Litchi (Litchi chinenis Sonn.) is s

Litchi (Litchi chinenis Sonn.) is subtropical fruit trees which required lower temperature then 15 0C for inducing flowering. Litchi is an important economic fruit of the Northern, especially Chiang Mai, Phayao, Chiang Rai, and Nan Province. (Office of Agricultural Economic,2014). But the irregular flowering is still a main problem of fruit production. In practice, farmers applied girdling to solve the irregular flowering problem but the result is not the same in next year (Menzel and Simpson,1990)depend on the climate change. However, there was the researches to improve ability of flower induction by foliar spraying with 0-52-34 and ethephon, it can increasing the efficiency of girdling, especially the off-season flowering (charoenkit and Sraomsiri,2011). Moreover Menzel and Simpson (1990) found that the foliar spraying with paclobutrazol 1,000-4,000 mg/l or soil drenched with 0.25-1.0 g/m2 litchi trees cv. Bengal , Kwai May Pink and Tai So could increase flowering up to 40-60%. Furthermore, the application of mepiquat-Cl could increase flowering by inhibited gibberellins biosynthesis. Sopa (2012) found that application of paclobutrazol, chromequat-Cl and mepiquat-Cl had affected on mango flowering by induced earlier flower than control. Therefore, the application of paclobutrazol, mepiquat-Cl combine with girdling and foliar spraying with 0-52-34 and ethephon be the alternative way to improve litchi flowering.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Litchi (Litchi chinenis Sonn.) เป็นแบบต้นไม้ซึ่งต้องการอุณหภูมิต่ำกว่า 15 แล้ว 0C สำหรับ inducing ดอก Litchi เป็นผลไม้เศรษฐกิจสำคัญของภาคเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชียงใหม่ พะเยา เชียงราย และ จังหวัดน่าน (สำนักงานเกษตรเศรษฐกิจ 2014) แต่ดอกไม่สม่ำเสมอยังคงเป็นปัญหาหลักของผลผลิต ในทางปฏิบัติ เกษตรกรใช้ girdling แก้ปัญหาดอกไม่สม่ำเสมอแต่ผลไม่เหมือนกันในปีถัดไป (Menzel และซิมป์สัน 1990) ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยเพื่อปรับปรุงความสามารถของดอกไม้ โดยพ่น ด้วย 0-52-34 และ ethephon foliar มันสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของ girdling โดยเฉพาะอย่างยิ่งการระเบิดดอก (charoenkit และ Sraomsiri, 2011) นอกจากนี้ Menzel และซิมป์สัน (1990) พบว่าการพ่น foliar มี paclobutrazol 1000 4000 mg/l หรือดินขาวกับ 0.25-1.0 g/m2 litchi ต้นไม้พันธุ์เบงกอล แควอาจสีชมพู และใต้เพื่อสามารถเพิ่มเวอร์ริ่งถึง 40-60% นอกจากนี้ แอพลิเคชันของ mepiquat Cl สามารถเพิ่มดอก โดยห้าม gibberellins สังเคราะห์ ร่าง (2012) พบว่า paclobutrazol, chromequat Cl และ mepiquat-Cl ได้รับผลกระทบในมะม่วงเวอร์ริ่ง โดยดอกไม้อาจก่อนหน้ากว่าควบคุม ดังนั้น แอพลิเคชันของ paclobutrazol, mepiquat Cl รวมกับ girdling และพ่น foliar มี 0-52-34 และ ethephon มีทางทุเลา litchi