3.2 To abstain from stealing (Adinn

3.2 To abstain from stealing (Adinnādānā Veramanī)
Meaning
We have the right to own things and give them away as we wish. However, we should not take things that do not belong to us by stealing or cheating. Instead, we should learn to give to help others, and always take good care of the things that we use, whether they belong to us or to the public. In a broader sense, this precept means being responsible. If we are lazy and neglect our studies or work, we are said to be ‘stealing time’.
This precept also encourages us to be generous. Buddhists give to the poor and the sick and make offerings to monks and nuns to practise being good. Buddhists are usually generous to their parents, teachers and friends to show gratitude for their advice, guidance and kindness. Buddhists also offer sympathy and encouragement to those who feel hurt or discouraged. Helping people by telling them about the Dhamma is considered to be the highest form of giving.

Five conditions of stealing (Adinnādāna)
1. The property must be in the possession of another person.
2. There must be the knowledge that the property is in the possession of another person.
3. There must be an intention to steal.
4. There must be an act done to steal.
5. By that act the property must have been taken.
If all the said five conditions are fulfilled, the second precept is violated.





Reading comprehension on The Moon is Looking at You

Once there was a very poor family. They often went to their neighbor’s garden to steal some vegetables.
One night, the father took along his little son into their neighbor’s garden to steal some carrots. While the father was pulling out some carrots, his little boy stood beside him. Suddenly, his son whispered, “Daddy, someone is looking at us.”
The father became afraid. He quickly looked around but he could not see anyone. “Where? Who?” he asked.
The son pointed at the sky, “There, Daddy. It’s the moon. The moon is looking at us.”
The father was shocked by what his son said. He thought that nobody could see what he was doing at night. His son’s words made him feel ashamed.
He threw the carrots down and took his son by the hand. They both walked back home in the moonlight. After that he never stole anything again.

If we steal, people will know.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

3.2 การงดขโมย (Adinnādānā Veramanī) ความหมาย เรามีสิทธิที่จะเป็นเจ้าของกิจกรรม และให้พวกเขาไป ตามที่เราต้องการ อย่างไรก็ตาม เราควรจะมีสิ่งที่ไม่เป็นของเรา โดยการขโมย หรือโกง แทน เราควรเรียนรู้เพื่อให้ การช่วยเหลือผู้อื่น เสมอใช้ดีดูแลสิ่งที่เราใช้ ว่าพวกเขาเป็นของเรา หรือ ให้ประชาชน ในความรู้สึกกว้างขึ้น precept นี้หมายถึง การรับผิดชอบ ถ้าเราขี้เกียจ และละเลยการศึกษาหรืองานของเรา เราจะกล่าวได้ว่า เป็น 'ขโมยเวลา' Precept นี้ยังสอนเราต้องใจกว้าง พุทธให้คนยากจนและผู้ป่วย และเสนอให้พระสงฆ์และแม่ชีเพื่อฝึกฝนดี พุทธมักจะใจกว้างของผู้ปกครอง ครู และเพื่อนเพื่อแสดงความกตัญญูแนะนำ คำแนะนำ และเมตตาได้ พุทธยังมีเห็นใจ และให้กำลังใจคนที่รู้สึกเจ็บ หรือกำลังใจ ช่วยคน โดยบอกพวกเขาเกี่ยวกับธรรมถือว่าเป็น แบบสูงสุดของการให้ เงื่อนไขที่ 5 ของการขโมย (Adinnādāna) 1 คุณสมบัติ.ต้องอยู่ในความครอบครองของบุคคลอื่น 2. ต้องมีความรู้ที่แห่งนี้อยู่ในความครอบครองของบุคคลอื่น 3. ต้องมีความตั้งใจจะขโมย 4. ต้องดำเนินการขโมย 5. โดยที่พระราชบัญญัติ ต้องมีการดำเนินการ ถ้าเงื่อนไข 5 ที่กล่าวทั้งหมดจะทำให้สมบูรณ์ มีละเมิด precept สอง อ่านบนดวงจันทร์กำลังมองหาที่คุณ เมื่อมีครอบครัวยากจนมาก พวกเขามักจะไปถึงสวนของเพื่อนบ้านของพวกเขาจะขโมยผักบาง คืนที่หนึ่ง พ่อเอาตามบุตรน้อยเป็นสวนของเพื่อนบ้านของพวกเขาจะขโมยแครอทบาง ในขณะพ่อดึงออกบางแครอท เด็กชายน้อยยืนอยู่ข้างเขา ทันใดนั้น บุตรเกมส์ "พ่อ คนกำลังที่เรา" พ่อกลายเป็นกลัว เขามองรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว แต่เขาไม่เห็นใคร "ที่หรือไม่ "ใครเขาถาม บุตรชี้ท้องฟ้า "มี พ่อ ดวงจันทร์ได้ ดวงจันทร์จะมองที่เรา" บิดาได้ตกใจกลัวความผิดบุตรพูด เขาคิดว่า ไม่มีใครได้เห็นเขาได้ทำในเวลากลางคืน คำของลูกชายของเขาทำให้เขารู้สึกละอายใจ เขาโยนแครอทที่ลง และเอาบุตร โดยมือ ทั้งคู่เดินกลับบ้านในแสงจันทร์ หลังจากที่ เขาเคยขโมยอะไรอีกถ้าเราขโมย คนจะรู้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

