The numbers of people living legall

The numbers of people living legally in Bangkok City of Thailand has been estimated at 10 million, with about the same amount of people living there illegally. Thus, the total population living in the huge city of Bangkok is estimated at about 20 million population. This accounts for the daily community garbage of about 10,000 tons and wastewater of 4 MCM draining through 117 canals to Chao Phraya River and finally to the sea at the Gulf of Thailand. Due to the urban location on flatland there is one m MSL with the coverage area of 1200 km 2 . Despite a drainage system of 117 canals, the wastewater moves with difficulty from canals to the public Chao Phraya River. Then after that, the wastewater quality worsens with some evidences of black color and unpleasant smell. A key issue is that the water-borne diseases were found in every canal in the same degree as the urban drainage system. At the present time, the wastewater has been analyzed by many government agencies and they have found the same results as class 5 water quality, which indicated it could not be utilized for any purposes, except for transportation. In fact, the findings revealed that the wastewater elements could be identified as having high organic contents of BOD, COD, VOCs, total solids, suspended solids, very low dissolved oxygen, high concentration of heavy metals, etc. Such results traced the point sources as being the dense households and numerous numbers of active industrial factories. It could be seen that all those pollutants would contaminate Chao Phraya River and the Gulf of Thailand one way or another. Unfortunately, the lifestyle of Thai people depends upon the river water, meaning that the problems cannot be avoided. The above situation has been realized among Bangkok dwellers, especially H.M. the King Bhumibol, who introduced a means to treat such wastewater to better quality before draining it into public water sources such as the Chao Phraya River. In order to achieve the promising outcomes from an academic point of view, H.M. the King selected Bueng Makkasan Reservoir as the study area for wastewater inputs from the main canals and also from the repair factory belonging to the Royal Railways of Thailand. H.M. the King explained the study area of Bueng Makkasan pond as the kidney of Bangkok: It functions as a recycling system to treat wastewater so that they can be utilized for specific purposes such as crop cultivation, etc. In this recycling system, H.M. the King designated aquatic plants such as water hyacinth as withdrawing directly some toxic elements and decreasing indirectly organic substances. Fol- lowing treatment, the dead water hyacinth could be made into organic fertilizer. This paper was condensed from research reports in Thai original reports (printed during 1987–1990) as shown in the Appendix A. (1) to present the Royal knowledge of applying water hyacinth in terms of phytoremediation to extract the toxic elements in Bangkok wastewater. (2) to study the efficiency of wastewater treatment by water hyacinth. (3) to set aside water-hyacinth growing and harvesting in the wastewater reservoir for gaining the best benefits of biological treatment.