role in the economy, by encouraging

role in the economy, by encouraging exports and discouraging imports, especially through the use of tariffs. Features Mercantilism is the economic doctrine that government control of foreign trade is of paramount importance for ensuring the military security of the country. In particular, it demands a positive balance of trade. High tariffs, especially on manufactured goods, are an almost universal feature of mercantilist policy. Other policies have included:  Building a network of overseas colonies;  Forbidding colonies to trade with other nations;  Monopolizing markets with staple ports;  Banning the export of gold and silver, even for payments;  Forbidding trade to be carried in foreign ships;  Export subsidies;  Promoting manufacturing with research or direct subsidies;  Limiting wages;  Maximizing the use of domestic resources;  Restricting domestic consumption with non-tariff barriers to trade. Principles Mercantilism contained many interlocking principles some of them as follows: 1. Precious metals, such as gold and silver, were deemed indispensable to a nation’s wealth. If a nation did not possess mines or have access to them, precious metals should be obtained by trade. It was believed that trade balances must be “favorable,” meaning an excess of exports over imports. Colonial possessions should serve as markets for exports and as suppliers of raw materials to the mother country. Manufacturing was forbidden in colonies, and all commerce between colony and mother country was held to be a monopoly of the mother country. 2. A strong nation, according to the theory, was to have a large population, for a large population would provide a supply of labor, a market, and soldiers. Human wants were to be minimized, especially for imported luxury goods, for they drained off precious foreign exchange. Sumptuary laws (affecting food and drugs) were to be passed to make sure that wants were held low. Influence Mercantilism as a whole cannot be considered a unified theory of economics because mercantilism has traditionally been driven more by the political and commercial interests of the State and security concerns than by abstract ideas. There were no mercantilist writers presenting an overarching scheme for the ideal economy, as Adam Smith would later do for classical (laissez-faire) economics. Some scholars thus reject the idea of mercantilism completely, arguing that it gives "a false unity to disparate events". Mercantilists viewed the economic system as a zero-sum game, in which any gain by one party required a loss by another. Thus, any system of policies that benefited one group would by definition harm the other, and there was no possibility of economics being used to maximize the "commonwealth", or common good. 4|Page

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บทบาทในทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการส่งออก และนำเข้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการใช้ภาษีศุลกากรที่ท้อใจ Mercantilism คุณสมบัติเป็นลัทธิทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลควบคุมการค้าระหว่างประเทศมีความสำคัญยิ่งสำหรับสร้างความปลอดภัยทางทหารของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันต้องเป็นค่าบวกดุลการค้า ภาษีศุลกากรสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสินค้าที่ผลิต เป็นคุณสมบัติการสากลเกือบ mercantilist นโยบาย นโยบายอื่น ๆ ได้รวม: