ๆ .

นอกจากหนังสือเล่มสำคัญของเขา มอร์แกนเป็นพี่เลี้ยงทางปัญญาที่ตามมา ได้แก่ จอห์น เวสลีย์ พาวล์ ใครเป็นหัวหน้าของสถาบัน สมิธโซเนียนเขาแสดงความคิดเห็นในประเด็นของวัน ผ่านงานทางด้านมานุษยวิทยาของเขา เขาช่วยโคตรของเขาให้ความรู้สึกของสังคมที่ไหลรอบ ๆ .

เลือกตั้งประธานาธิบดีของสมาคมอเมริกันเพื่อความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์ใน 1879 , มอร์แกนยังเป็นสมาชิกของ National Academy of Sciences