An innovative approach that has bee

An innovative approach that has been receiving attention in recent years is motivational interviewing; increasing research shows its positive effect on behavioral change. This approach is a reference-centered modality, presented in the form of instructions for reinforcing and enhancing the intrinsic motivation for behavioral change through discovery, identification, and resolving doubts and ambivalence. Motivational interviewing was first described by Miller in 1938, and then further developed by Miller and Rollnick (1991) as an intervention and shortterm treatment for alcoholism in cases where the patient’s lack of motivation was a barrier to treatment. Owing to the positive therapeutic effects of this approach, it quickly spread to other health promotion domains in which behavioral change was an important factor and patient motivation was a common impediment to change. The main goal of motivational interviewing is increasing the intrinsic motivation for change. Intrinsic motivation mainly originates from personal objectives and individual values rather than extrinsic sources like reinforcement or obligatory change. External pressure induces resistance and reduces the inclination to change or
continue to change. In contrast, this motivational approach facilitates behavioral change through an interactive process in two stages, creating internal motivation and reinforcing the commitment to change, rather than through reasoning, providing information, advice or encouragement, or through obligation. Research shows that the motivational interviewing method is superior over traditional education and therapeutic recommendations, for a wide range of behavioral issues. This modality has been successfully used for difficult or demanding interventions; motivation enhancement; treatment program completion; and to increase the effectiveness of routine practices for health behavior change.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นวัตกรรมที่ได้รับความสนใจในปีที่จะสร้างแรงบันดาลใจสัมภาษณ์ เพิ่มงานวิจัยแสดงผลบวกในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม วิธีนี้เป็นการอ้างอิงกลางกิริยา นำเสนอในรูปของคำแนะนำเสริมแรง และเสริมสร้างแรงจูงใจที่แท้จริงสำหรับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผ่านการค้นพบ รหัส และการแยกรายละเอียดข้อสงสัย และเอา สร้างแรงบันดาลใจในการสัมภาษณ์ก่อน อธิบาย โดยมิลเลอร์ในปี 1938 และจากนั้น พัฒนา โดยมิลเลอร์และ Rollnick (1991) เป็นการแทรกแซงและระยะสั้นการรักษาสำหรับโรคพิษสุราเรื้อรังในกรณีที่ผู้ป่วยขาดแรงจูงใจเป็นอุปสรรคต่อการรักษา เนื่องจากบวกผลการรักษาของวิธีการนี้ มันได้อย่างรวดเร็วแพร่กระจายไปยังโดเมนโปรโมชั่นสุขภาพอื่น ๆ ที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเป็นปัจจัยสำคัญ และจูงใจผู้ป่วย นจะมีทั่วไปในการเปลี่ยนแปลง เป้าหมายหลักของการสร้างแรงบันดาลใจในการสัมภาษณ์จะเพิ่มแรงจูงใจที่แท้จริงสำหรับการเปลี่ยนแปลง แรงจูงใจที่แท้จริงส่วนใหญ่เกิดจากวัตถุประสงค์ส่วนบุคคล และแต่ละค่า มากกว่าแหล่งละเลยเช่นการเสริมแรงหรือเปลี่ยนแปลงบังคับ ความดันภายนอกก่อให้เกิดความต้านทาน และลดความโน้มเอียงที่จะเปลี่ยนแปลง หรือcontinue to change. In contrast, this motivational approach facilitates behavioral change through an interactive process in two stages, creating internal motivation and reinforcing the commitment to change, rather than through reasoning, providing information, advice or encouragement, or through obligation. Research shows that the motivational interviewing method is superior over traditional education and therapeutic recommendations, for a wide range of behavioral issues. This modality has been successfully used for difficult or demanding interventions; motivation enhancement; treatment program completion; and to increase the effectiveness of routine practices for health behavior change.

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วิธีการใหม่ที่ได้รับความสนใจ ใน ปี ล่าสุด คือ แรงจูงใจสัมภาษณ์ เพิ่มการวิจัยแสดงผลในเชิงบวกของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม วิธีการนี้คือการอ้างอิง กึ่งกลาง กิริยาที่นำเสนอในรูปแบบของคำแนะนำสำหรับการเสริมสร้างและเพิ่มแรงจูงใจสำหรับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยการระบุและการแก้ไขปัญหาสงสัยและไม่แน่ใจ แรงจูงใจสัมภาษณ์ถูกรายงานครั้งแรกโดยมิลเลอร์ในปี 1938 และพัฒนาต่อไปโดยมิลเลอร์และ rollnick ( 1991 ) เป็นการแทรกแซงและการรักษาสำหรับโรคุในกรณีที่คนไข้ขาดแรงจูงใจเป็นอุปสรรคในการรักษา เพราะการรักษาในเชิงบวกของวิธีการนี้ มันแพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปยังโดเมนอื่น ๆซึ่งในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพเป็นปัจจัยที่สำคัญและแรงจูงใจของผู้ป่วยมีอุปสรรคร่วมกันเปลี่ยน เป้าหมายหลักของแรงจูงใจสัมภาษณ์คือ เพิ่มแรงจูงใจ เพื่อการเปลี่ยนแปลง แรงจูงใจภายใน ส่วนใหญ่มาจากวัตถุประสงค์ส่วนบุคคลและความสำคัญมากกว่าแหล่งภายนอกเช่นการเสริมแรงหรือบังคับเปลี่ยน ความดันภายนอก induces ต้านทาน และลดความโน้มเอียงที่จะเปลี่ยนหรือเปลี่ยนไปเรื่อย ในทางตรงกันข้าม วิธีการสร้างแรงจูงใจในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนี้ผ่านกระบวนการแบบสองขั้นตอน , การสร้างแรงจูงใจภายในและเสริมสร้างความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนมากกว่าผ่านการใช้เหตุผล การให้ข้อมูล คำแนะนำ หรือให้กำลังใจ หรือข้อผูกมัด การวิจัยแสดงให้เห็นว่าแรงจูงใจสัมภาษณ์ เป็นวิธีที่เหนือกว่าการศึกษาแบบดั้งเดิมและแนะนำการรักษาที่หลากหลายของปัญหาพฤติกรรม กิริยานี้ได้รับการใช้ประสบความสำเร็จในการแทรกแซงยาก หรือต้อง การเสริมสร้างแรงจูงใจ การรักษาเสร็จสิ้นโปรแกรม และเพื่อเพิ่มประสิทธิผลของการฝึกเพื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