วัดพระศรีมหาธาตุ เป็นพระอารามหลวงชั

วัดพระศรีมหาธาตุ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร สร้างเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ ตั้งอยู่ริมถนนพหลโยธิน ตรงหลักกิโลเมตรที่ ๑๘ แขวงอนุสาวรีย์ (เดิมชื่อตำบลกูบแดง) เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร จากอดีตถึงปัจจุบันมีเจ้าอาวาส แล้ว ๕ รูป มีประวัติการก่อสร้างโดยสังเขป ดังต่อไปนี้

เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๔๘๓ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ซึ่งขณะนั้น มียศและบรรดาศักดิ์เป็น พลตรี หลวงพิบูลสงคราม ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้เสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ใคร่จะขออนุมัติเงินสร้างวัดขึ้นสักวัดหนึ่ง เพื่อให้เป็นอนุสรณ์แห่งการปกครองระบอบประชาธิปไตย และใคร่จะให้แล้วเสร็จทันในงานวันชาติวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๘๔ สถานที่จะสร้างนั้น ควรจะสร้างใกล้ ๆ กับอนุสาวรีย์หลักสี่ ทั้งนี้มีเหตุผลว่าชาติกับศาสนาเป็นของคู่กัน เป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้ เพราะศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวและกล่อมเกลาอุปนิสัยและน้ำใจประชาชนให้บำเพ็ญตน และปฏิบัติในสิ่งที่ดีที่ชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประเสริฐสุด อันมวลประชาราษฎรชาวไทยและชาติอื่น ๆ อีกหลายประเทศยึดถืออยู่ เป็นศาสนาที่ทันสมัยอยู่เสมอ และยิ่งเป็นประเทศไทย เป็นประเทศประชาธิปไตยด้วยแล้ว พระพุทธศาสนาจึงเป็นศาสนาที่เหมาะสมยิ่งด้วยประการทั้งปวง เพราะเป็นหลักของการปกครองระบอบประชาธิปไตย อีกประการหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงการปกครองก็ดี งานสร้างชาติซึ่งกระทำภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองก็ดี ที่สามารถฟันฝ่าอุปสรรคและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีมาแล้วก็โดยอาศัยพุทธานุภาพคุ้มครองป้องกันประเทศชาติราษฎร และอำนวยความสถาพรสำเร็จประโยชน์อย่างดีที่สุดที่จะเป็นได้ จึงสมควรที่จะสร้างวัดขึ้นสักวัดหนึ่ง เพื่อให้เป็นที่เชิดชูพระบวรพุทธศาสนาคู่กันไปกับเกียรติศักดิ์ของประเทศชาติ คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาแล้ว ลงมติเห็นชอบด้วยเป็นเอกฉันท์ให้สร้างวัดขึ้นวัดหนึ่งในที่ใกล้อนุสาวรีย์หลักสี่ และให้ชื่อว่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัดพระศรีมหาธาตุเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชนิดวรมหาวิหารสร้างเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ ตั้งอยู่ริมถนนพหลโยธินตรงหลักกิโลเมตรที่ ๑๘ แขวงอนุสาวรีย์ (เดิมชื่อตำบลกูบแดง) เขตบางเขนภายหลังจากอดีตถึงปัจจุบันมีเจ้าอาวาสแล้ว ๕ รูปมีประวัติการก่อสร้างโดยสังเขปดังต่อไปนี้ เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๔๘๓ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ซึ่งขณะนั้น มียศและบรรดาศักดิ์เป็น พลตรี หลวงพิบูลสงคราม ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้เสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ใคร่จะขออนุมัติเงินสร้างวัดขึ้นสักวัดหนึ่ง เพื่อให้เป็นอนุสรณ์แห่งการปกครองระบอบประชาธิปไตย และใคร่จะให้แล้วเสร็จทันในงานวันชาติวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๘๔ สถานที่จะสร้างนั้น ควรจะสร้างใกล้ ๆ กับอนุสาวรีย์หลักสี่ ทั้งนี้มีเหตุผลว่าชาติกับศาสนาเป็นของคู่กัน เป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้ เพราะศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวและกล่อมเกลาอุปนิสัยและน้ำใจประชาชนให้บำเพ็ญตน และปฏิบัติในสิ่งที่ดีที่ชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประเสริฐสุด อันมวลประชาราษฎรชาวไทยและชาติอื่น ๆ อีกหลายประเทศยึดถืออยู่ เป็นศาสนาที่ทันสมัยอยู่เสมอ และยิ่งเป็นประเทศไทย เป็นประเทศประชาธิปไตยด้วยแล้ว พระพุทธศาสนาจึงเป็นศาสนาที่เหมาะสมยิ่งด้วยประการทั้งปวง เพราะเป็นหลักของการปกครองระบอบประชาธิปไตย อีกประการหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงการปกครองก็ดี งานสร้างชาติซึ่งกระทำภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองก็ดี ที่สามารถฟันฝ่าอุปสรรคและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีมาแล้วก็โดยอาศัยพุทธานุภาพคุ้มครองป้องกันประเทศชาติราษฎร และอำนวยความสถาพรสำเร็จประโยชน์อย่างดีที่สุดที่จะเป็นได้ จึงสมควรที่จะสร้างวัดขึ้นสักวัดหนึ่ง เพื่อให้เป็นที่เชิดชูพระบวรพุทธศาสนาคู่กันไปกับเกียรติศักดิ์ของประเทศชาติ คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาแล้ว ลงมติเห็นชอบด้วยเป็นเอกฉันท์ให้สร้างวัดขึ้นวัดหนึ่งในที่ใกล้อนุสาวรีย์หลักสี่ และให้ชื่อว่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัดพระศรีมหาธาตุเป็นพระอารามหลวงชั้น เอกชนิดวรมหาวิหารสร้างเมื่อปีพุทธศักราช 2483 ตั้งอยู่ริมถนนพหลโยธินตรงหลักกิโลเมตร ที่ 18 แขวงอนุสาวรีย์ (เดิมชื่อตำบลกูบแดง) เขตบางเขนกรุงเทพมหานครจากอดีตถึงปัจจุบันมี เจ้าอาวาสแล้ว 5 รูปมีประวัติการ โดยสังเขปก่อสร้างดังต่อไปนี้

