Relationships between In-lawsWhitin

Relationships between In-laws
Whiting, Kluckhohn, and Anthony (1958) undertook a cross cultural analysis of relationships among family members in an attempt to track factors associated with adolescent initiation rituals.They hypothesized that these rites occurred in societies where boys were especially dependent on their mothers and that one function of the rites was to break the maternal bond and to increase the boy’s identification with the male role. An analysis of about 50 societies indicated that cultures with initiation rites were frequently those in which a young boy slept alone with his mother for at least a year. In addition, these societies often had restrictions on parental sexual behavior for at least a year after childbirth. Therefore, cultures with high social contact between a mother and a young child also had mechanisms to break off that contact in later years, yielding a long term dialectic balance of mother-child and father-child interaction. Consider an example provided by Whiting, Kluckhohn, and Anthony (1 95%): Among the Kwama people of New Guinea, the child remained close to the mother, slept in the mother’s arms, and was nursed for 2 to 3 years. The child was also held by the mother all day, the father slept separately on his own bed, and the parents did not engage in sexual intercourse during this period. But, this changed abruptly at the time of weaning, when the child was put in his own bed, the parents slept together and engaged in intercourse in the same room as the child, and the mother no longer held the child. Thus, in a longitudinal sense, we see a cycle of high contact followed by low contact between a mother and child and, presumably, the reverse pattern between a boy and his father or other males.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความสัมพันธ์ระหว่าง In-lawsWhiting, Kluckhohn, and Anthony (1958) undertook a cross cultural analysis of relationships among family members in an attempt to track factors associated with adolescent initiation rituals.They hypothesized that these rites occurred in societies where boys were especially dependent on their mothers and that one function of the rites was to break the maternal bond and to increase the boy’s identification with the male role. An analysis of about 50 societies indicated that cultures with initiation rites were frequently those in which a young boy slept alone with his mother for at least a year. In addition, these societies often had restrictions on parental sexual behavior for at least a year after childbirth. Therefore, cultures with high social contact between a mother and a young child also had mechanisms to break off that contact in later years, yielding a long term dialectic balance of mother-child and father-child interaction. Consider an example provided by Whiting, Kluckhohn, and Anthony (1 95%): Among the Kwama people of New Guinea, the child remained close to the mother, slept in the mother’s arms, and was nursed for 2 to 3 years. The child was also held by the mother all day, the father slept separately on his own bed, and the parents did not engage in sexual intercourse during this period. But, this changed abruptly at the time of weaning, when the child was put in his own bed, the parents slept together and engaged in intercourse in the same room as the child, and the mother no longer held the child. Thus, in a longitudinal sense, we see a cycle of high contact followed by low contact between a mother and child and, presumably, the reverse pattern between a boy and his father or other males.