The study was undertaken to determi

The study was undertaken to determine, from the patient's perspective, the comparative effectiveness of locally established financial protection mechanisms particularly for indigent and severely-ill hospitalized patients. Data was obtained from a survey conducted in 2010 in Philippine provinces which were part of the Health Systems Development Project and involved 449 patients from selected private and public hospitals. Direct medical expenses incurred during the confinement period, whether already paid for prior to or only billed upon discharge, were initially considered. Expenses were found to be generally larger for the more severely ill and lower for the poor. Hospital-provided discounts and social health insurance (PhilHealth) reimbursements were the financial protection mechanisms evaluated in this study. In average terms, only up to 46% of inpatient expenses were potentially covered by the combined financial support. Depending on the hospital type, 28–42% of submitted PhilHealth claims were invalidated. Multiple linear regression analysis was utilized to determine the relationship of the same set of patients' demographic characteristics, socioeconomic status, severity of illness, and hospital assignments with selected expense categories and financial protection measures. Pre-discharge expenditures were significantly higher in public hospitals. The very ill also faced significantly larger expenses, including those for final hospital charges. Hospital-derived discounts provided significantly more support for indigent as well as very sick patients. The amounts for verified PhilHealth claims were significantly greater for the moderately-ill and, incongruously, the financially better-off patients. Sponsored Program members, supposed indigents enjoying fully-subsidized PhilHealth enrollment, qualified for higher mean reimbursements. However, there was a weak correlation between such patients and those identified as poor by the hospital social service staff. Thus, while hospital discounts, subsidies for practical purposes, and PhilHealth reimbursements progressively supported sicker patients, discounts were more responsive in assisting the poor. PhilHealth processes therefore need to be improved so as to more effectively support indigent patients

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ดำเนินการศึกษาเพื่อกำหนด จากมุมมองของผู้ป่วย เปรียบเทียบประสิทธิภาพของกลไกป้องกันการเงินขึ้นในท้องถิ่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับ indigent และรุนแรงป่วยพักผู้ป่วย ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจในปี 2553 ในจังหวัดของฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาระบบสุขภาพและผู้ป่วย 449 เกี่ยวข้องจากโรงพยาบาลสาธารณะ และส่วนตัวเลือก ค่ารักษาพยาบาลโดยตรงที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาเข้า ชำระเงินแล้วก่อนหน้า หรือเรียกเฉพาะ เมื่อปล่อย ได้เริ่มพิจารณา พบค่าใช้จ่ายให้มีขนาดใหญ่โดยทั่วไปสำหรับยิ่งป่วย