Theism is the view that a supreme h

Theism is the view that a supreme higher order gives meaning to our lives. Nihilism is the view that life has no meaning and we should just live whichever way we want our lives to be. Existentialism is the view that life has meaning and we create the meaning of our lives.

I do not subscribe to Theism even though I once believed in God. Somehow, I think that the idea of an afterlife is a way people use to delude themselves about the meaning of their lives. I think that it is the refusal to believe life ceases the moment one dies that leads to the concept of an afterlife. As I delved more, I think that believing in a higher entity and afterlife is just an avenue for not realizing the truth that there is no life beyond death.

I also do not subscribe to Nihilism either as I believe life has a meaning. If life had no meaning in the first place, how did the human race advanced so far? I believe that it is because of life that we are here, doing the things we want to do. According to the nihilistic view, life has no purpose either. However, if life has no purpose, why are we still living when life is the same as death?

I seem to frequently question myself, is life a job? When we grow up from young, we all have responsibilities to fulfill. As a child, I am to study well. As an adult, I am to earn money to support my family. As a parent, I have to take care of my children and make sure they do not learn the wrong values. At any stage in our life, we always have responsibilities to fulfill and work to do. Why are we going through all these stages in life for? Sometimes, I wish I could just abandon all my responsibilities and just quit the long job of life, staying at home and relaxing. However, this will not work. Despite the suffering that we have to go through in our lives, it is the overcoming of our difficulties that bring us happiness. We are not just living our lives for ourselves, but for the sake of others as well.

I feel that we should live life to the fullest. I do not think that spending time praying to God is a good use of time. Imagine if a person who is very devoted spends one to two hours of his time every day on his religion, it will accumulate up to days in a year that that person has spent when he could be using those time to do other worthwhile things. I suppose it’s a way of viewing which things are important in our lives. I feel that we have only one life and there is no such thing as an afterlife. We should not spend time trying to delude ourselves that there is a life beyond death that is eternal. I remember a popular saying, “One life, live it!” and I think that this shows how important life is and that we should treasure it. It then comes to the question of what is considered living life to the fullest? I think life should be a balance of duties and enjoyment. Only in this way can we satisfy both ourselves and the people around us. Living our lives for the people around us and ourselves are interconnected as seeing the people around us happy would bring happiness to ourselves too. For example, the sole breadwinner of a family has been retrenched and is contemplating suicide. However, for the sake of his family, he cannot even though he feels his life is not worth living anymore. As time goes on, if he does find another job to support his family, he will have happiness as he fulfills his responsibility to his family. Therefore, I think that living for others is the same as living for ourselves.

I think that enjoyment is a form of rewarding ourselves for fulfilling our responsibilities to others. I often find that completing a job that others are relying on me to do provides more satisfaction than enjoying sensual pleasures. I often hear others say how much they feel like not working and just staying at home to relax. However, when they retire, they starter saying how much they feel like doing something meaningful in their lives. True enjoyment can only be found when we fulfill our duties to others as it is equivalent to fulfilling them for ourselves.