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตัวเลขของคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ของกฎหมายได้รับการประเมินที่ 10 ล้าน มีจำนวนเท่ากับคนอาศัยอยู่อย่างผิดกฎหมาย ดังนั้น ประมาณจำนวนประชากรที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ที่ประชากรประมาณ 20 ล้าน จัดเป็นขยะชุมชนประจำวันประมาณ 10,000 ตันและน้ำเสียของ MCM 4 ระบายน้ำผ่านคลอง 117 ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และในที่สุดสู่ทะเลที่อ่าวไทย เนื่องจากที่ตั้งเมืองในหล่มสัก มีหนึ่งเมตร MSL มีพื้นที่ครอบคลุมของ 1200 km 2 แม้ มีระบบระบายน้ำของคลอง 117 น้ำเสียไป ด้วยความยากลำบากจากคลองสาธารณะเจ้าพระยา แล้ว หลังจากนั้น คุณภาพน้ำเสียเลวร้าย ด้วยหลักฐานบางอย่างของสีดำและไม่มีกลิ่นเหม็น ปัญหาหลักคือ โรคน้ำพัดพาพบในคลองทุกในระดับเดียวกับระบบระบายน้ำในเมือง ในปัจจุบัน น้ำเสียได้รับการวิเคราะห์ โดยหลายหน่วยงานของรัฐบาล และว่าผลเดียวกันเป็นระดับ 5 คุณภาพของน้ำ ซึ่งระบุอาจไม่สามารถใช้สำหรับวัตถุประสงค์ ยกเว้นการขนส่ง ในความเป็นจริง ผลการวิจัยเปิดเผยว่า สามารถระบุองค์ประกอบของน้ำเสียมีสูงอินทรีย์เนื้อหาของ BOD, COD, VOCs ของเหลว แข็ง ออกซิเจนละลายน้ำต่ำมาก เข้มข้นโลหะหนัก ฯลฯ ผลลัพธ์ดังกล่าวติดตามแหล่งจุดเป็น ครัวเรือนหนาแน่นและจำนวนโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้งานอยู่มากมาย มันอาจจะเห็นว่า มลพิษเหล่านั้นจะปนเปื้อนแม่ น้ำเจ้าพระยา และอ่าวไทยทางเดียว หรืออื่น อับ วิถีชีวิตของคนไทยขึ้นอยู่กับน้ำในแม่น้ำ หมายความ ว่า ไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหา สถานการณ์ข้างต้นได้เกิดระหว่างอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระองค์ ที่นำวิธีการบำบัดดังกล่าวมีคุณภาพดีกว่าก่อนที่จะระบายลงแหล่งน้ำสาธารณะเช่นแม่น้ำเจ้าพระยา เฉลิมพระ เพื่อให้บรรลุผลจากการศึกษามุมมองของแนวโน้ม หัวฯ เลือกบึงมักกะสันอ่างเก็บน้ำเป็นพื้นที่ศึกษาสำหรับปัจจัยการผลิตน้ำเสีย จากคลองหลัก และ จากโรงงานซ่อมเป็นของรถไฟรอยัลไทย หัวฯ อธิบายพื้นที่ศึกษาของบ่อบึงมักกะสันเป็นไตของกรุงเทพมหานคร: ฟังก์ชันเป็นระบบรีไซเคิลเพื่อบำบัดเพื่อให้พวกเขาสามารถใช้สำหรับเฉพาะ purposes เช่นพืชเพาะปลูก ฯลฯ ในระบบนี้รีไซเคิล หัวฯ กำหนดพืชน้ำเช่นผักตบชวาเป็นการถอนโดยตรงบางองค์ประกอบที่เป็นพิษ และลดสารอินทรีย์ทางอ้อม Fol - รักษาควายเหล็ก ผักตบชวาตายสามารถทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์ เอกสารนี้เป็นแบบยจากรายงานการวิจัยในไทยรายงานต้นฉบับ (พิมพ์ในระหว่างปี 1987-1990) ดังแสดงในภาคผนวกก.. (1) นำเสนอความรู้รอยัลของการใช้ผักตบชวาในแง่ phytoremediation การแยกองค์ประกอบเป็นพิษในน้ำเสียกรุงเทพมหานคร (2) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของการบำบัดน้ำเสีย ด้วยผักตบชวา (3) ตั้งไว้ผักตบชวาเติบโต และเก็บเกี่ยวในถังบำบัดน้ำเสียรับประโยชน์ที่ดีที่สุดของการบำบัดทางชีวภาพ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตัวเลขของคนที่อาศัยอยู่ถูกต้องตามกฎหมายในกรุงเทพแห่งประเทศไทยได้รับการประเมิน 