Polycrystalline Diamond has many mo

Polycrystalline Diamond has many more cutting surfaces per particle, resulting in higher removal rates. As it cuts, it breaks down in its original shape, allowing for finer finishes in less time than when using monocrystalline diamond. Because polycrystalline has no cleavage planes, it cannot splinter like monocrystalline diamond. It causes less sub-surface deformation, and is excellent when polishing samples composed of different materials/hardness.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

คเพชรมีหลายพื้นผิวตัดเพิ่มเติมต่ออนุภาค ผลในอัตราสูงการกำจัด เป็นตัด มันหยุดพักลงในรูปทรงเดิม เพื่อให้สามารถปลีกย่อยเสร็จสิ้นในเวลาน้อยกว่าเมื่อใช้ monocrystalline เพชร เพราะคมีเครื่องบินไม่มีความแตกแยก มันไม่สามารถ splinter เช่น monocrystalline เพชร มันทำให้เกิดความผิดปกติที่พื้นผิวย่อยน้อย และยอดเยี่ยมเมื่อขัดตัวอย่างประกอบด้วยวัสดุที่แตกต่าง/ความแข็ง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เพชรมีหลายพื้นผิวการตัดต่ออนุภาคที่เกิดขึ้นในอัตราที่สูงกว่าการกำจัด ในขณะที่มันตัดแบ่งลงในรูปทรงเดิมเพื่อให้เสร็จสิ้นปลีกย่อยในเวลาน้อยกว่าเมื่อใช้เพชร monocrystalline เพราะไม่เคยมีใคร polycrystalline เครื่องบินแตกแยกก็ไม่สามารถสะเก็ดเหมือนเพชร monocrystalline มันทำให้เกิดการเปลี่ยนรูปพื้นผิวย่อยน้อยลงและเป็นที่ยอดเยี่ยมเมื่อขัดตัวอย่างประกอบด้วยวัสดุที่แตกต่างกัน / ความแข็ง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผลึกเพชรมีหลายหน้าตัดต่ออนุภาค ส่งผลให้อัตราการสูงขึ้น มันตัด มันแบ่งลงในรูปร่างเดิม ให้ทำเสร็จในเวลาน้อยกว่าเมื่อใช้ monocrystalline เพชร เพราะเป็นของไม่มีเครื่องบินแตกแยก มันไม่ได้เศษเหมือน monocrystalline เพชร มันทำให้น้อยย่อยพื้นผิวการเสียรูป และเป็นเลิศ เมื่อขัดจำนวนวัสดุความแข็งที่แตกต่างกัน