เมื่อการธนาคารวันที่ 18 กันยายน 2483 จอมพลป. พิบูลสงครามซึ่งขณะนั้นมียศและ บรรดาศักดิ์เป็นพลตรีหลวงพิบูลสงครามดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้เสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่า 24 มิถุนายน 2484 สถานที่จะสร้างนั้นควรจะสร้าง ใกล้ ๆ กับอนุสาวรีย์หลักสี่ เป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้ และปฏิบัติในสิ่งที่ดีที่ชอบ อันมวลประชาราษฎรชาวไทยและชาติ อื่น ๆ อีกหลายประเทศยึดถืออยู่เป็นศาสนาที่ทันสมัยอยู่เสมอและยิ่งเป็นประเทศไทยเป็นประเทศประชาธิปไตยด้วยแล้ว อีกประการหนึ่งการเปลี่ยนแปลงการปกครองก็ดี คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาแล้ว และให้ชื่อว่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วัดพระศรีมหาธาตุเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชนิดวรมหาวิหารสร้างเมื่อปีพุทธศักราช๒๔๘๓ตั้งอยู่ริมถนนพหลโยธินตรงหลักกิโลเมตรที่๑๘แขวงอนุสาวรีย์ ( เดิมชื่อตำบลกูบแดง ) เขตบางเขนกรุงเทพมหานครจากอดีตถึงปัจจุบันมีเจ้าอาวาสแล้ว๕รูปมีประวัติการก่อสร้างโดยสังเขปดั งต่อไปนี้เมื่อวันที่๑๘กันยายน๒๔๘๓จอมพลป . พิบูลสงครามซึ่งขณะนั้นมียศและบรรดาศักดิ์เป็นพลตรีหลวงพิบูลสงครามดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้เสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่าใคร่จะขออนุมัติเงินสร้างวัดขึ้นสักวัดหนึ่งเพื่อให้เป็นอนุสรณ์แห่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยและใค ร่จะให้แล้วเสร็จทันในงานวันชาติวันที่๒๔มิถุนายน๒๔๘๔สถานที่จะสร้างนั้นควรจะสร้างใกล้จะกับอนุสาวรีย์หลักสี่ทั้งนี้มีเหตุผลว่าชาติกับศาสนาเป็นของคู่กันเป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้เพราะศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวและกล่อมเกลาอุปนิสัยและน้ำใจประชาชนให้บำเพ ็ญตนและปฏิบัติในสิ่งที่ดีที่ชอบโดยเฉพาะอย่างยิ่งพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประเสริฐสุดอันมวลประชาราษฎรชาวไทยและชาติอื่นจะอีกหลายประเทศยึดถืออยู่เป็นศาสนาที่ทันสมัยอยู่เสมอและยิ่งเป็นประเทศไทยเป็นประเทศประชาธิปไตยด้วยแล้วพระพุทธศาสนาจึงเป็นศาสนาที่เหมาะส มยิ่งด้วยประการทั้งปวงเพราะเป็นหลักของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอีกประการหนึ่งการเปลี่ยนแปลงการปกครองก็ดีงานสร้างชาติซึ่งกระทำภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองก็ดีที่สามารถฟันฝ่าอุปสรรคและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีมาแล้วก็โดยอาศัยพุทธานุภาพคุ้มครองป้อง กันประเทศชาติราษฎรและอำนวยความสถาพรสำเร็จประโยชน์อย่างดีที่สุดที่จะเป็นได้จึงสมควรที่จะสร้างวัดขึ้นสักวัดหนึ่งเพื่อให้เป็นที่เชิดชูพระบวรพุทธศาสนาคู่กันไปกับเกียรติศักดิ์ของประเทศชาติคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาแล้วลงมติเห็นชอบด้วยเป็นเอกฉันท์ให้สร้างวัดข ึ้นวัดหนึ่งในที่ใกล้อนุสาวรีย์หลักสี่และให้ชื่อว่า