สร้างเครือข่ายของอาณานิคมโพ้นทะเล  Forbidding อาณานิคมการค้ากับต่างประเทศ ตลาด Monopolizing  มีพอร์ตหลัก ห้ามการส่งออกของทองและเงิน แม้สำหรับการชำระเงิน การค้า Forbidding ที่จะดำเนินการในเรือต่างประเทศ เงินอุดหนุนส่งออก ผลิต Promoting ด้วยการวิจัยหรือการอุดหนุนโดยตรง ค่าจ้าง Limiting เพิ่มการใช้ทรัพยากรภายในประเทศ  Restricting บริโภคภายในประเทศกับอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษีการค้า Mercantilism อยู่หลายหลักการประสานหลักการบางส่วนของพวกเขาเป็นดังนี้: 1. โลหะมีค่า เช่นทองและเงิน ก็ถือว่าขาดไม่ได้กับความมั่งคั่งของประเทศ ถ้าประเทศไม่มีระเบิด หรือมีการเข้าถึงพวกเขา โลหะมีค่าควรจะได้รับ โดยทางการค้า ก็เชื่อว่าการค้าดุลต้อง "ดี หมายถึง ส่วนเกินของการส่งออกนำเข้า โคโลเนียลทรัพย์สินควรใช้ เป็นตลาดสำหรับการส่งออก และ เป็นผู้จำหน่ายวัตถุดิบในประเทศแม่ การผลิตถูกห้ามในอาณานิคม และพาณิชย์ทั้งหมดระหว่างอาณานิคมและประเทศแม่จัดขึ้นจะ ผูกขาดของประเทศแม่ 2. เป็นประเทศที่แข็งแกร่ง ตามทฤษฎี คือมีประชากรขนาดใหญ่ สำหรับประชากรขนาดใหญ่จะมีอุปทานของแรงงาน ตลาด และทหาร มนุษย์ต้องมีการลดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสินค้านำเข้าหรู สำหรับพวกเขาระบายออกมีค่าแลกเปลี่ยน Sumptuary กฎหมาย (มีผลกับอาหารและยา) ถูกส่งต่อเพื่อให้แน่ใจว่า ต้องถูกจัดขึ้นต่ำ รวมทั้งหมดไม่สามารถใช้เป็นทฤษฎีเศรษฐศาสตร์แบบครบวงจรเนื่องจาก mercantilism ประเพณีการเน้นมากกว่า โดยผลประโยชน์ทางการเมือง และการค้าของความกังวลของรัฐและความปลอดภัยมากกว่าความคิดนามธรรมคำนวณ Mercantilism มีนักเขียน mercantilist ไม่นำเสนอแบบแผนการยอดกล้องสำหรับเศรษฐกิจดี เป็น Adam Smith ในภายหลังจะทำสำหรับเศรษฐศาสตร์คลาสสิก (laissez-faire) นักวิชาการบางคนจึงปฏิเสธความคิดของ mercantilism สมบูรณ์ โต้เถียงเพราะ มันทำให้ "สามัคคีเท็จกิจกรรมแตกต่างกัน" Mercantilists ดูระบบเศรษฐกิจเป็นการเล่น ซึ่งกำไรใด ๆ โดยฝ่ายหนึ่งต้องสูญเสียอีก ดังนั้น ระบบใด ๆ ของนโยบายที่ได้รับประโยชน์กลุ่มหนึ่งจะคำอันตรายอื่น ๆ และมีเศรษฐศาสตร์ที่ใช้ในการขยาย "เครือจักรภพ" หรือทั่วไปดี 4 | หน้า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทบาทในระบบเศรษฐกิจโดยการส่งเสริมการส่งออกและการนำเข้าท้อใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการใช้อัตราภาษี คุณสมบัติพ่อค้าเป็นหลักคำสอนทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลควบคุมการค้าต่างประเทศมีความสำคัญยิ่งในการตรวจสอบความปลอดภัยทางทหารของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความต้องการสมดุลในทางบวกของการค้า อัตราภาษีที่สูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการผลิตสินค้าเป็นคุณลักษณะที่เกือบจะเป็นสากลของนโยบาย mercantilist นโยบายอื่น ๆ ได้รวม: การสร้างเครือข่ายของอาณานิคมต่างประเทศ; ห้ามอาณานิคมการค้ากับประเทศอื่น ๆ ; ผูกขาดตลาดที่มีพอร์ตหลัก; ห้ามการส่งออกของทองคำและเงินแม้สำหรับการชำระเงิน; การค้าห้ามที่จะดำเนินการในเรือต่างประเทศ อุดหนุนการส่งออก; การส่งเสริมการผลิตกับการวิจัยหรือเงินอุดหนุนโดยตรง การ จำกัด ค่าจ้าง; เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรภายในประเทศ; การ จำกัด การบริโภคภายในประเทศที่มีอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษีการค้า หลักการพ่อค้ามีหลักการที่เชื่อมต่อกันหลายคนบางคนดังนี้ 1. โลหะมีค่าเช่นทองและเงินก็ถือว่าขาดไม่ได้เพื่อความมั่งคั่งของประเทศ ถ้าเป็นประเทศที่ไม่ได้มีการทำเหมืองแร่หรือมีการเข้าถึงพวกเขาโลหะมีค่าควรจะได้รับโดยการค้า ก็เชื่อว่าดุลการค้าจะต้อง "ดี" หมายถึงส่วนเกินของการส่งออกมากกว่านำเข้า ดินแดนอาณานิคมควรทำหน้าที่เป็นตลาดเพื่อการส่งออกและเป็นซัพพลายเออร์ของวัตถุดิบไปยังประเทศแม่ การผลิตเป็นสิ่งต้องห้ามในอาณานิคมและการพาณิชย์ระหว่างอาณานิคมและแม่ของประเทศที่จัดขึ้นจะเป็นการผูกขาดของประเทศแม่ 