3.2 เพื่องดเว้นจากการขโมย (AdinnādānāVeramanī)
ความหมายเรามีสิทธิที่จะเป็นเจ้าของสิ่งต่าง ๆ และให้พวกเขาไปตามที่เราต้องการ
อย่างไรก็ตามเราไม่ควรใช้สิ่งที่ไม่เป็นของเราโดยการขโมยหรือโกง แต่เราควรจะเรียนรู้ที่จะให้ที่จะช่วยให้คนอื่น ๆ และมักจะดูแลที่ดีของสิ่งที่เราใช้ไม่ว่าจะเป็นของเราหรือให้ประชาชน ในความหมายที่กว้างขึ้น, กฎเกณฑ์นี้หมายถึงการเป็นผู้รับผิดชอบ ถ้าเราขี้เกียจและละเลยการศึกษาหรือการทำงานของเราที่เราจะกล่าวว่าเป็น 'ขโมยเวลา.
ศีลนอกจากนี้ยังกระตุ้นให้เราเป็นคนใจกว้าง ชาวพุทธให้กับคนยากจนและผู้ป่วยและถวายพระสงฆ์และแม่ชีที่จะปฏิบัติเป็นคนดี ชาวพุทธมักจะใจดีกับพ่อแม่ของพวกเขาครูและเพื่อน ๆ ที่จะแสดงความขอบคุณสำหรับคำแนะนำของพวกเขาให้คำแนะนำและความเมตตา ชาวพุทธมีความเห็นอกเห็นใจยังและให้กำลังใจกับผู้ที่รู้สึกเจ็บหรือท้อแท้ ช่วยให้ผู้คนโดยบอกพวกเขาเกี่ยวกับธรรมะถือว่าเป็นรูปแบบสูงสุดของการให้. ห้าเงื่อนไขของการขโมย (Adinnādāna) 1 สถานที่ให้บริการจะต้องอยู่ในความครอบครองของบุคคลอื่น. 2 จะต้องมีความรู้ว่าทรัพย์สินที่อยู่ในความครอบครองของบุคคลอื่น. 3 จะต้องมีความตั้งใจที่จะขโมย. 4 จะต้องมีการกระทำที่ทำเพื่อขโมย. 5 โดยที่ทำหน้าที่ทรัพย์สินที่ต้องได้รับการดำเนินการ. ถ้าทุกห้ากล่าวว่าเงื่อนไขที่เป็นจริง, กฎเกณฑ์ที่สองคือการละเมิด. อ่านเข้าใจเกี่ยวกับดวงจันทร์จะมองไปที่คุณเมื่อมีครอบครัวที่ยากจนมาก พวกเขามักจะไปสวนเพื่อนบ้านของพวกเขาที่จะขโมยผักบางชนิด. คืนหนึ่งพ่อเอาพร้อมลูกน้อยของเขาเข้าไปในสวนของเพื่อนบ้านของพวกเขาที่จะขโมยแครอทบาง ในขณะที่พ่อถูกดึงออกมาจากแครอทบางเด็กชายตัวเล็ก ๆ ของเขายืนอยู่ข้างเขา ทันใดนั้นลูกชายของเขากระซิบ "พ่อคนที่กำลังมองหาที่เรา." พ่อกลายเป็นกลัว เขามองไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว แต่เขาไม่สามารถมองเห็นทุกคน "ที่ไหน? ใคร? "เขาถาม. ลูกชายชี้ไปที่ท้องฟ้า" มีพ่อ มันเป็นดวงจันทร์ ดวงจันทร์กำลังมองหาที่เรา. "พ่อก็ตกใจกับสิ่งที่ลูกชายของเขากล่าวว่า เขาคิดว่าไม่มีใครจะได้เห็นสิ่งที่เขาทำในเวลากลางคืน คำพูดของลูกชายของเขาทำให้เขารู้สึกละอายใจ. เขาโยนแครอทลงและเอาลูกชายของเขาด้วยมือ พวกเขาทั้งสองเดินกลับบ้านในแสงจันทร์ หลังจากนั้นเขาไม่เคยขโมยอะไรอีก. ถ้าเราขโมยคนจะได้รู้ว่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

