1.1. Energy potential of agricultur

1.1. Energy potential of agricultural residues
Biomass is the third largest primary energy resource in
the world, after coal and oil [1]. In all its forms, biomass
currently provides about 1250 million TOE which is about
14% of the world’s annual energy consumption [2]. Biomass
is a major source of energy in developing countries, where it
provides 35% of all the energy requirements. In developed
countries, biomass energy use is also substantial. In the
USA, for example, biomass contributes about 70 million
TOE whereas in the European Union, biomass contributes
between 20 and 40 million TOE to the annual energy
consumption [2]. The use of biomass to provide partial
substitution of fossil fuels, has an additional importance as
concerns global warming since biomass combustion has the
potential to be CO2 neutral. This is particularly the case with
regard to agricultural residues or energy plants, which are
periodically planted and harvested. During their growth,
these plants have removed CO2 from the atmosphere for
photosynthesis which is released again during combustion.
Biomass materials with high energy potential include
agricultural residues such as straw, bagasse, coffee husks
and rice husks as well as residues from forest-related
activities such as wood chips, sawdust and bark. Residues
from forest-related activities (excluding wood fuel) account
for 65% of the biomass energy potential whereas 33%
comes from residues of agricultural crops [3]. Table 1
shows the quantities of the residues (straw, stalk and shell)
generated from agricultural crops in 1983 [3]. These quantities
were estimated based on the crop production and the
residue-to-product ratios. Over three billion tonnes of agricultural
residues were generated world-wide. The production
of straw (from cereals like wheat, barley and oat) was
distributed fairly uniformly world-wide, both in developing
and developed countries, whereas the production of rice
husks, bagasse and coffee husks is predominantly found in
the developing countries. Rice husks and straw are the most
important agricultural residues in quantity, amounting to
43% of the total residues. Over 97% of the rice husks is
produced in the developing countries. In 1997, China
alone generated some 54 million tonnes of rice husks [4].
Similarly, in 1987–1988, out of the 65 million tonnes of
sugar produced from sugar cane world-wide around 90%
came from the developing countries [5]. Sugar cane residues

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

1.1. พลังงานศักยภาพของเกษตรตกค้างชีวมวลเป็นแหล่งพลังงานหลักมากที่สุดสามในโลก หลังจากถ่านหินและน้ำมัน [1] ในทุกรูปแบบ ชีวมวลขณะนี้มีเท้าประมาณ 1250 ล้านซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ14% ของการใช้พลังงานรายปีของโลก [2] ชีวมวลเป็นแหล่งสำคัญของพลังงานในประเทศกำลังพัฒนา ที่มันให้ 35% ของความต้องการพลังงานทั้งหมด ในการพัฒนาประเทศ ใช้พลังงานชีวมวลก็พบ ในสหรัฐอเมริกา ตัวอย่าง ชีวมวลรวมประมาณ 70 ล้านเท้าในขณะที่สหภาพยุโรป ชีวมวลจัดสรรระหว่าง 20 และ 40 ล้านเท้ากับพลังงานประจำปีปริมาณการใช้ [2] การใช้ชีวมวลเพื่อให้บางส่วนทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล มีความสำคัญที่เพิ่มเติมเป็นเกี่ยวข้องกับภาวะโลกร้อนเนื่องจากการเผาไหม้ชีวมวลมีการอาจมี CO2 เป็นกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีนี้ด้วยเกี่ยวกับพืช ซึ่งตกค้างทางการเกษตรการพลังงานเป็นระยะ ๆ ปลูก และเก็บเกี่ยว ในระหว่างการเจริญเติบโตพืชเหล่านี้ได้เอา CO2 จากบรรยากาศในสังเคราะห์ด้วยแสงที่ถูกปล่อยอีกครั้งในระหว่างการเผาไหม้วัสดุชีวมวลที่ มีศักยภาพพลังงานสูงได้แก่ตกค้างทางการเกษตรเช่นฟาง ชานอ้อย กาแฟแพ้ง่ายและข้าวแพ้ง่ายเช่นตกจากที่เกี่ยวข้องกับป่ากิจกรรมเช่นเศษไม้ ขี้เลื่อย และเปลือก ตกค้างจากบัญชีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับป่า (ไม่รวมเชื้อเพลิงไม้)65% ของพลังงานชีวมวลที่มีศักยภาพในขณะที่ 33%มาจากการตกค้างของพืชเกษตร [3] ตารางที่ 1แสดงปริมาณของตกค้าง (ฟาง สาย และเปลือก)สร้างจากพืชเกษตรในปี 1983 [3] ปริมาณเหล่านี้ถูกประเมินตามการผลิตพืชและอัตราส่วนสารตกค้างผลิตภัณฑ์ กว่าสามพันล้านตันของเกษตรตกค้างสร้างขึ้นทั่วโลก การผลิตของฟาง (จากธัญพืชเช่นข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ และข้าวโอ๊ต) ได้กระจายสม่ำเสมอเมื่อเทียบเคียงค่อนข้างทั่วโลก ทั้งในการพัฒนาและพัฒนาประเทศ ในขณะที่การผลิตข้าวชานอ้อย แพ้ง่าย และแพ้ง่ายกาแฟส่วนใหญ่พบในประเทศกำลังพัฒนา แพ้ง่ายข้าวและฟางเป็นที่สุดตกค้างทางการเกษตรสำคัญในปริมาณ เกิน43% ของตกรวม กว่า 97% ของแพ้ง่ายข้าวเป็นผลิตในประเทศกำลังพัฒนา ในปี 1997 จีนคนเดียวสร้างบาง 54 ล้านตันของข้าวแพ้ง่าย [4]ในทำนองเดียวกัน ในปีค.ศ. 1987 – 1988 จาก 65 ล้านตันของน้ำตาลผลิตจากอ้อยทั่วโลกประมาณ 90%มาจากประเทศกำลังพัฒนา [5] อ้อยตกค้าง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