และต่ำฐานะยากจนอย่างรุนแรง โรงพยาบาลมีส่วนลดและชำระคืนเงินประกันสังคม (PhilHealth) มีกลไกป้องกันการเงินประเมินในการศึกษานี้ ในแง่ค่าเฉลี่ย เฉพาะถึง 46% ของค่าใช้จ่ายห้องคลอดถูกครอบคลุม โดยการสนับสนุนทางการเงินรวมอาจ 28-42% ของการส่ง PhilHealth ร้องเรียนถูกยกเลิกตามชนิดโรงพยาบาล วิเคราะห์การถดถอยเชิงเส้นหลายถูกใช้เพื่อกำหนดความสัมพันธ์ของลักษณะทางประชากรของผู้ป่วย สถานะประชากร ความรุนแรงของการเจ็บป่วย และโรงพยาบาลกำหนดมาตรการคุ้มครองทางการเงินและประเภทค่าใช้จ่ายที่เลือกชุดเดียวกัน ปล่อยก่อนค่าใช้จ่ายได้อย่างมีนัยสำคัญในโรงพยาบาลของรัฐบาล อาการป่วยมากยังต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายมากใหญ่ รวมทั้งในโรงพยาบาลครั้งสุดท้ายค่าธรรมเนียม ส่วนลดที่โรงพยาบาลมาให้สนับสนุนมากผู้ป่วย indigent เป็นป่วยมาก ยอดเงินสำหรับเรียกร้อง PhilHealth ตรวจสอบได้อย่างมีนัยสำคัญมากกว่าการปานกลางป่วย incongruously, better-off เงินผู้ป่วย สนับสนุนโปรแกรมสมาชิก ควร indigents เพลิดเพลินกับการลงทะเบียน PhilHealth เต็มทดแทนกันได้ มีคุณสมบัติสำหรับการชำระเงินคืนเฉลี่ยสูง อย่างไรก็ตาม มีความสัมพันธ์ที่อ่อนแอเช่นผู้ป่วยและผู้ที่ระบุเป็นไม่ดีพนักงานบริการประกันสังคมโรงพยาบาล ดังนั้น ส่วน ลดโรงพยาบาล เงินอุดหนุนเพื่อวัตถุประสงค์ในทางปฏิบัติ และชำระเงินคืน PhilHealth ความก้าวหน้าสนับสนุนผู้ป่วย sicker ส่วนลดได้ตอบสนองมากขึ้นในการให้ความช่วยเหลือคนยากจน กระบวนการ PhilHealth จึงจำเป็นต้องปรับปรุงเพื่อสนับสนุนผู้ป่วย indigent มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาได้ดำเนินการเพื่อตรวจสอบจากมุมมองของผู้ป่วย, ประสิทธิภาพเปรียบเทียบที่จัดตั้งขึ้นในประเทศกลไกการคุ้มครองทางการเงินโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับยากจนอย่างรุนแรงและไม่ดีของผู้ป่วยในโรงพยาบาล ข้อมูลที่ได้รับจากการสำรวจที่ดำเนินการในปี 2010 ในจังหวัดของฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาระบบสุขภาพและมีส่วนร่วม 449 ผู้ป่วยจากโรงพยาบาลที่เลือกภาครัฐและเอกชน ค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นโดยตรงในช่วงระยะเวลาการคุมขังไม่ว่าจะจ่ายเงินไปแล้วก่อนที่จะมีการเรียกเก็บเงินหรือเฉพาะเมื่อปล่อยได้รับการพิจารณาในขั้นต้น ค่าใช้จ่ายพบว่าโดยทั่วไปขนาดใหญ่มากขึ้นอย่างรุนแรงป่วยและต่ำกว่าสำหรับคนยากจน ส่วนลดโรงพยาบาลที่ให้บริการและการประกันสุขภาพทางสังคม (PhilHealth) ชดใช้ถูกกลไกการคุ้มครองทางการเงินการประเมินในการศึกษาครั้งนี้ ในแง่เฉลี่ยเพียงไม่เกิน 46% ของค่าใช้จ่ายที่ผู้ป่วยถูกปกคลุมที่อาจเกิดขึ้นโดยการสนับสนุนทางการเงินรวม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของโรงพยาบาล 28-42% ของการเรียกร้อง PhilHealth ส่งเป็นโมฆะ การวิเคราะห์การถดถอยเชิงเส้นหลายที่ถูกใช้ในการกำหนดความสัมพันธ์ของชุดเดียวกันของผู้ป่วยลักษณะทางประชากรที่สถานะทางเศรษฐกิจสังคมความรุนแรงของการเจ็บป่วยและการกำหนดโรงพยาบาลที่มีค่าใช้จ่ายประเภทที่เลือกและมาตรการคุ้มครองทางการเงิน ค่าใช้จ่ายก่อนการปลดปล่อยอย่างมีนัยสำคัญที่สูงขึ้นในโรงพยาบาลของรัฐ ป่วยมากนอกจากนี้ยังต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายอย่างมีนัยสำคัญขนาดใหญ่รวมทั้งผู้ที่โรงพยาบาลสำหรับค่าใช้จ่ายขั้นสุดท้าย ส่วนลดที่ได้มาจากโรงพยาบาลให้การสนับสนุนอย่างมีนัยสำคัญมากขึ้นสำหรับยากจนเช่นเดียวกับผู้ป่วยที่ป่วยมาก