In conclusion, I think life should be lived to the fullest. We live not just for ourselves but for others as well. Different people have different interpretations of their ideal life and there is no fixed set of values that we should follow. Everyone starts their life when they are born and it is up to them to get the most out of it and make their lives meaningful. Thus, I feel it is up to us to decide what our ideal life is and find our own meaning of life. I believe in Existentialism as I think our actions are responsible for what we turn out to be and what our meaning of life is. In my opinion, we provide the meaning to our own lives.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เทวนิยมคือ ดูว่า ใบสูงสูงสุดให้ความหมายกับชีวิตของเรา Nihilism ดูว่า ชีวิตมีความหมายไม่ และเราควรอยู่เพียงวิธีใดที่เราต้องการให้ชีวิตของเราให้ได้ อัตถิภาวนิยมคือ ดูว่า ชีวิตมีความหมาย และเราสร้างความหมายของชีวิตผมไม่ได้สมัครสมาชิกเทวนิยมแม้ว่าฉันเชื่อในพระเจ้าครั้ง อย่างใด ฉันคิดว่า ความคิดของ afterlife เป็นวิธีบุคคลใช้เพื่อล่อตัวเองเกี่ยวกับความหมายของชีวิต ผมคิดว่า มันเป็นปฏิเสธเชื่อยุติชีวิตช่วงหนึ่งตายที่นำไปสู่แนวคิดของ afterlife เป็น เป็นฉัน delved มาก ผมคิดว่า เชื่อในเอนทิตีและ afterlife สูงเป็นเพียงการถนนสำหรับการไม่ตระหนักถึงความจริงที่ว่า มีชีวิตไม่เกินตายผมยังไม่ได้สมัครสมาชิก Nihilism อย่างใดอย่างหนึ่งผมเชื่อว่า ชีวิตมีความหมายเป็นการ ถ้าชีวิตมีความหมายไม่แรก วิธีทำมนุษย์ขั้นสูงมาก ผมเชื่อว่า มันเป็น เพราะชีวิตที่เราอยู่ที่นี่ สิ่งเราต้องการทำ ตามดู nihilistic ชีวิตได้ไม่มีวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ถ้าชีวิตมีวัตถุประสงค์ไม่ ทำไมเรายังคงอาศัยอยู่เมื่อชีวิตอยู่เหมือนกับความตายดูเหมือน คำถามตัวเองบ่อย ๆ คือชีวิต งาน เมื่อเราเติบโตจากเด็ก เราทุกคนมีความรับผิดชอบเพื่อตอบสนอง เป็นเด็ก ผมเรียนดี เป็นผู้ใหญ่ ฉันจะได้รับเงินสนับสนุนครอบครัวของฉัน เป็นหลัก ฉันต้องดูแลลูก ๆ และให้แน่ใจว่า พวกเขาไม่เรียนค่าไม่ถูกต้อง ในขั้นตอนใด ๆ ในชีวิตของเรา เราจะมีความรับผิดชอบเพื่อตอบสนอง และทำงานเพื่อทำ ทำไมเราจะผ่านขั้นตอนเหล่านี้ในชีวิต บางครั้ง ฉันหวังฉันสามารถละทิ้งเพียงรับผิดชอบทั้งหมดของฉัน และเพียงออกจากงานยาวนานของชีวิต บ้านพัก และผ่อนคลาย อย่างไรก็ตาม นี้ไม่ทำงาน แม้จะทุกข์ที่เราต้องผ่านไปในชีวิตของเรา ได้มากเพียงใดความยากลำบากของเราที่เรานำความสุข เราไม่เพียงอาศัยอยู่ชีวิต สำหรับตนเอง แต่ เพื่อผู้อื่นเช่นกันรู้สึกว่า เราควรใช้ชีวิตอยู่อย่างเต็ม นอกจากนี้ผมไม่คิดว่า ใช้เวลาอธิษฐานกับพระเจ้าเป็นการใช้เวลา ลองนึกภาพถ้าผู้อุทิศมากใช้หนึ่งถึงสองชั่วโมงของเวลาของเขาทุกวันในศาสนาของเขา มันจะสะสมจนถึงวันในปีที่บุคคลนั้นได้ใช้เมื่อเขาสามารถใช้เวลาเหล่านั้นไปทำสิ่งอื่น ๆ คุ้มค่า สมมติว่า มันเป็นวิธีการดูสิ่งที่มีความสำคัญในชีวิตของเรา ผมรู้สึกว่า เรามีชีวิตเดียว และไม่มีสิ่งดังกล่าวเป็นการ afterlife นอกจากนี้เราไม่ควรใช้เวลาพยายามหลอกตนเองว่า มีชีวิตที่นอกเหนือจากชีวิตที่เป็นนิรันดร์ ผมจำได้ว่า นิยมพูดว่า "ชีวิตหนึ่ง สดมัน" และคิดว่า นี้แสดง วิธีชีวิตที่สำคัญ และ ที่เราควรสมบัติ แล้วมาถึงคำถามที่อะไรถือว่าชีวิตอยู่ที่เต็มหรือไม่ ผมคิดว่า ชีวิตควรเป็นของหน้าที่และความเพลิดเพลิน ในวิธีนี้ สามารถเราตอบสนองตนเองและคนรอบตัวเรา อาศัยชีวิตคนเราและตัวเราจะเข้าใจเป็นเห็นคนรอบตัวเรามีความสุขจะให้ความสุขตนเองเกินไป ตัวอย่าง ผู้แต่เพียงผู้เดียวของครอบครัวมีการ retrenched และจะคิดฆ่าตัวตาย อย่างไรก็ตาม เพื่อครอบครัว ไม่แม้รู้สึกชีวิตไม่น่าอยู่อีกต่อไป เป็นเวลาไปบน ถ้าเขาหางานอื่นเพื่อสนับสนุนครอบครัวของเขา เขาจะมีความสุขเขาตอบสนองความรับผิดชอบของครอบครัว ดังนั้น ผมคิดว่า ชีวิตคนเป็นเหมือนกับการใช้ชีวิตสำหรับตนเองผมคิดว่า กายเป็นรูปแบบของการให้รางวัลตนเองสำหรับการดำเนินการตามความรับผิดชอบของผู้อื่น มักพบว่า ทำงานที่อื่นจะอาศัยฉันจะทำให้ความพึงพอใจเพิ่มมากขึ้นกว่าการเพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวกกระตุ้นความรู้สึก ฉันมักจะได้ยินผู้อื่นพูดมากก็พักไม่ทำงาน และห้องพักผ่อน อย่างไรก็ตาม เมื่อเกษียณ พวกเขาเริ่มต้นพูดเท่าไรก็รู้สึกทำอะไรมีความหมายในชีวิต คุณสามารถพบความเพลิดเพลินอย่างแท้จริงเมื่อเราปฏิบัติตามหน้าที่ของเราให้ผู้อื่นก็เท่ากับสนองพวกเขาสำหรับตัวเองเบียดเบียน ฉันคิดว่า ชีวิตควรเป็นอยู่อย่างเต็ม เราอยู่ไม่เพียงแต่ สำหรับตนเอง แต่ สำหรับคนอื่นเช่นกัน ต่างคนก็ตีความแตกต่างของชีวิตของพวกเขายอดเยี่ยม และมีชุดของค่าที่เราควรทำตามไม่ตาย ทุกคนเริ่มต้นชีวิตของพวกเขาเมื่อพวกเขาเกิดมา และก็ได้ให้ได้รับสูงสุดจากมัน และทำให้ชีวิตมีความหมาย ดังนั้น ฉันรู้สึกอย่างเราตัดสินใจว่า ชีวิตของเราเหมาะเป็น และค้นหาความหมายชีวิตของเราเอง ผมเชื่อในอัตถิภาวนิยมเป็นผมคิดว่า การกระทำของเราจะชอบอะไรเราเปิดออกไปได้และความหมายของชีวิตคืออะไร ในความคิดของฉัน เราให้ความหมายกับชีวิตของเราเอง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เทวนิยมคือมุมมองที่คำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นสูงสุดให้ความหมายกับชีวิตของเรา