10 ล้านบาทโดยมีเกี่ยวกับจำนวนเดียวกันของคนที่อาศัยอยู่ที่นั่นอย่างผิดกฎหมาย ดังนั้นประชากรทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ของกรุงเทพฯประมาณ 20 ล้านประชากร บัญชีนี้สำหรับขยะในชีวิตประจำวันของชุมชนประมาณ 10,000 ตันและน้ำเสียจาก 4 MCM ระบายน้ำผ่าน 117 คลองริมแม่น้ำเจ้าพระยาและในที่สุดก็ไปในทะเลที่อ่าวไทย เนื่องจากการตั้งเมืองใน Flatland มี MSL มหนึ่งที่มีพื้นที่ครอบคลุม 1200 กิโลเมตร 2 แม้จะมีระบบระบายน้ำ 117 คลองน้ำเสียเคลื่อนที่ไปพร้อมกับความยากลำบากจากคลองให้ประชาชนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วหลังจากที่มีคุณภาพน้ำทิ้งแย่ลงด้วยหลักฐานที่มีสีดำและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์บางอย่าง ปัญหาที่สำคัญคือโรคน้ำที่มีเชื้อที่พบในทุกคลองในระดับเดียวกับระบบระบายน้ำในเมือง ในช่วงเวลาปัจจุบันน้ำเสียที่ได้รับการวิเคราะห์โดยหน่วยงานราชการจำนวนมากและพวกเขาได้พบผลเช่นเดียวกับรุ่นที่ 5 ที่มีคุณภาพน้ำซึ่งระบุว่าไม่สามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ ยกเว้นสำหรับการขนส่ง ในความเป็นจริงผลการวิจัยพบว่าองค์ประกอบของน้ำเสียที่อาจจะระบุว่ามีเนื้อหาอินทรีย์สูงของ BOD, COD, VOCs ของแข็งรวม, สารแขวนลอย, ออกซิเจนละลายน้ำต่ำมากความเข้มข้นสูงของโลหะหนัก ฯลฯ ผลดังกล่าวตรวจสอบแหล่งที่มาของจุด ในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการที่มีความหนาแน่นและตัวเลขต่าง ๆ นานาของโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้งาน มันอาจจะเห็นได้ว่าสารมลพิษเหล่านั้นทั้งหมดจะปนเปื้อนในแม่น้ำเจ้าพระยาและอ่าวไทยหรืออีกวิธีหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่การดำเนินชีวิตของคนไทยขึ้นอยู่กับน้ำในแม่น้ำที่มีความหมายว่าปัญหาที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ สถานการณ์ดังกล่าวข้างต้นได้รับการตระหนักในหมู่ชาวกรุงเทพฯโดยเฉพาะอย่างยิ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลผู้แนะนำวิธีการบำบัดน้ำเสียดังกล่าวเพื่อให้มีคุณภาพดีขึ้นก่อนที่จะระบายน้ำลงในแหล่งน้ำสาธารณะเช่นแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้บรรลุผลที่มีแนวโน้มจากจุดทางวิชาการในมุมมองของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เลือกบึงอ่างเก็บน้ำมักกะสันเป็นพื้นที่ศึกษาปัจจัยการผลิตน้ำเสียจากคลองหลักและยังมาจากโรงงานซ่อมแซมที่อยู่ในกองการรถไฟแห่งประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอธิบายพื้นที่ศึกษาของบ่อบึงมักกะสันเป็นไตกรุงเทพฯ: มันทำหน้าที่เป็นระบบรีไซเคิลการบำบัดน้ำเสียเพื่อให้พวกเขาสามารถนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะเช่นการเพาะปลูกพืชอื่น ๆ ในระบบรีไซเคิลนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กำหนดพืชน้ำเช่นผักตบชวาเป็นถอนโดยตรงองค์ประกอบที่เป็นพิษบางส่วนและลดสารอินทรีย์ทางอ้อม การรักษาของผูควายเหล็กที่ผักตบชวาตายอาจจะทำให้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ กระดาษนี้ถูกควบแน่นจากรายงานการวิจัยในรายงานเดิมไทย (พิมพ์ในช่วง 1987-1990) ดังที่แสดงในภาคผนวก (1) ที่จะนำเสนอความรู้เกี่ยวกับพระราชของการใช้ผักตบชวาในแง่ของการบำบัดเพื่อแยกองค์ประกอบที่เป็นพิษในกรุงเทพฯน้ำเสีย (2) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพการบำบัดน้ำเสียจากผักตบชวา (3) การตั้งสำรองน้ำผักตบชวาการเจริญเติบโตและเก็บเกี่ยวในอ่างเก็บน้ำน้ำเสียสำหรับการดึงดูดประโยชน์ที่ดีที่สุดของการรักษาทางชีวภาพ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตัวเลขของผู้คนที่อาศัยอยู่อย่างถูกต้องตามกฎหมายในเมืองกรุงเทพฯประเทศไทยได้ประมาณ 10 ล้านบาท กับจำนวนเดียวกันของผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่อย่างผิดกฎหมาย ดังนั้น ประชากรทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ของกรุงเทพฯ คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 20 ล้านคน นี้บัญชีสำหรับทุกวันประมาณ 10 , 000 ตัน และขยะชุมชน น้ำเสีย 4 ล้านลูกบาศก์เมตร คลองระบายผ่าน 117 แม่น้ำเจ้าพระยาและในที่สุดสู่ทะเลที่อ่าวไทย เนื่องจากที่ตั้งของเมืองต่อ Flatland มีม. MSL กับพื้นที่ครอบคลุม 1 , 200 กม. 2 แม้จะเป็นระบบระบายน้ำในคลองน้ำเสีย 117 , ย้ายยาก จาก คลองสาธารณะ แม่น้ำเจ้าพระยา หลังจากนั้น คุณภาพน้ำเลวร้ายกับหลักฐานบางส่วนของสีดำและไม่เหม็น ปัญหาสำคัญคือว่า เชื้อโรคที่พบในทุกคลองในระดับเดียวกับระบบระบายน้ำของเมือง ปัจจุบัน การบำบัดน้ำเสีย ได้ถูกวิเคราะห์โดยหน่วยงานของรัฐหลายและพวกเขาได้พบผลลัพธ์เดียวกันเป็น 5 ชั้นคุณภาพน้ำที่พบไม่สามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆยกเว้นสำหรับการขนส่ง ในความเป็นจริง พบว่า น้ำเสียองค์ประกอบอาจจะระบุว่ามีสูง อินทรีย์ ปริมาณ BOD , COD , สารอินทรีย์ระเหยง่าย ของแข็งทั้งหมด ของแข็งแขวนลอย ออกซิเจนละลายในน้ำต่ำมาก ความเข้มข้นสูงของโลหะหนัก ฯลฯ ผลดังกล่าวตรวจสอบจุดแหล่งที่มาเป็นครอบครัวและตัวเลขหนาแน่นมากมายของโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้งานอยู่ จะเห็นว่าทั้งหมดเหล่านั้นจะปนเปื้อนมลพิษแม่น้ำเจ้าพระยาและอ่าวไทย หรืออีกวิธีหนึ่ง ขออภัย วิถีชีวิตของคนไทยขึ้นอยู่กับแม่น้ำ หมายความว่าปัญหาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สถานการณ์ข้างต้น ถูกค้นพบในเขตที่อาศัยอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ภูมิพล ที่แนะนำวิธีการรักษา เช่น น้ำเสีย เพื่อคุณภาพที่ดีกว่าก่อนที่จะระบายสู่แหล่งน้ำสาธารณะ เช่น แม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้บรรลุผลลัพธ์สัญญาจากจุดศึกษาในมุมมองของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่บึงมักกะสัน เป็นอ่างเก็บน้ำ พื้นที่ศึกษาในน้ำเสียจากคลองหลัก และปัจจัยการผลิตจากโรงงานซ่อมเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ศึกษาพื้นที่ของบึงมักกะสันเป็นบ่อไตของกรุงเทพมหานคร : มันหน้าที่เป็นรีไซเคิลระบบเยียวยาน้ำเสียเพื่อให้พวกเขาสามารถถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ เช่น การปลูกพืช ฯลฯ ในการรีไซเคิลระบบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เขตพืชน้ำ เช่น ผักตบชวา เช่น เบิกจ่ายโดยตรงบางองค์ประกอบที่เป็นพิษ และลด ทางอ้อม อินทรีย์สาร สีขาว - lowing รักษา ผักตบชวาตายอาจจะกลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ กระดาษนี้ถูกย่อจากรายงานวิจัยในรายงานฉบับภาษาไทย ( พิมพ์ในช่วงปี 2530 - 2533 ) ดังแสดงในภาคผนวก ก. ( 1 ) นำเสนอความรู้ฯ การใช้ผักตบชวาเป็นวัชพืชเพื่อสกัดองค์ประกอบที่เป็นพิษ ในเขตกรุงเทพมหานคร ( 2 ) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพการบำบัดน้ำเสียด้วยผักตบชวา ( 3 ) ตั้งผักตบชวาการเจริญเติบโตและการเก็บเกี่ยวในน้ำอ่างเก็บน้ำเพื่อได้รับประโยชน์ที่ดีที่สุดของการรักษาทางชีวภาพ