ดอก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ลิ้นจี่ (Litchi chinenis Sonn.) เป็นไม้ผลกึ่งเขตร้อนซึ่งจำเป็นต้องมีอุณหภูมิต่ำกว่า 15 0C ในการกระตุ้นการออกดอก ลิ้นจี่เป็นผลไม้เศรษฐกิจที่สำคัญของภาคเหนือโดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่, พะเยา, เชียงรายและจังหวัดน่าน (สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2014) แต่ดอกที่ผิดปกติก็ยังคงเป็นปัญหาหลักของการผลิตไม้ผล ในทางปฏิบัติเกษตรกรนำไปใช้ girdling การแก้ปัญหาการออกดอกผิดปกติ แต่ผลที่ได้คือไม่เหมือนกันในปีถัดไป (Menzel และซิมป์สัน, 1990) ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่มีงานวิจัยเพื่อปรับปรุงความสามารถในการเหนี่ยวนำดอกไม้โดยการฉีดพ่นทางใบกับ 0-52-34 และเอทธีฟอนก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของ girdling โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกดอกนอกฤดู (เจริญและ Sraomsiri 2011) นอกจากนี้ Menzel และซิมป์สัน (1990) พบว่าการฉีดพ่นทางใบที่มีสาร paclobutrazol 1,000-4,000 มิลลิกรัม / ลิตรหรือดินเปียกโชกด้วย 0.25-1.0 g / m2 ลิ้นจี่พันธุ์ต้นไม้ เบงกอลแควพฤษภาคมสีชมพูและไทดังนั้นสามารถเพิ่มออกดอกได้ถึง 40-60% นอกจากนี้การประยุกต์ใช้ด์-Cl สามารถเพิ่มการออกดอกโดยยับยั้งการสังเคราะห์เรลลิ โสภา (2012) พบว่าการประยุกต์ใช้สาร paclobutrazol ที่ chromequat-Cl และด์-Cl ได้รับผลกระทบในดอกมะม่วงโดยการชักนำให้เกิดดอกก่อนหน้านี้กว่ากลุ่มควบคุม ดังนั้นการประยุกต์ใช้สาร paclobutrazol, ด์-Cl รวมกับ girdling และการฉีดพ่นทางใบกับ 0-52-34 และเอทธีฟอนเป็นทางเลือกในการปรับปรุงดอกลิ้นจี่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ลิ้นจี่ ( Litchi chinenis sonn . ) เป็นไม้ผลกึ่งร้อน ซึ่งต้องการอุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส เพื่อกระตุ้นการออกดอก ลิ้นจี่เป็นไม้ผลเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ พะเยา เชียงราย และจังหวัดน่าน ( สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ปี 2014 ) แต่ไม่ออกดอกก็ยังคงเป็นปัญหาหลักของการผลิตผลไม้ ในการปฏิบัติเกษตรกรใช้โมกมันแก้ปัญหา แต่ไม่ออกดอกผล คือ ไม่เหมือน ใน ปีถัดไป ( Menzel and Simpson , 2533 ) ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยเพื่อปรับปรุงความสามารถในการฉีดพ่นสารเคมีและดอกไม้ใบ 0-52-34 เอทีฟอน มันสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการควั่นกิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกดอกนอกฤดู ( บุญตานนท์ และ sraomsiri , 2011 )นอกจากนี้ Menzel และซิมป์สัน ( 1990 ) พบว่า การฉีดพ่นทางใบด้วยพาโคลบิวทราโซล 1000-4000 มิลลิกรัม / ลิตร หรือดินเปียกโชกด้วย 0.25-1.0 g / m2 ลิ้นจี่ต้นพันธุ์ เบงกอล , แควอาจสีชมพูและใต้แล้ว อาจจะเพิ่มการออกดอกถึง 40-60 % นอกจากนี้ การใช้ CL อาจเพิ่มขึ้น Paclobutrazol ออกดอกโดยยับยั้งจิบเบอเรลลินใน . โสภา ( 2012 ) พบการใช้สารแพคโคลบิวทราโซลว่าchromequat Cl และ Paclobutrazol CL จากมะม่วงออกดอก โดยนำดอกเร็วกว่าการควบคุม ดังนั้น การใช้ของสาร Paclobutrazol CL รวมกับการควั่นกิ่งใบและฉีดพ่นด้วย 0-52-34 เอทีฟอนและเป็นทางเลือกที่จะพัฒนาลิ้นจี่ออกดอก