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในความสัมพันธ์ระหว่างกฎหมายไวทิง Kluckhohn และแอนโธนี (1958) รับหน้าที่วิเคราะห์ข้ามวัฒนธรรมของความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัวในความพยายามที่จะติดตามปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเริ่มต้นวัยรุ่น rituals.They ตั้งสมมติฐานว่าพิธีกรรมเหล่านี้ที่เกิดขึ้นในสังคมที่ชายขึ้นอยู่กับโดยเฉพาะอย่างยิ่ง แม่ของพวกเขาและฟังก์ชั่นหนึ่งในพิธีกรรมคือการทำลายความผูกพันของมารดาและเพื่อเพิ่มบัตรประจำตัวของเด็กที่มีบทบาทชาย
การวิเคราะห์ประมาณ 50 ชี้ให้เห็นว่าสังคมวัฒนธรรมกับพิธีกรรมการเริ่มต้นเป็นผู้ที่อยู่ในบ่อยครั้งที่เด็กหนุ่มนอนหลับอยู่คนเดียวกับแม่ของเขาเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งปี นอกจากนี้สังคมเหล่านี้มักจะมีข้อ จำกัด ในพฤติกรรมทางเพศของผู้ปกครองเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งปีหลังจากการคลอดบุตร ดังนั้นวัฒนธรรมที่มีการติดต่อทางสังคมสูงระหว่างแม่และเด็กหนุ่มยังมีกลไกที่จะทำลายการติดต่อในปีถัดมาที่ยอมความสมดุลเหตุผลในระยะยาวของแม่เด็กและการมีปฏิสัมพันธ์พ่อของเด็ก พิจารณาตัวอย่างให้โดยไวทิง Kluckhohn และแอนโธนี (1 95%): ในบรรดาคน Kwama นิวกินีเด็กที่ยังคงอยู่ใกล้กับแม่นอนหลับอยู่ในอ้อมแขนของแม่และได้รับการดูแลเป็นเวลา 2 ถึง 3 ปี เด็กที่ถูกจัดขึ้นโดยแม่ทุกวันพ่อนอนแยกกันอยู่บนเตียงของตัวเองและพ่อแม่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงเวลานี้ แต่นี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันในเวลาที่หย่านมเมื่อเด็กถูกวางอยู่บนเตียงของตัวเองพ่อแม่นอนด้วยกันและมีส่วนร่วมในการมีเพศสัมพันธ์ในห้องเดียวกับเด็กและแม่ที่จัดขึ้นไม่เด็ก ดังนั้นในความรู้สึกยาวเราจะเห็นวงจรของการติดต่อสูงตามด้วยการติดต่อต่ำระหว่างแม่และลูกและสันนิษฐานว่ารูปแบบย้อนกลับระหว่างเด็กและพ่อของเขาหรือเพศอื่น ๆ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความสัมพันธ์ระหว่างกฎหมาย
Whiting kluckhohn และแอนโทนี่ ( 1958 ) รับหน้าที่ข้ามวัฒนธรรมการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัวในความพยายามที่จะติดตามปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมเริ่มต้นวัยรุ่นพวกเขาตั้งสมมติฐานว่า พิธีกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นในสังคมที่เด็กโดยเฉพาะอย่างยิ่งขึ้นอยู่กับมารดาที่ฟังก์ชันหนึ่งของพิธีกรรม เพื่อทำลายพันธะของมารดาและการเพิ่มตัวของเด็กชายกับบทบาทชายการวิเคราะห์เกี่ยวกับ 50 สังคมพบว่า วัฒนธรรม กับริเริ่มพิธีกรรมถูกผู้ที่เป็นเด็กนอนกับแม่เพียงลำพังอย่างน้อย 1 ปี นอกจากนี้ สังคมเหล่านี้มักจะมีข้อ จำกัด เกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศของผู้ปกครองสำหรับอย่างน้อยหนึ่งปีหลังจากการคลอดบุตร ดังนั้นวัฒนธรรมทางสังคมสูง การติดต่อระหว่างแม่และเด็กหนุ่มก็มีกลไกที่จะไม่หยุดการติดต่อในปีต่อมา หยุ่นสมดุลในระยะยาว ของใช้เด็ก แม่และเด็กพ่อปฏิสัมพันธ์ พิจารณาตัวอย่างโดย Whiting kluckhohn และแอนโทนี่ ( 95% ) : ระหว่าง Kwama คนใหม่ของสัตว์ เด็กยังคงใกล้ชิดกับแม่ นอนในอ้อมแขนของแม่และอนุบาล 2 ถึง 3 ปี เด็กถูกจัดขึ้น โดยแม่ทั้งวัน พ่อไม่ได้นอนด้วยกันบนเตียงของตัวเอง และพ่อแม่ที่ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ในช่วงระยะเวลานี้ แต่นี้มีการเปลี่ยนแปลงฉับพลันในเวลาหย่านมเมื่อลูกถูกวางในเตียงของเขาเอง พ่อแม่นอนด้วยกันและร่วมในการมีเพศสัมพันธ์ในห้องเดียวกับเด็กและแม่ก็ไม่อุ้มเด็ก ดังนั้น ในความรู้สึกตามยาว เราเห็นวงจรของการติดต่อสูงต่ำ ตามด้วยการติดต่อระหว่างแม่และลูกและมีย้อนกลับรูปแบบระหว่างเด็กและพ่อหรือเพศชายอื่น ๆ .