Mark Herman's "The Boy in the Strip

Mark Herman's "The Boy in the Striped Pajamas" depends for its powerful impact on why, and when, it transfers the film's point of view. For almost all of the way, we see events through the eyes of a bright, plucky 8-year-old. Then we begin to look out through the eyes of his parents. Why and when that transfer takes place gathers all of the film's tightly wound tensions and savagely uncoils them. It is not what happens to the boy, which I will not tell you. It is -- all that happens. All of it, before and after.


WATCH NOW

Bruno (Asa Butterfield) is a boy growing up in a comfy household in Berlin, circa 1940. His dad (David Thewlis) goes off to the office every day. He's a Nazi official. Bruno doesn't think about that much, but he's impressed by his ground-level view of his father's stature. One day Bruno gets the unwelcome news that his dad has a new job, and they will all be moving to the country.

It'll be a farm, his parents reassure him. Lots of fun. Bruno doesn't want to leave his playmates and his much-loved home. His grandma (Sheila Hancock) doesn't approve of the move either. There seems to be a lot she doesn't approve of, but children are made uneasy by family tension and try to evade it.

There's a big house in the country, surrounded by high walls. It looks stark and modern to be a farmhouse. Army officials come and go. They fill rooms with smoke as they debate policy and procedures. Bruno can see the farm fields from his bedroom window. He asks his parents why the farmers are wearing striped pajamas. They give him one of those evasive answers that only drives a smart kid to find out for himself.

At the farm, behind barbed wire, he meets a boy about his age. They make friends. They visit as often as they can. The other boy doesn't understand what's going on any more than Bruno does. Their stories were told in a 2007 young adult's novel of the same name by John Boyne, which became a best seller. I learn the novel tells more about what the child thinks he hears and knows, but the film is implacable in showing where his curiosity leads him.

Other than what "The Boy in the Striped Pajamas" is about, it almost seems to be an orderly story of those British who always know how to speak and behave. Those British? Yes, the actors speak with crisp British accents, which I think is actually more effective than having them speaking with German accents, or in subtitles. It dramatizes the way the German professional class internalized Hitler's rule and treated it as business as usual. Charts, graphs, titles, positions, uniforms, promotions, performance evaluations.

How can ordinary professional people proceed in this orderly routine when their business is evil? Easier than we think, I believe. I still obsess about those few Enron executives who knew the entire company was a Ponzi scheme. I can't forget the Oregon railroader who had his pension stolen. The laughter of Enron soldiers who joked about killing grandmothers with their phony California "energy crisis." Whenever loyalty to the enterprise becomes more important than simple morality, you will find evil functioning smoothly.

There has not again been evil on the scale of 1939-1945. But there has been smaller-scale genocide. Mass murder. Wars generated by lies and propaganda. The Wall Street crash stripped people of their savings, their pensions, their homes, their jobs, their hopes of providing for their families. It happened because a bureaucracy and its status symbols became more important than what it was allegedly doing.

Have I left my subject? I don't think so. "The Boy in the Striped Pajamas" is not only about Germany during the war, although the story it tells is heartbreaking in more than one way. It is about a value system that survives like a virus. Do I think the people responsible for our economic crisis were Nazis? Certainly not. But instead of collecting hundreds of millions of dollars in rewards for denying to themselves what they were doing, I wish they had been forced to flee to Paraguay in submarines