สำหรับจำนวนเงินที่ได้รับการยืนยันการเรียกร้อง PhilHealth อย่างมีนัยสำคัญมากขึ้นสำหรับผู้ป่วยในระดับปานกลางและสม, ผู้ป่วยที่ดีกว่าการปิดทางการเงิน สมาชิกผู้สนับสนุนโครงการ indigents ควรเพลิดเพลินกับการลงทะเบียน PhilHealth เต็มอุดหนุนที่มีคุณภาพสำหรับชดใช้ค่าเฉลี่ยที่สูงขึ้น แต่มีความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยที่อ่อนแอดังกล่าวและระบุผู้ยากจนโดยพนักงานที่ให้บริการในโรงพยาบาลสังคม ดังนั้นในขณะที่โรงพยาบาลส่วนลดเงินอุดหนุนเพื่อวัตถุประสงค์ในทางปฏิบัติและมีความก้าวหน้าชดใช้ PhilHealth สนับสนุนผู้ป่วยเจ็บส่วนลดได้ตอบสนองมากขึ้นในการช่วยเหลือคนยากจน กระบวนการ PhilHealth ดังนั้นจึงต้องมีการปรับปรุงเพื่อให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพจนช่วยเหลือผู้ป่วย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาจากมุมมองของผู้ป่วย , การเปรียบเทียบประสิทธิผลของกลไกการป้องกันทางการเงินในประเทศก่อตั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับยากจนและการป่วยเข้าโรงพยาบาล ผู้ป่วยข้อมูลที่ได้จากการสำรวจในปี 2553 จังหวัดในฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบสาธารณสุขและพัฒนาโครงการที่เกี่ยวข้องและจากผู้ป่วยที่เลือกโรงพยาบาลเอกชนและสาธารณะ ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์โดยตรง ที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาการคุมขัง ว่าจ่ายไปแล้วก่อน หรือแค่เรียกเก็บเงินเมื่อปลด เริ่มต้นพิจารณาค่าใช้จ่าย พบว่า โดยทั่วไปขนาดใหญ่สำหรับรุนแรงมากขึ้น และป่วยกว่าสำหรับคนจน โรงพยาบาลที่ให้ส่วนลดและประกันสุขภาพสังคม ( philhealth ) reimbursements เป็นกลไกการป้องกันทางการเงินประเมินในการศึกษานี้ ในแง่เฉลี่ยเพียงถึง 46 % ของค่าใช้จ่ายผู้ป่วยในยังอาจครอบคลุมการสนับสนุนทางการเงินรวม ขึ้นอยู่กับประเภทของโรงพยาบาล28 – 42 % ของที่ส่ง philhealth อ้างว่าถูกยกเลิก การวิเคราะห์การถดถอยเชิงเส้นพหุมีวัตถุประสงค์เพื่อหาความสัมพันธ์ของชุดเดียวกันของผู้ป่วย ลักษณะทางประชากรศาสตร์ สถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคม ความรุนแรงของการเจ็บป่วย และโรงพยาบาลที่ได้รับมอบหมายที่ค่าใช้จ่ายประเภท และมาตรการการคุ้มครองทางการเงินก่อนปล่อยค่าใช้จ่ายอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติ ในโรงพยาบาลรัฐ การป่วยมาก ยังต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายอย่างมีนัยสำคัญขนาดใหญ่ รวมทั้งค่าธรรมเนียมโรงพยาบาลสุดท้าย โรงพยาบาลที่ได้รับส่วนลดให้มากขึ้นเพื่อสนับสนุนทุน รวมทั้งผู้ป่วยที่ป่วยมาก ปริมาณเพื่อยืนยันการเรียกร้อง philhealth อย่างมีนัยสำคัญมากขึ้นสำหรับผู้ป่วยและ incongruously พอสมควร , ,ทางการเงินดีขึ้น ผู้ป่วย สนับสนุนสมาชิกโครงการ ควร indigents เพลิดเพลินอย่างเต็มที่อุดหนุน philhealth ลงทะเบียนที่มีคุณภาพสูงกว่าค่าเฉลี่ย reimbursements . อย่างไรก็ตาม มีความสัมพันธ์กันน้อย เช่น ผู้ป่วยและผู้ที่ระบุว่าเป็นคนจน โดยเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ของโรงพยาบาล ดังนั้น , ในขณะที่ส่วนลดโรงพยาบาล เงินอุดหนุนเพื่อวัตถุประสงค์ในทางปฏิบัติphilhealth reimbursements ก้าวหน้าและสนับสนุนผู้ป่วย sicker ส่วนลดมีการตอบสนองมากขึ้นในการช่วยเหลือคนจน philhealth กระบวนการจึงต้องมีการปรับปรุงเพื่อให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนผู้ป่วยยากจน