In Chapter 12, we used the Nash equ

In Chapter 12, we used the Nash equilibrium to study output and pricing by
oligopolistic firms. In the Cournot model, for example, each firm sets its own
output while taking the outputs of its competitors as fixed. We saw that in a
Cournot equilibrium, no firm has an incentive to change its output unilaterally
because each firm is doing the best it can given the decisions of its competitors.
Thus a Cournot equilibrium is a Nash equilibrium.6
We also examined models
in which firms choose price, taking the prices of their competitors as fixed.
Again, in the Nash equilibrium, each firm is earning the largest profit it can
given the prices of its competitors, and thus has no incentive to change its price.
It is helpful to compare the concept of a Nash equilibrium with that of an
equilibrium in dominant strategies:

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในบทที่ 12 เราใช้สมดุลของแนชในการศึกษาการส่งออกและการกำหนดราคาโดย
บริษัท ผู้ขายน้อยราย ในรูปแบบ Cournot ตัวอย่างเช่น บริษัท
แต่ละชุดของตัวเองส่งออกในขณะที่การเอาท์พุทของคู่แข่งเป็นคงที่ เราเห็นว่าในภาวะสมดุล Cournot บริษัท ไม่ได้มีแรงจูงใจที่จะเปลี่ยนการส่งออกเพียงฝ่ายเดียวเพราะแต่ละบริษัท จะทำสิ่งที่ดีที่สุดที่จะสามารถได้รับการตัดสินใจของคู่แข่ง. ดังนั้นสมดุล Cournot เป็น equilibrium.6 แนชนอกจากนี้เรายังตรวจสอบรุ่นที่บริษัท เลือกราคาการใช้ราคาของคู่แข่งของพวกเขาเป็นคงที่. อีกครั้งในสมดุลของแนช, แต่ละ บริษัท มีรายได้ผลกำไรที่ใหญ่ที่สุดที่จะสามารถกำหนดราคาของคู่แข่งและทำให้มีแรงจูงใจในการเปลี่ยนแปลงราคาของมัน. มันจะมีประโยชน์ในการ เปรียบเทียบแนวคิดของสมดุลของแนชกับที่ของที่สมดุลในกลยุทธ์ที่โดดเด่น:

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในบทที่ 12 เราใช้สมดุลของแนชเพื่อศึกษาผลผลิตและราคา โดยบริษัท oligopolistic
. ใน cournot รุ่น ตัวอย่างเช่น แต่ละบริษัทชุดผลลัพธ์ของตัวเอง
ขณะที่ผลผลิตของคู่แข่งอย่างถาวร เราเห็นใน
cournot สมดุล ไม่มั่นคง มีแรงจูงใจที่จะเปลี่ยนการแสดงผลของฝ่ายเดียว
เพราะแต่ละบริษัทกำลังทำให้ดีที่สุด มันสามารถได้รับการตัดสินใจของคู่แข่ง
ดังนั้น cournot สมดุลเป็นสมดุลของแนช . 6

เรายังตรวจสอบรุ่นที่ บริษัท เลือกราคา จดราคาของคู่แข่งของพวกเขาเป็นถาวร .
อีกครั้งในสมดุลของแนช แต่ละบริษัทจะมีรายได้กำไรที่ใหญ่ที่สุดสามารถ
ให้ราคาของคู่แข่ง จึงไม่จูงใจให้เปลี่ยนราคา .
มันเป็นประโยชน์ในการเปรียบเทียบแนวคิดเรื่องสมดุลของแนชกับ
ดุลยภาพในกลยุทธ์เด่น :