1.1 ที่มีศักยภาพพลังงานของสารตกค้างทางการเกษตรชีวมวลที่สามคือแหล่งพลังงานหลักที่ใหญ่ที่สุดในโลกหลังจากถ่านหินและน้ำมัน[1] ในทุกรูปแบบชีวมวลในปัจจุบันให้ประมาณ 1250000000 TOE ซึ่งเป็นประมาณ 14% ของการใช้พลังงานของโลกประจำปี [2] ชีวมวลเป็นแหล่งสำคัญของพลังงานในประเทศกำลังพัฒนาที่มี35% ของความต้องการพลังงาน ในการพัฒนาประเทศ, การใช้พลังงานชีวมวลยังเป็นอย่างมาก ในประเทศสหรัฐอเมริกาเช่นชีวมวลมีส่วนเกี่ยวกับ 70 ล้าน TOE ในขณะที่สหภาพยุโรปชีวมวลก่อระหว่าง 20 และ 40 ล้าน TOE กับพลังงานประจำปีการบริโภค[2] การใช้ชีวมวลเพื่อให้บางส่วนทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิลที่มีความสำคัญเพิ่มเติมตามความกังวลภาวะโลกร้อนเนื่องจากการเผาไหม้ชีวมวลที่มีศักยภาพที่จะเป็นCO2 เป็นกลาง วิธีนี้จะเป็นกรณีที่มีเรื่องเกี่ยวกับสารตกค้างทางการเกษตรหรือพืชพลังงานซึ่งมีการปลูกและเก็บเกี่ยวเป็นระยะๆ ในช่วงการเจริญเติบโตของพวกเขาพืชเหล่านี้ได้ลบ CO2 จากบรรยากาศสำหรับการสังเคราะห์แสงที่ถูกปล่อยออกมาอีกครั้งในระหว่างการเผาไหม้. วัสดุชีวมวลที่มีศักยภาพพลังงานสูงรวมถึงสารตกค้างการเกษตรเช่นฟางชานอ้อยเปลือกกาแฟและแกลบเช่นเดียวกับสารตกค้างจากป่าที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมเช่นเศษไม้ขี้เลื่อยและเปลือกไม้ ตกค้างจากกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้ (ไม่รวมน้ำมันเชื้อเพลิงไม้) บัญชีสำหรับ65% ของศักยภาพพลังงานชีวมวลในขณะที่ 33% มาจากการตกค้างของพืชผลทางการเกษตรได้ [3] ตารางที่ 1 แสดงให้เห็นว่าปริมาณของสารตกค้างที่ (ฟางก้านและเปลือก) ที่สร้างขึ้นจากพืชผลทางการเกษตรในปี 1983 [3] ปริมาณเหล่านี้กำลังประเมินอยู่บนพื้นฐานของการผลิตพืชและอัตราส่วนสารตกค้างต่อสินค้า กว่าสามพันล้านตันการเกษตรตกค้างถูกสร้างขึ้นทั่วโลก การผลิตที่ทำจากฟาง (จากธัญพืชเช่นข้าวสาลีข้าวบาร์เลย์และข้าวโอ๊ต) ถูกกระจายอย่างเป็นธรรมเหมือนกันทั่วโลกทั้งในการพัฒนาและประเทศที่พัฒนาแล้วในขณะที่การผลิตข้าวแกลบกากอ้อยแกลบและเครื่องชงกาแฟที่พบส่วนใหญ่ในประเทศกำลังพัฒนา แกลบและฟางข้าวเป็นส่วนใหญ่ที่ตกค้างเกษตรที่สำคัญในปริมาณจํานวน43% ของตกค้างรวม กว่า 97% ของแกลบที่มีการผลิตในประเทศที่กำลังพัฒนา ในปี 1997 ประเทศจีนสร้างขึ้นเพียงอย่างเดียว54 ล้านตันจากแกลบ [4]. ในทำนองเดียวกันใน 1987-1988 จาก 65 ล้านตันผลิตน้ำตาลทรายจากอ้อยทั่วโลกประมาณ90% มาจากประเทศกำลังพัฒนา [5] . ตกค้างอ้อย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

1.1 . ศักยภาพพลังงานจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรชีวมวล
เป็นอันดับสามหลักแหล่งพลังงานใน
โลกหลังจากถ่านหินและน้ำมัน [ 1 ] ในรูปแบบของชีวมวล
ขณะนี้มีประมาณ 1 , 250 ล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับนิ้วเท้า
14 % ของการใช้พลังงานของโลกประจำปี [ 2 ] ชีวมวล
เป็นแหล่งสำคัญของพลังงานในการพัฒนาประเทศ ซึ่งมัน
มี 35% ของความต้องการพลังงานในการพัฒนา
ประเทศใช้พลังงานชีวมวล เป็นรูปธรรม ใน
ประเทศสหรัฐอเมริกา ตัวอย่างเช่น ชีวมวล จัดสรรประมาณ 70 ล้าน
เท้า ส่วนในสหภาพยุโรป ชีวมวล มีส่วนช่วย
ระหว่าง 20 และ 40 ล้านตีนปีพลังงาน
[ 2 ] การใช้ชีวมวลเพื่อให้ทดแทนบางส่วน
ของเชื้อเพลิงฟอสซิลที่มีความสำคัญเพิ่มเติมตามที่
เกี่ยวกับภาวะโลกร้อนเนื่องจากการเผาไหม้ชีวมวลที่มีศักยภาพที่จะเป็นกลาง
CO2 นี้เป็นกรณีโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ
เรื่องวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร หรือพืชพลังงานที่ปลูกและเก็บเกี่ยว
เป็นระยะ ๆ . ในระหว่างการเจริญเติบโตของพวกเขา
พืชเหล่านี้เอา CO2 จากบรรยากาศ
การสังเคราะห์แสงซึ่งออกมาอีกครั้งในระหว่างการเผาไหม้ .
ที่มีศักยภาพสูง ได้แก่ พลังงานชีวมวล วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว

กาแฟ ชานอ้อย แกลบ แกลบ รวมทั้งสารตกค้างจากป่าที่เกี่ยวข้อง
กิจกรรมต่างๆ เช่น เศษไม้ ขี้เลื่อย และเห่า
จากกิจกรรมที่เกี่ยวข้องและป่า ( ไม่รวมเชื้อเพลิงไม้ ) บัญชี
65% ของพลังงานชีวมวลที่มีศักยภาพในขณะที่ 33%
มาจากสารตกค้างในพืชผลทางการเกษตร [ 3 ] ตารางที่ 1
แสดงปริมาณของสารตกค้าง ( ฟาง , ลำต้นและเปลือก )
ที่เกิดจากพืชผลทางการเกษตรใน 1983 [ 3 ] ปริมาณ
เหล่านี้ประมาณบนพื้นฐานของการผลิตพืชและ
กากต่อผลิตภัณฑ์ กว่าสามพันล้านตันของวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร
ถูกสร้างขึ้นทั่วโลก การผลิต
ฟาง ( จากธัญพืช เช่น ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ และข้าวโอ๊ต ) คือ
กระจายค่อนข้างเหมือนกันทั่วโลกทั้งในการพัฒนา
และประเทศที่พัฒนาแล้ว ในขณะที่การผลิตข้าว
แกลบชานอ้อยและเปลือกกาแฟ
ส่วนใหญ่พบในประเทศกำลังพัฒนา แกลบและฟางเป็นสำคัญทางการเกษตรตกค้างในปริมาณมากที่สุด

โดย 43% ของที่ตกค้างทั้งหมด กว่า 97% ของแกลบคือ
ผลิตในประเทศกำลังพัฒนา ในปี 1997 จีน
สร้างคนเดียวบาง 54 ล้านตันข้าวเปลือก [ 4 ] .
ในทํานองเดียวกัน ในปี 1987 – 1988 จาก 65 ล้านตันของ
น้ำตาลผลิตจากอ้อยทั่วโลก ประมาณ 90 %
มาจากประเทศกำลังพัฒนา [ 5 ] กากอ้อย