Anaerobic digestion has become incr

Anaerobic digestion has become increasingly popular as an alternative for recycling wastes from different origins. Consequently, biogas residues, most of them with unknown chemical and biological composition, accrue in large quantities and their application into soil has become a widespread agricultural practice. The aim of this study was to evaluate the effects of digestate application on the chemical and microbiological properties of an arable soil in comparison with untreated manure, compost and vermicompost. Once in the soil matrix either the addition of compost or digestate led to an increased nitrification rate, relative to unamended and manure-treated soil, after 15 and 60 days of incubation. Faecal coliform and Escherichia coli colony forming units (CFUs) were not detected in any of the amended soils after 60 d. The highest number of Clostridium perfringens CFUs was recorded in manure-amended soil at the beginning of the experiment and after 15 d; whilst after 60 d the lowest CFU number was registered in digestate-treated soil. Denaturing gradient gel electrophoresis patterns also showed that besides the treatment the date of sampling could have contributed to modifications in the soil ammonia-oxidising bacteria community, thereby indicating that the soil itself may influence the community diversity more strongly than the treatments.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ไม่ใช้ย่อยอาหารได้กลายเป็นนิยมมากขึ้นเป็นทางเลือกสำหรับการรีไซเคิลขยะจากจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกัน ดังนั้น ก๊าซชีวภาพตก ส่วนใหญ่ของพวกเขากับไม่รู้จักเคมี และชีวภาพองค์ประกอบ ค้างรับในปริมาณมาก และสมัครลงในดินกลายเป็น ปฏิบัติการเกษตรอย่างกว้างขวาง จุดมุ่งหมายของการศึกษานี้คือการ ประเมินผลของโปรแกรมประยุกต์ digestate สมบัติทางเคมี และทางจุลชีววิทยาของดินการเพาะปลูกเมื่อเปรียบเทียบกับปุ๋ยพืชสดไม่ถูกรักษา ปุ๋ย และ vermicompost เมื่อในดิน เมทริกซ์อาจเพิ่มปุ๋ยหรือ digestate นำไปสู่การอนาม็อกซ์การเพิ่ม อันดับ สัมพันธ์กับ unamended และถือ ว่ามูลดิน หลังจากวันที่ 15 และ 60 คณะทันตแพทยศาสตร์ โคลิฟอร์ม faecal และ Escherichia coli อาณานิคมขึ้นหน่วย (CFUs) ไม่พบในดินเนื้อปูนแก้ไขหลังจาก 60 d จำนวนสูงสุดของเชื้อ Clostridium perfringens CFUs บันทึกแก้ไขมูลดินที่จุดเริ่มต้น ของการทดลอง และหลัง จาก 15 d ในขณะที่หลังจาก 60 d หมายเลข CFU ต่ำสุดถูกลงทะเบียนใน digestate ถือว่าดินนั้น Denaturing เจลไล่ระดับสีรูปแบบ electrophoresis ยังพบว่า นอกจากการรักษา วันที่ของการสุ่มตัวอย่างอาจมีส่วนในดิน oxidising แอมโมเนียแบคทีเรียชุมชน เพื่อบ่งชี้ว่า ดินตัวเองอาจมีอิทธิพลต่อความหลากหลายของชุมชนให้แข็งแรงขึ้นกว่าการรักษา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การเติมออกซิเจนได้กลายเป็นที่นิยมมากขึ้นเป็นทางเลือกสำหรับการรีไซเคิลของเสียจากต้นกำเนิดที่แตกต่างกัน ดังนั้นตกค้างก๊าซชีวภาพมากที่สุดของพวกเขาด้วยสารเคมีที่ไม่รู้จักและองค์ประกอบทางชีวภาพเกิดขึ้นในปริมาณมากและการประยุกต์ใช้ของพวกเขาลงไปในดินได้กลายเป็นปฏิบัติทางการเกษตรอย่างกว้างขวาง จุดมุ่งหมายของการศึกษาครั้งนี้เพื่อประเมินผลกระทบของการประยุกต์ใช้ในการย่อยสลายคุณสมบัติทางเคมีและจุลชีววิทยาของดินที่เพาะปลูกในการเปรียบเทียบกับการรักษาปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนและ เมื่ออยู่ในเมทริกซ์ดินทั้งการเพิ่มขึ้นของปุ๋ยหมักหรือย่อยสลายนำไปสู่​​การเพิ่มขึ้นของอัตราไนตริฟิเคเทียบกับดินและมูล unamended รับการรักษาหลังจาก 15 และ 60 วันของการบ่ม โคลิฟอร์มและอุจจาระอาณานิคมเชื้อ Escherichia coli สร้างหน่วย (CFUs) ไม่พบในใด ๆ ของดินที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมหลังจาก 60 d จำนวนสูงสุดของ Clostridium perfringens CFUs ถูกบันทึกไว้ในดินปุ๋ย-แก้ไขที่จุดเริ่มต้นของการทดลองและหลัง 15 d; ขณะที่หลังจาก 60 d จำนวน CFU ต่ำสุดที่ได้รับการจดทะเบียนในดินย่อยสลายได้รับการรักษา denaturing รูปแบบเจลอิลาดยังแสดงให้เห็นว่านอกจากการรักษาวันที่ของการสุ่มตัวอย่างสามารถมีส่วนร่วมในการปรับเปลี่ยนในดินชุมชนแบคทีเรียแอมโมเนียอ​​อกซิไดซ์ซึ่งจะช่วยแสดงให้เห็นว่าดินของตัวเองอาจมีผลต่อความหลากหลายชุมชนรุนแรงก​​ว่าการรักษา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การหมักได้กลายเป็นที่นิยมมากขึ้นเป็นทางเลือกเพื่อการรีไซเคิลของเสียจากแหล่งกำเนิดที่แตกต่างกัน จากนั้น ก๊าซชีวภาพ คือ ที่สุดของพวกเขาที่มีสารเคมีที่ไม่รู้จักและองค์ประกอบทางชีวภาพ เกิดขึ้นในปริมาณมากและการประยุกต์ในดินได้กลายเป็นที่แพร่หลายทางการปฏิบัติจุดมุ่งหมายของการศึกษานี้คือ เพื่อศึกษาผลของโปรแกรม digestate ทางเคมีและคุณสมบัติทางจุลชีววิทยาของดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูกในการเปรียบเทียบกับดิบ ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก และ vermicompost . เมื่อดินเมทริกซ์ให้เพิ่มปุ๋ยหมักหรือ digestate LED เพื่อเพิ่มปริมาณเท่ากัน เทียบกับ unamended และมูลรักษาดิน หลัง 15 และ 60 วันของการบ่มกลุ่มโคลิฟอร์มและ Escherichia coli อาณานิคมสร้างหน่วย ( cfus ) ไม่พบในใด ๆของการแก้ไขดินหลัง 60 D . จำนวนสูงสุดของ Clostridium perfringens cfus มูลที่ถูกบันทึกไว้ในการแก้ไขดินที่จุดเริ่มต้นของการทดลองและหลัง 15 D ; ในขณะที่หลัง 60 D จำนวนโคโลนีค่าลงทะเบียนใน digestate ดินรักษาี่ลาดเจลรูปแบบ พบว่า นอกจากการรักษาวันที่ 3 อาจมีส่วนแก้ไขในดิน oxidising ชุมชนแอมโมเนีย แบคทีเรียจึงแสดงว่าดินตัวเองอาจมีผลต่อความหลากหลายของชุมชนได้ดีกว่าการรักษา