ปฏิวัติคือมุมมองว่าชีวิตมีความหมายไม่และเราก็ควรจะอยู่ทางไหนที่เราต้องการในชีวิตของเราที่จะเป็น เป็นอยู่คือมุมมองว่าชีวิตมีความหมายและเราจะสร้างความหมายของชีวิตของเรา. ฉันไม่ได้สมัครสมาชิกเทวนิยมแม้ว่าฉันเคยเชื่อในพระเจ้า อย่างใดผมคิดว่าความคิดของชีวิตหลังความตายเป็นวิธีที่ผู้คนใช้ในการหลอกตัวเองเกี่ยวกับความหมายของชีวิตของพวกเขา ผมคิดว่ามันคือการปฏิเสธที่จะเชื่อว่าชีวิตสิ้นสุดช่วงเวลาหนึ่งตายที่นำไปสู่แนวคิดของชีวิตหลังความตาย ขณะที่ผมค้นคว้ามากขึ้นผมคิดว่าเชื่อในกิจการที่สูงขึ้นและชีวิตหลังความตายเป็นเพียงถนนที่ไม่ได้ตระหนักถึงความจริงที่ว่ามีชีวิตหลังความตายไม่มี. ฉันยังไม่ได้สมัครสมาชิกก่อการร้ายไม่ว่าจะเป็นผมเชื่อว่าชีวิตมีความหมาย ถ้าชีวิตมีความหมายในครั้งแรกที่ไม่มีวิธีการที่การแข่งขันของมนุษย์ขั้นสูงเพื่อให้ห่างไกล? ผมเชื่อว่ามันเป็นเพราะของชีวิตที่เราอยู่ที่นี่ทำสิ่งที่เราต้องการจะทำ ตามมุมมองของพวกทำลายชีวิตมีจุดประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ถ้าชีวิตมีวัตถุประสงค์ไม่มีเหตุผลที่เราจะยังมีชีวิตอยู่เมื่อชีวิตเป็นเช่นเดียวกับความตาย? ฉันดูเหมือนจะบ่อยถามตัวเองคือชีวิตงาน? เมื่อเราเติบโตขึ้นจากหนุ่มสาวที่เราทุกคนมีความรับผิดชอบที่จะตอบสนอง เป็นเด็กผมที่จะศึกษากัน ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ที่ผมจะได้รับเงินที่จะสนับสนุนครอบครัวของฉัน ในฐานะพ่อแม่ผมต้องดูแลลูก ๆ ของฉันและทำให้แน่ใจว่าพวกเขาไม่ได้เรียนรู้ค่านิยมที่ไม่ถูกต้อง ในขั้นตอนใด ๆ ในชีวิตของเราที่เรามักจะมีความรับผิดชอบที่จะตอบสนองและการทำงานที่จะทำ ทำไมเราจะผ่านทุกขั้นตอนเหล่านี้ในชีวิตหรือไม่? บางครั้งฉันหวังว่าฉันก็สามารถละทิ้งความรับผิดชอบของฉันและเพิ่งลาออกจากงานที่ยาวนานของชีวิตอยู่ที่บ้านและผ่อนคลาย แต่นี้จะไม่ทำงาน แม้จะมีความทุกข์ทรมานที่เราต้องผ่านไปในชีวิตของเราก็คือการเอาชนะความยากลำบากของเราที่ทำให้เรามีความสุข เราไม่เพียง แต่ชีวิตของเราสำหรับตัวเอง แต่เพื่อประโยชน์ของคนอื่น ๆ เช่นกัน. ผมรู้สึกว่าเราควรจะใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ฉันไม่คิดว่าใช้เวลาอธิษฐานต่อพระเจ้าคือการใช้ที่ดีของเวลา ลองคิดดูหากคนที่ทุ่มเทมากใช้เวลา 1-2 ชั่วโมงเวลาของเขาทุกวันในศาสนาของเขาก็จะสะสมถึงวันในปีว่าบุคคลที่มีการใช้จ่ายเมื่อเขาอาจจะใช้เวลาเหล่านั้นไปทำสิ่งอื่น ๆ ที่คุ้มค่า ฉันคิดว่ามันเป็นวิธีของการดูสิ่งที่มีความสำคัญในชีวิตของเรา ผมรู้สึกว่าเรามีเพียงหนึ่งชีวิตและไม่มีสิ่งดังกล่าวเป็นชีวิตหลังความตาย เราไม่ควรจะใช้เวลาในการพยายามที่จะหลอกตัวเองว่ามีชีวิตหลังความตายที่เป็นนิรันดร์ ผมจำได้ว่าคำพูดที่เป็นที่นิยม "ชีวิตหนึ่งชีวิตมัน!" และฉันคิดว่านี่แสดงให้เห็นว่าชีวิตที่สำคัญและที่เราควรจะสมบัติมัน จากนั้นก็มาถึงคำถามของสิ่งที่ถือว่าชีวิตอย่างเต็มที่หรือไม่ ผมคิดว่าควรจะมีชีวิตที่สมดุลของหน้าที่และความเพลิดเพลิน เฉพาะในวิธีนี้เราสามารถตอบสนองทั้งตัวเองและคนรอบตัวเรา ชีวิตของเราสำหรับคนรอบตัวเราและตัวเราเองจะเชื่อมโยงเป็นเห็นคนรอบตัวเรามีความสุขที่จะนำมาซึ่งความสุขให้กับตัวเองมากเกินไป ตัวอย่างเช่นคนหาเลี้ยงครอบครัว แต่เพียงผู้เดียวของครอบครัวที่ได้รับการ retrenched และใคร่ครวญฆ่าตัวตาย แต่เพื่อประโยชน์ของครอบครัวของเขาที่เขาไม่สามารถแม้เขาจะรู้สึกว่าชีวิตของเขาจะไม่คุ้มค่าที่อาศัยอยู่อีกต่อไป เมื่อเวลาผ่านไปถ้าเขาจะหางานอื่นที่จะสนับสนุนครอบครัวของเขาจะมีความสุขในขณะที่เขาตอบสนองความรับผิดชอบของเขากับครอบครัวของเขา ดังนั้นผมคิดว่าที่อยู่อาศัยสำหรับคนอื่น ๆ เป็นเช่นเดียวกับการใช้ชีวิตเพื่อตัวเราเอง. ผมคิดว่าความสุขเป็นรูปแบบของการให้รางวัลตัวเองเพื่อตอบสนองความรับผิดชอบของเรากับคนอื่น ๆ ฉันมักจะพบว่าเสร็จสิ้นการงานที่คนอื่น ๆ จะอาศัยอยู่ที่ผมจะทำอย่างไรให้ความพึงพอใจมากกว่าที่เพลิดเพลินกับความสุขศีลธรรม ผมมักจะได้ยินคนอื่นพูดว่าพวกเขารู้สึกเหมือนไม่ได้ทำงานและเพียงแค่อยู่ที่บ้านที่จะผ่อนคลาย แต่เมื่อพวกเขาออกพวกเขาเริ่มต้นบอกว่าพวกเขารู้สึกว่าการทำสิ่งที่มีความหมายในชีวิตของพวกเขา ความสุขที่แท้จริงสามารถพบได้เมื่อเราปฏิบัติตามหน้าที่ของเรากับคนอื่น ๆ ในขณะที่มันจะเทียบเท่ากับการตอบสนองพวกเขาสำหรับตัวเอง. โดยสรุปผมคิดว่าชีวิตควรจะมีชีวิตอยู่อย่างเต็มที่ เราอยู่ไม่เพียง แต่สำหรับตัวเอง แต่สำหรับคนอื่น ๆ เช่นกัน คนที่แตกต่างกันมีการตีความที่แตกต่างกันของสิ่งมีชีวิตอุดมคติของพวกเขาและไม่มีการตั้งค่าของค่าคงที่ที่เราควรทำตาม ทุกคนเริ่มต้นชีวิตของพวกเขาเมื่อพวกเขาจะเกิดมาและมันขึ้นอยู่กับพวกเขาที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากมันและทำให้ชีวิตของพวกเขาที่มีความหมาย ดังนั้นผมรู้สึกว่ามันขึ้นอยู่กับเราที่จะตัดสินใจว่าชีวิตในอุดมคติของเราและค้นหาความหมายของเราเองของชีวิต ผมเชื่อว่าในอัตถิภาวนิยมที่ผมคิดว่าการกระทำของเรามีความรับผิดชอบในสิ่งที่เรากลายเป็นสิ่งที่มีความหมายและชีวิตของเราคือ ในความคิดของเราให้ความหมายกับชีวิตของเราเอง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เทวนิยม คือดูที่อันดับสูงที่สุดให้ความหมายกับชีวิตของเรา การก่อการร้ายเป็นมุมมองชีวิตที่ไม่มีความหมาย และเราควรจะอยู่ทางไหน เราอยากให้ชีวิตของเราเป็น อัตถิภาวนิยมก็คือดูว่าชีวิตมีความหมาย และเราสร้างความหมายของชีวิตของเรา