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เครื่องหมาย Herman "เด็กในตัวลายชุดนอน" สำหรับผลกระทบที่มีประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับทำไม และ เมื่อคุณถ่ายโอนภาพยนตร์มองอยู่ เกือบทั้งหมดของวิธีการ เราดูเหตุการณ์ของความสดใส ช่วย 8 ปี แล้ว เราเริ่มที่จะมองผ่านสายตาของพ่อ ทำไม และเมื่อโอนขึ้นที่รวบรวมทั้งหมดของฟิล์มแน่นแผลความตึงเครียด และ savagely uncoils พวกเขา ไม่เกิดอะไรขึ้นกับเด็กชาย ที่ฉันจะบอกคุณได้ ได้ - สิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งหมดของมัน ก่อน และหลังดูตอนนี้Bruno (Asa Butterfield) เป็นเด็กเติบโตมาในบ้านสบายในเบอร์ลิน ประมาณค.ศ. 1940 พ่อของเขา (David Thewlis) ไปปิดที่สำนักทุกวัน เขาจะเป็นนาซี Bruno ไม่คิดว่า เกี่ยวกับที่มาก แต่เขาจะประทับใจมุมมองระดับพื้นดินของเขาของความสูงของพ่อของเขา วันหนึ่ง Bruno ได้รับข่าวสารไม่พึงประสงค์ที่พ่อของเขามีงานใหม่ และพวกเขาจะทั้งหมดจะย้ายไปประเทศมันจะเป็นฟาร์ม พ่อมั่นใจเขา สนุกมาก Bruno ไม่ต้องการออกจากการเล่นของเขาและบ้านของเขารักมาก ยายของเขา (แฮนค็อคนาง) ไม่อนุมัติอย่างใดอย่างหนึ่งของการย้าย ดูเหมือนว่า เธอไม่ชอบมาก แต่เด็กทำไม่สบายใจ โดยความตึงเครียดในครอบครัว และพยายามหนีมันมีบ้านหลังใหญ่ในประเทศ ล้อมรอบ ด้วยกำแพงสูง ดูทันสมัยเป็นไร่ และสิ้นเชิง เจ้าหน้าที่กองทัพมา และไป พวกเขาเติม ด้วยควันจะอภิปรายนโยบายและกระบวนการ Bruno สามารถดูไร่จากหน้าต่างห้องนอนของเขา ท่านถามพ่อว่าทำไมเกษตรกรจะสวมชุดนอนลาย พวกเขาให้เขาเหล่านั้นตอบว่าที่เฉพาะ เด็กอัจฉริยะเพื่อค้นหาตนเอง อย่างใดอย่างหนึ่งที่ฟาร์ม ลวดหนาม เบื้องหลังก็ตามเด็กที่เกี่ยวกับอายุของเขา ให้เพื่อน ผู้เยี่ยมชมบ่อยครั้งพวกเขาสามารถ ให้เด็กไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นเรื่อง Bruno ไม่ ในนวนิยาย 2007 หนุ่มของผู้ใหญ่ชื่อเดียวเครื่องบอกเรื่องราว โดยจอห์นเทิ ซึ่งกลายเป็นที่ขายดีที่สุด ฉันเรียนนวนิยายบอกมากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งเด็กคิดว่าเขาได้ยิน และรู้ แต่ฟิล์มโอนอ่อนในการแสดงที่เขาอยากนำเขานอกเหนือจาก "เด็กในตัวลายชุดนอน" คืออะไรเกี่ยวกับ มันเกือบจะดูเหมือนจะเป็นเรื่องการเป็นระเบียบของอังกฤษเหล่านั้นที่จะรู้วิธีการพูด และการทำงาน อังกฤษเหล่านั้น ใช่ นักแสดงพูด ด้วยสำเนียงภาษาอังกฤษคมชัด ซึ่งผมคิดว่า เป็นจริงมีประสิทธิภาพมากกว่าโดยการพูด ด้วยสำเนียงเยอรมัน หรือคำบรรยาย มัน dramatizes ทางการเยอรมันระดับมืออาชีพ internalized กฎของฮิตเลอร์ และถือว่าเป็นธุรกิจตามปกติ แผนภูมิ กราฟ ชื่อ ตำแหน่ง เครื่องแบบ โปรโมชั่น ประเมินผลงานวิธีสามารถคนอาชีพธรรมดาดำเนินในขั้นตอนนี้เป็นระเบียบเมื่อความชั่วร้าย ง่ายขึ้นเราคิดว่า ฉันเชื่อว่า ฉันยังคง obsess เกี่ยวกับการที่ผู้บริหารมีไม่กี่ที่รู้ว่า ทั้งบริษัท แบบ Ponzi ฉันไม่สามารถลืม railroader โอเรกอนได้เงินบำนาญของเขาถูกขโมย เสียงหัวเราะทหารมีผู้พูดติดตลกเกี่ยวกับฆ่าคุณยายกับแคลิฟอร์เนียของปลอม "วิกฤตพลังงาน" เมื่อใดก็ ตามที่ภักดีต่อองค์กรเป็นสำคัญมากกว่าศีลธรรมง่าย ๆ คุณจะพบการทำร้ายได้อย่างราบรื่นมีไม่อีกแล้วความชั่วร้ายระดับตั้งแต่ค.