ประวัติของเทียน
ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ มนุษย์ยังไม่มีการรู้จักใช้ไฟ
รู้จักเพียงแต่ความมืดในเวลากลางคืน และความสว่างในเวลากลางวัน
ต่อมาเริ่มรู้จักการใช้ไม้มาเสียดสีกันให้ได้ความร้อน แล้วเกิดเป็นเปลวไฟเกิดขึ้น
และเริ่มใช้ไฟมาหุงหาอาหาร ให้แสงสว่าง และป้องกันภัยจากสัตว์ร้ายต่างๆ
และวิวัฒนาการก้อได้เริ่มพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง เริ่มมีการใช้คบเพลิง
เพื่อเป็นการให้แสง ส่องสว่าง มีการประยุกต์นำมาใช้เป็นการติดต่อสื่อสารในระยะไกล
จะเห็นได้จากไฟในประภาคาร ที่มีการติดต่อสื่อสารระหว่างยามฝั่งกับเรือ
และให้สัญญาณต่างๆระหว่างภูเขาแต่ละลูก
โดยมีรหัสที่เข้าใจตามแต่จะตกลงกันในสมัยนั้น
จะเห็นได้ว่ามนุษย์ได้มีการใช้ไฟเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน
และต่อมาในสมัยศตวรรษที่ 19 ได้มีการนำเทียนเข้ามาเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมเป็นอย่างมาก
เนื่องจากไฟ มีเป็นสัญลักษณ์ของการเผาผลาญ และความโชติช่วงชัชวาลย์
และมนุษย์บางเผ่าในสมัยนั้นนับถือให้เป็นเทพไฟ
มีการบวงสรวงและประกอบพิธีกรรมทาง ศาสนา
หรือตามแต่ความเชื่อ จะเห็นได้จาก พิธีการแต่งงาน ซึ่งมีความหมายของการเริ่มต้น
แสงแห่งเปลวเทียนจะนำทางไปสู่ความสว่างไสวในชีวิตคู่
ชาวอเมริกันนิยมนำเทียนมาประดับประดาบนโต๊ะอาหาร
แสดงถึงฐานะ ความภูมิฐาน และมีรสนิยม และเพื่อให้เกิดความสว่างไสว
อีกทั้งแสงสว่างของเทียน สามารถสร้างบรรยากาศ และดูสวยงามอีกด้วย
ในปัจจุบันได้มีการประยุกต์ให้นอกจากเทียนมีความสวยงามแล้ว
ยังมีการนำกลิ่นหอม หรือน้ำมันหอมละเหยมาผสมเพื่อให้ได้กลิ่นตามต้องการ
และนอกจากนี้ กลิ่นน้ำมันหอมละเหยนี้ มีคุณสมบัติพิเศษซึ่งแตกต่างกันออกไป เช่น
บางชนิดสามารถที่จะรักษาโรคได้ แก้อาการเครียด และทำให้ร่างกายผ่อนคลาย
กลิ่นบางชนิด สามารถไล่ยุงได้ น้ำมันหอมละเหยเหล่านี้ได้มาจากการสกัดจากพืช
และสมุนไพรทางธรรมชาติ และบางชนิดได้มาจากการสังเคราะห์
ซึ่งในปัจจุบันได้รับความนิยม ด้วยคุณลักษณะที่เป็นสิ่งที่ได้จากธรรมชาติ
และช่วยรักษาสุภาพ ราคาไม่แพง เหมาะที่จะนำไปเป็นของขวัญ
ของที่ระลึกฝากคนที่คุณรัก เพื่อแสดงความห่วงใยต่อสุขภาพของคนที่คุณรัก
แสงสว่าง นับว่าเป็นหนึ่งในสิ่งที่จำเป็นมากต่อมนุษย์
และแสงสว่างนี้ก็ถือกำเนิดมานานมากแล้ว
นับได้ว่าแสงสว่างจะมีในทุกๆที่ที่มีมนุษย์อาศัยอยู่ มนุษย์ (บรรพบุรุษสุดฉลาด)
ก็ได้คิดหาวิธีที่จะให้กำเนิดแสงสว่างที่นอกเหนือจากดวงอาทิตย์
ที่เป็นแหล่งพลังงานความร้อนและพลังงานแสงที่ใหญ่ที่สุด
จนบังเกิดเทียนที่ให้แสงสว่างหลักๆ ในยามค่ำคืนแก่มนุษย์ในอดีต
แต่ในปัจจุบันเทียนไขก็ยังคงเป็นอุปกรณ์ที่ให้แสงสว่างแก่มนุษย์อยู่ดี
ถึงแม้ว่าวิวัฒนาการจะก้าวหน้ามากขึ้นอย่างรวดเร็ว และมนุษย์มีไฟฟ้าใช้
แต่ในยามที่ไฟฟ้าดับ เทียนไขเพื่อนยากก็เป็นที่พึ่งที่คอยส่องแสงสว่างสุกใสให้แก่มนุษย์
นอกจากเทียนไขจะให้แสงสว่างในบ้านในยามไม่มีแสงสว่างจากไฟฟ้าแล้ว
เทียนไขยังมีความสามารถที่จำเป็นมากในทางด้านพระพุทธศาสนา
เพราะจะเห็นได้ว่ามนุษย์ชาวพุทธมักจะใช้เทียนไขจุดก่อนไหว้พระ
และมีการถวายเทียนพรรษาแด่วัดต่างๆในวันเข้าพรรษา
จะเห็นได้เด่นชัดเลยทีเดียวว่า เทียนมีความสำคัญมาก
แต่วิวัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้เทียนมีการสร้างสรรค์ลูกเล่นต่างๆ
ลงไปในเทียน หนึ่งในนั้นก็มีวิธีการใส่น้ำหอมให้
เทียนเกิดกลิ่นที่หอมบางๆเวลาที่ถูกไฟจุดที่ไส้เทียนสีขาวนวล
ประโยชน์ที่กล่าวมาข้างต้นจึงนับเป็นประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ของเทียน
แต่นอกจากนั้นแล้ว เทียนที่มีกลิ่นหอมของเรานั้นตีตลาด
การเปิดสถานบริการนวดแผนต่างๆ และสปา ที่หลายๆคนคงจะเคยได้ยินกัน