ผมไม่ได้สมัครสมาชิกเทวนิยมแม้ว่าผมเคยเชื่อในพระเจ้า บางทีฉันคิดว่าแนวคิดของชีวิตหลังความตาย เป็นวิธีที่ผู้คนใช้เพื่อหลอกลวงตัวเองเกี่ยวกับความหมายของชีวิต ฉันคิดว่ามันคือการปฏิเสธที่จะเชื่อว่าชีวิตสิ้นสุดช่วงเวลาหนึ่งตายที่นำไปสู่แนวคิดของชีวิตหลังความตาย ผม delved มากขึ้น ผมคิดว่า เชื่อในที่สูงขึ้นและนิติบุคคลที่ไม่ใช่แค่อเวนิวไม่ตระหนักถึงความจริงที่ไม่มีชีวิตหลังความตาย .

ผมยังไม่ได้สมัครสมาชิกการก่อการร้ายเหมือนกันเป็นผมเชื่อว่าชีวิตที่มีความหมาย ถ้าชีวิตไม่มีความหมายในตอนแรก ทำไมมนุษย์ขั้นสูงเพื่อให้ห่างไกล ? ผมเชื่อว่ามันเป็นเพราะชีวิตที่เราอยู่ ทำในสิ่งที่เราอยากทำ ตามมุมมองคนที่เชื่อใน nihilism ชีวิตไม่มีจุดมุ่งหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ถ้าชีวิตไม่มีจุดหมาย ทำไมเราถึงยังมีชีวิตอยู่เมื่อชีวิตเหมือนกับตาย