ศ. 1939-1945 แต่มีขนาดเล็กระดับมัธ สังหาร สงครามสร้างขึ้นตั้งอยู่และโฆษณาชวนเชื่อ ความล้มเหลวของสตปล้นคนหวังให้ครอบครัว บ้าน เงินบำนาญของพวกเขา งาน เงินฝากออมทรัพย์ของ มันเกิดขึ้นเนื่องจากการขจัดและสัญลักษณ์ของสถานะเป็นสำคัญกว่าสิ่งที่มันอ้างว่าได้ทำมีเหลือเรื่องของฉัน ไม่ใช่ "เด็กชายในชุดนอนลาย" ไม่เพียงเกี่ยวกับเยอรมนีในระหว่างสงคราม แม้ว่าเรื่องราวมันบอกจะทำในหลายวิธี มันเป็นระบบคุณค่าที่ยังมีชีวิตเช่นไวรัส ผมคิดว่า คนที่รับผิดชอบต่อวิกฤตเศรษฐกิจของเราถูก Nazis ไม่แน่นอน แต่แทนที่จะรวบรวมหลายร้อยล้านดอลลาร์ในรางวัลปฏิเสธกับตัวเองว่าที่พวกเขากำลังทำอะไร ต้องพวกเขาได้ถูกบังคับให้หนีไปปารากวัยในเรือดำน้ำ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มาร์คเฮอร์แมน "เด็กชายในชุดนอนลาย" ขึ้นอยู่กับผลกระทบที่มีประสิทธิภาพเกี่ยวกับเหตุผลและเมื่อมันโอนจุดของภาพยนตร์เรื่องนี้ในมุมมองของ เกือบทั้งหมดของวิธีการที่เราเห็นเหตุการณ์ผ่านสายตาของสดใสกล้า 8 ปี จากนั้นเราก็เริ่มที่จะมองผ่านสายตาของพ่อแม่ของเขา ทำไมและเมื่อการถ่ายโอนที่เกิดขึ้นรวบรวมทั้งหมดของหนังเรื่องนี้ความตึงเครียดแผลให้แน่นและทารุณ uncoils พวกเขา มันไม่ได้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กผู้ชายที่ฉันจะไม่บอกคุณ มันเป็น - ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทั้งหมดของมันก่อนและหลัง. ดูเลยบรูโน่ (เอเอสเอฟีลด์) เป็นเด็กที่เติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่แสนสบายในเบอร์ลินประมาณ 1940 พ่อของเขา (เดวิดธิวลิส) ออกไปสำนักงานทุกวัน เขาเป็นคนที่อย่างเป็นทางการของนาซี บรูโน่ไม่ได้คิดเกี่ยวกับการมากว่า แต่เขาก็ประทับใจกับมุมมองระดับพื้นดินของเขาของความสูงของพ่อของเขา วันหนึ่งบรูโน่ได้รับข่าวไม่พอใจที่พ่อของเขามีงานใหม่และพวกเขาทั้งหมดจะถูกย้ายไปยังประเทศ. มันจะเป็นฟาร์มพ่อแม่ของเขาสร้างความมั่นใจให้กับเขา ความสนุกสนานมากมาย. บรูโน่ไม่ต้องการที่จะออกจากของเล่นและบ้านของเขามากที่รักของเขา ยายของเขา (ชีล่าแฮนค็อก) ไม่เห็นด้วยกับการย้ายอย่างใดอย่างหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะมีจำนวนมากที่เธอไม่เห็น แต่เด็กจะทำไม่สบายใจจากความตึงเครียดในครอบครัวและพยายามที่จะหลบเลี่ยงมัน. มีบ้านหลังใหญ่ในประเทศที่ล้อมรอบด้วยกำแพงสูง มันดูสตาร์คและทันสมัยที่จะบ้านไร่ เจ้าหน้าที่กองทัพมาและไป พวกเขากรอกห้องพักที่มีควันที่พวกเขาอภิปรายนโยบายและขั้นตอน บรูโน่สามารถมองเห็นทุ่งนาจากหน้าต่างห้องนอนของเขา เขาถามว่าพ่อแม่ของเขาว่าทำไมเกษตรกรจะสวมใส่ชุดนอนลาย พวกเขาให้เขาเป็นหนึ่งในคำตอบที่เป็นข้อแก้ตัวที่เฉพาะไดรฟ์สมาร์ทเป็นเด็กที่จะหาตัวเอง. ที่ฟาร์มหลังลวดหนามเขาได้พบกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งเกี่ยวกับอายุของเขา