3.2 การละเว้นจากการขโมย ( adinn อุบาสกอุบาสกอุบาสก D N veraman ความหมายī )

เราก็มีสิทธิที่จะเป็นเจ้าของและให้พวกเขาไปตามที่เราต้องการ อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรเอาของที่ไม่ได้เป็นของเราโดยขโมยหรือโกง แต่เราควรจะเรียนรู้เพื่อให้ช่วยเหลือผู้อื่น และมักจะดูแลสิ่งต่างๆ ที่เราใช้ ไม่ว่าจะเป็นของเราหรือเพื่อประชาชน ในความรู้สึกที่กว้างขึ้น ,ศีล หมายถึง การรับผิดชอบ ถ้าเราขี้เกียจและละเลยการศึกษาการทำงานของเราหรือ เราเป็น ' ขโมยเวลา '
ข้อบังคับนี้ยังกระตุ้นให้เราใจกว้าง ชาวพุทธให้คนจนและคนป่วย และทำทานให้กับพระสงฆ์และแม่ชีฝึกถูกดี ชาวพุทธมักจะใจดีกับพ่อแม่ ครู และเพื่อน ๆ เพื่อแสดงความขอบคุณสำหรับคำแนะนำของพวกเขาคำแนะนำและความเมตตา ชาวพุทธยังมีความเห็นใจและให้กำลังใจกับผู้ที่รู้สึกเจ็บ หรือท้อ การช่วยคนด้วยการบอกพวกเขาเกี่ยวกับธรรมะถือว่าเป็นรูปแบบสูงสุดของการให้

5 เงื่อนไขของขโมย ( adinn อุบาสกทาน )
1 คุณสมบัติ ต้องอยู่ในความครอบครองของบุคคลอื่น
2 .ต้องมีความรู้ว่า ทรัพย์อยู่ในความครอบครองของบุคคลอื่น
3 ต้องมีเจตนาที่จะขโมย
4 ต้องมีการกระทําขโมย
5 โดยพระราชบัญญัติคุณสมบัติต้องได้รับการถ่าย
ถ้ากล่าวทั้งหมด 5 เงื่อนไขเป็นจริง ผิดศีลข้อที่สองคือ ละเมิด





การอ่านบนดวงจันทร์มองเธอ

เมื่อมีครอบครัวที่ยากจนมากพวกเขามักจะไปที่สวนของเพื่อนบ้าน ขโมยผัก
คืนหนึ่ง พ่อถ่ายพร้อมลูกชายตัวน้อยเป็นสวนของเพื่อนบ้าน ขโมยแครอท ขณะที่พ่อกำลังดึงออกบาง แครอท , เด็กยืนข้างๆเขา ทันใดนั้น ลูกชายของเขาพูดว่า " พ่อ มีคนมองเราอยู่ "
พ่อเริ่มกลัว เขารีบมองไปรอบๆแต่ก็ไม่พบใคร" ที่ไหน ? ใคร ? " เขาถาม
ลูกชี้ไปที่ท้องฟ้า มี พ่อ มันคือพระจันทร์ ดวงจันทร์มองเรา "
พ่อตกใจที่ลูกชายของเขากล่าวว่า เขาคิดว่าไม่มีใครเห็น สิ่งที่เขาทำในตอนกลางคืน คำพูดของลูกชายของเขา ทำให้เขารู้สึกอับอาย
เขาโยนแครอทลงและจับมือลูก . พวกเขาทั้งสองเดินกลับบ้านในแสงจันทร์หลังจากนั้นเขาไม่เคยขโมยอะไรอีก

ถ้าเราขโมย ประชาชนจะได้รู้

.