ผมดูบ่อย ๆถามตัวเอง คือ ชีวิต งาน เมื่อเราเติบโตขึ้น จากเด็ก เราทุกคนมีความรับผิดชอบที่จะตอบสนอง เป็นเด็ก ผมจะเรียนดี เป็นผู้ใหญ่ ผมต้องหาเงินเพื่อจุนเจือครอบครัวของฉัน ในฐานะพ่อ ผมต้องดูแลลูกๆ และให้แน่ใจว่าพวกเขาไม่ได้เรียนรู้ค่านิยมผิด ในขั้นตอนใด ๆในชีวิตของเรา เราก็ต้องมีความรับผิดชอบ เพื่อตอบสนอง และงานที่ต้องทำทำไมเราต้องผ่านขั้นตอนเหล่านี้ทั้งหมดในชีวิต ? บางครั้งฉันอยากจะทิ้งความรับผิดชอบทั้งหมดของฉันและต้องหยุดงานนานของชีวิต , อยู่บ้านและผ่อนคลาย แต่นี้จะไม่ทำงาน แม้ทุกข์ที่เราต้องผ่านไปในชีวิตของเรา มันคือการเอาชนะความยากลำบากของเราที่ทำให้เราสุข เราไม่ใช่แค่ชีวิตของเราเพื่อตัวเราเองแต่เพื่อประโยชน์ของผู้อื่นเช่นกัน