พวกเขาทำให้เพื่อน พวกเขาเข้าชมได้บ่อยเท่าที่พวกเขาสามารถ เด็กอื่น ๆ ไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นใด ๆ มากกว่าบรูโน่ไม่ เรื่องราวของพวกเขาก็บอกว่าในนวนิยาย 2007 ผู้ใหญ่หนุ่มสาวที่มีชื่อเดียวกันโดยจอห์นบอยน์ซึ่งกลายเป็นผู้ขายที่ดีที่สุด ฉันได้เรียนรู้นวนิยายเรื่องนี้บอกเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่เด็กคิดว่าเขาได้ยินและรู้ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้คือไม่โอนอ่อนในการแสดงที่อยากรู้อยากเห็นของเขานำเขา. อื่น ๆ กว่าสิ่งที่ "เด็กชายในชุดนอนลาย" เป็นเรื่องเกี่ยวกับมันเกือบจะดูเหมือนว่าจะมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย เรื่องราวของอังกฤษผู้ที่เคยรู้วิธีการพูดและประพฤติ อังกฤษเหล่านั้นหรือไม่ ใช่นักแสดงพูดด้วยสำเนียงอังกฤษที่คมชัดซึ่งผมคิดว่าเป็นจริงมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าที่มีพวกเขาพูดด้วยสำเนียงเยอรมันหรือในคำบรรยาย มันดราวิธีการระดับมืออาชีพเยอรมัน internalized กฎของฮิตเลอร์และถือว่าเป็นธุรกิจตามปกติ แผนภูมิกราฟชื่อตำแหน่งเครื่องแบบโปรโมชั่นการประเมินผลการปฏิบัติงาน. วิธีการที่คนมืออาชีพธรรมดาสามารถดำเนินการต่อไปในชีวิตประจำระเบียบนี้เมื่อธุรกิจของพวกเขาเป็นความชั่วร้าย? ง่ายกว่าที่เราคิดว่าผมเชื่อว่า ฉันยังคงครอบงำเกี่ยวกับผู้บริหารระดับสูง Enron ไม่กี่คนที่รู้ว่าทั้ง บริษัท เป็นโครงการ Ponzi ฉันไม่สามารถลืมรถไฟสถานีโอเรกอนที่ได้เงินบำนาญของเขาถูกขโมย เสียงหัวเราะของทหารที่ Enron ติดตลกเกี่ยวกับการฆ่ายายแคลิฟอร์เนียปลอมของพวกเขา "วิกฤตพลังงาน." เมื่อใดก็ตามที่ความจงรักภักดีต่อองค์กรเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าศีลธรรมง่ายที่คุณจะได้พบกับความชั่วร้ายทำงานได้อย่างราบรื่น. ไม่เคยมีความชั่วร้ายอีกครั้งโย 1939-1945 แต่ได้มีการมีขนาดเล็กระดับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ฆาตกรรมหมู่ สงครามที่เกิดขึ้นจากการโกหกและการโฆษณาชวนเชื่อ ความผิดพลาดของ Wall Street ปล้นคนของการออมของพวกเขาเงินบำนาญของพวกเขาบ้านของพวกเขางานของพวกเขาหวังของพวกเขาในการให้บริการสำหรับครอบครัวของพวกเขา มันเกิดขึ้นเพราะระบบราชการและสัญลักษณ์สถานะกลายเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าสิ่งที่มันถูกกล่าวหาว่าทำ. มีผมออกจากเรื่องของฉันได้อย่างไร ฉันไม่คิดอย่างนั้น "เด็กชายในชุดนอนลาย" ไม่ได้เป็นเพียงเกี่ยวกับเยอรมนีในช่วงสงครามแม้ว่าเรื่องจะบอกคืออกหักในมากกว่าหนึ่งวิธี มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับระบบค่าที่มีชีวิตอยู่เช่นไวรัส ฉันคิดว่าคนที่มีความรับผิดชอบสำหรับวิกฤตทางเศรษฐกิจของเราเป็นพวกนาซี? ไม่แน่นอน แต่แทนที่จะเก็บรวบรวมหลายร้อยล้านดอลลาร์ในรางวัลสำหรับการปฏิเสธตัวเองว่าสิ่งที่พวกเขากำลังทำฉันหวังว่าพวกเขาได้รับการบังคับให้หนีไปปารากวัยในเรือดำน้ำ