2. เป็นชนชาติที่เข้มแข็งตามทฤษฎีจะมีประชากรขนาดใหญ่สำหรับประชากรขนาดใหญ่จะให้อุปทานของแรงงานตลาดและทหาร ความต้องการของมนุษย์จะถูกลดลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสินค้าที่นำเข้าหรูสำหรับพวกเขาระบายออกแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่มีค่า ลัทธิกฎ (มีผลกระทบต่ออาหารและยาเสพติด) จะถูกส่งผ่านไปยังให้แน่ใจว่าต้องการถูกจัดขึ้นต่ำ อิทธิพลพ่อค้าเป็นทั้งไม่สามารถพิจารณาทฤษฎีปึกแผ่นของเศรษฐกิจเพราะพ่อค้ามีประเพณีการขับเคลื่อนมากขึ้นโดยผลประโยชน์ทางการเมืองและการค้าของรัฐและความปลอดภัยความกังวลมากกว่าความคิดนามธรรม ไม่มีนักเขียน mercantilist นำเสนอรูปแบบการเสริมสร้างเศรษฐกิจที่เหมาะ, อดัมสมิ ธ ในภายหลังจะทำอย่างไรกับคลาสสิก (ไม่รู้ไม่ชี้) เป็นเศรษฐศาสตร์ นักวิชาการบางคนจึงปฏิเสธความคิดของพ่อค้าสมบูรณ์เถียงว่ามันจะช่วยให้ "ความสามัคคีเท็จกับเหตุการณ์ที่แตกต่างกัน" Mercantilists ดูระบบเศรษฐกิจเป็นเกมศูนย์รวมซึ่งในกำไรใด ๆ โดยฝ่ายหนึ่งต้องสูญเสียอีก ดังนั้นระบบการทำงานของนโยบายที่ได้รับประโยชน์กลุ่มหนึ่งจะเป็นอันตรายต่อโดยความหมายอื่น ๆ และมีความเป็นไปของเศรษฐกิจใด ๆ ไม่ถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่ม "จักรภพ" หรือที่ดีร่วมกัน 4 | หน้า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บทบาทในระบบเศรษฐกิจ โดยส่งเสริมการส่งออกและท้อใจ นำเข้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้ภาษี คุณสมบัติการติดต่อคบค้าสมาคมเป็นเศรษฐกิจหลักที่รัฐบาลควบคุมการค้าต่างประเทศมีความสำคัญยิ่งเพื่อให้มั่นใจความปลอดภัยทางทหาร ของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันต้องมีดุลการค้าเป็นบวก . อัตราภาษีสูง โดยเฉพาะสินค้าที่ผลิต , เป็นคุณลักษณะสากลเกือบของนโยบาย mercantilist . นโยบายอื่น ๆได้รวม : สร้างเครือข่ายของอาณานิคมต่าง ห้ามอาณานิคมการค้ากับประเทศอื่น ๆผูกขาดตลาด ด้วยพอร์ตเป็นหลัก ; ห้ามส่งออกของทองและเงิน แม้แต่การชําระเงิน ห้ามการค้าที่จะบรรทุกในเรือต่างชาติ ส่งออกอุดหนุน ; ส่งเสริมการผลิตกับงานวิจัย หรือเงินอุดหนุนโดยตรง ; จำกัดค่าจ้าง ; การใช้ทรัพยากรในประเทศ  จำกัด การบริโภคภายในประเทศด้วยมาตรการทางการค้า หลักการการติดต่อคบค้าสมาคม ที่มีอยู่หลายประสานหลักการบางส่วนของพวกเขาเป็นดังนี้ : 1 . โลหะมีค่าเช่นทองและเงิน ถือว่าขาดไม่ได้เพื่อความมั่งคั่งของประเทศ ถ้าประเทศชาติไม่ครอบครองเหมืองหรือเข้าถึงพวกเขา โลหะมีค่า ควรจะได้รับ โดยการค้า ก็เชื่อว่าดุลทางการค้าจะต้อง " ดี " หมายถึง ส่วนเกินของการส่งออกมากกว่าการนำเข้า ดินแดนอาณานิคมควรเป็นตลาดการส่งออกและซัพพลายเออร์วัตถุดิบในประเทศแม่ การผลิตเป็นสิ่งต้องห้ามในอาณานิคมและอาณานิคมและการค้าระหว่างประเทศแม่ จัดขึ้นเพื่อเป็นการผูกขาดของประเทศแม่ 2 . ประเทศที่แข็งแกร่ง ตามทฤษฎี คือ มีประชากรขนาดใหญ่ มีประชากรขนาดใหญ่จะให้บริการจัดหาแรงงาน ตลาด และทหาร ต้องการของมนุษย์จะลดลง โดยเฉพาะการนำเข้าสินค้าหรูหรา พวกเขาระบายออกต่างประเทศค่า sumptuary ( มีผลต่อกฎหมายอาหารและยา ) จะถูกส่งผ่านเพื่อให้แน่ใจว่า ต้องการขึ้นต่ำ อิทธิพลของการติดต่อคบค้าสมาคมเป็นไม่ได้ทั้งหมดจะถือว่าเป็นทฤษฎีเอกภาพของเศรษฐกิจ เพราะการติดต่อคบค้าสมาคมแต่เดิมถูกขับมากขึ้น โดยผลประโยชน์ทางการเมืองและการค้าของความมั่นคงแห่งรัฐและความกังวลมากกว่า โดยความคิดนามธรรม ไม่มี mercantilist นักเขียนการนำเสนอโครงการเพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจในอุดมคติ เป็น อดัม สมิธจะทำ ( Laissez faire เศรษฐศาสตร์คลาสสิค ) . นักวิชาการบางคนจึงปฏิเสธความคิดของการติดต่อคบค้าสมาคมเลยเถียงว่ามันให้ " ความสามัคคีเป็นเหตุการณ์ที่แตกต่างกัน . mercantilists มองว่าระบบเศรษฐกิจเป็นเกมผลรวมศูนย์ ซึ่งได้รับการใด ๆโดยบุคคลหนึ่งต้องมีการสูญเสียอีก ดังนั้น ระบบใด ๆของนโยบายที่ได้รับประโยชน์หนึ่งกลุ่มจะโดยความหมายทำร้ายผู้อื่นได้ และมีความเป็นไปได้ทางเศรษฐศาสตร์ถูกใช้เพื่อเพิ่ม " จักรภพ " หรือธรรมดาดี 4 | หน้า