ฉันว่าเราควรจะมีชีวิตอยู่อย่างเต็มที่ ผมไม่คิดว่า ใช้เวลาอธิษฐานกับพระเจ้า เป็น ใช้ เวลา ลองคิดดูว่าถ้าคนที่ทุ่มเทใช้เวลาหนึ่งถึงสองชั่วโมงของเวลาของเขาทุกวันในศาสนาของเขา มันก็จะสะสม จนถึงวันที่เขา ได้ใช้ เมื่อเขาไม่สามารถจะใช้เวลาเหล่านั้นที่จะทำสิ่งที่คุ้มค่าอื่น ๆฉันคิดว่ามันเป็นวิธีของการดูที่สิ่งที่สำคัญในชีวิตของเรา ผมรู้สึกว่าเรามีเพียงชีวิตเดียว และไม่มีสิ่งดังกล่าวเป็นชีวิตหลังความตาย เราไม่ควรใช้เวลาในการพยายามที่จะหลอกลวงตัวเองว่ามีชีวิตหลังความตายที่เป็นนิรันดร์ ฉันยังจำคำพูดที่เป็นที่นิยม " หนึ่งในชีวิต มันมีชีวิต ! " และฉันคิดว่ามันแสดงให้เห็นว่าชีวิตที่สำคัญ และที่เราควรจะรักษามันไว้แล้วมาถึงคำถามของสิ่งที่ถือว่าเป็นชีวิตอย่างเต็มที่ ? ฉันคิดว่าชีวิตควรมีความสมดุลของงานและความเพลิดเพลิน เฉพาะในวิธีนี้เราสามารถทำให้ทั้งตนเอง และคนรอบตัวเรา ชีวิตของเราให้คนรอบข้างและตัวเราจะเชื่อมต่อกันที่เห็นคนรอบข้างมีความสุข จะนำความสุขให้กับตัวเราเองด้วย ตัวอย่างเช่นเสาหลักของครอบครัวที่ถูกไล่ออก และคิดฆ่าตัวตาย เพื่อเห็นแก่ครอบครัวของเขา เขาไม่ได้ ทั้งๆที่เขารู้สึกว่าชีวิตเขาไม่มีค่าอีกต่อไป เมื่อเวลาผ่านไป ถ้าเขาไม่ไปหางานอื่นที่จะสนับสนุนครอบครัวของเขา เขาจะมีความสุขที่เขาตอบสนองความรับผิดชอบของเขาให้กับครอบครัวของเขา ดังนั้นผมคิดว่ามีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่น ก็เหมือนใช้ชีวิตเพื่อตัวเราเอง

ฉันคิดว่าความสุขคือ รูปแบบของถูกเราปฏิบัติตามหน้าที่ความรับผิดชอบของเราต่อผู้อื่น ฉันมักจะพบว่า จบงานที่ผู้อื่นอาศัยฉัน ทำให้ความพึงพอใจมากกว่าเพลิดเพลินตระการตาความสุข . ฉันมักจะได้ยินคนอื่นพูดเท่าไหร่พวกเขารู้สึกเหมือนไม่ทำงาน และอยู่บ้านเพื่อพักผ่อนอย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาออกจากงาน พวกเขาเริ่มต้นพูดเท่าไหร่พวกเขารู้สึกเหมือนทำอะไรบางอย่างที่มีความหมายในชีวิตของพวกเขา ความสุขที่แท้จริงได้ เมื่อเราทำตามหน้าที่ของเรา คนอื่นมันก็เทียบเท่ากับการตอบสนองพวกเขาเอง

สรุป ผมคิดว่าควรใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ เราอยู่ไม่เพียง แต่สำหรับตัวเอง แต่สำหรับคนอื่น ๆเช่นกันคนต่างมีการตีความแตกต่างกันของชีวิตในอุดมคติของพวกเขา และไม่มีการแก้ไขชุดของค่าที่เราควรจะปฏิบัติตาม ทุกคนเริ่มต้นชีวิตของพวกเขาเมื่อพวกเขาจะเกิดและมีขึ้นเพื่อให้พวกเขาได้รับประโยชน์สูงสุดจากมัน และทำให้ชีวิตมีความหมาย ดังนั้นผมจึงรู้สึกว่า มันขึ้นอยู่กับเราที่จะตัดสินใจว่าชีวิตในอุดมคติของเรา และค้นหาความหมายของชีวิตของเราเอง .ฉันเชื่อในลัทธิอย่างที่ผมคิด การกระทำ ของเรามีความรับผิดชอบสำหรับสิ่งที่เรากลายเป็นอะไร และความหมายของชีวิตคืออะไร ในความเห็นของผม เราให้ความหมายกับชีวิตของเราเอง