Worse yet, the measured resistivity

Worse yet, the measured resistivity
of most metals is found to be proportional to the absolute temperature (see
Fig. 12.13), yet the classical electron gas model predicts a much weaker dependence
of
on T. From Equation 12.16 we see that the classical model incorrectly
predicts that resistivity should be proportional to the square root of
the absolute temperature. In Section 12.3 we will give a different model
of electron scattering, which explains the observed linear dependence of
on
T at high temperatures.
Classical Free Electron Theory

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เลวยัง ความต้านทานไฟฟ้าที่วัดได้โลหะส่วนใหญ่ที่พบเป็นสัดส่วนกับอุณหภูมิสัมบูรณ์ (ดูทางรูปที่ 12.13), แต่แบบแก๊สของอิเล็กตรอนคลาสสิกทำนายการพึ่งพาที่อ่อนมากของ บนต. จากสมการ 12.16 เราดูที่ความคลาสสิกรุ่นไม่ถูกต้องทำนายความต้านทานไฟฟ้าที่ควรจะเป็นสัดส่วนกับรากที่สองของอุณหภูมิสัมบูรณ์ ใน 12.3 ส่วน เราจะให้รุ่นอื่นการกระเจิงของอิเล็กตรอน ซึ่งอธิบายการพึ่งพาเชิงสังเกตของ บนT อุณหภูมิสูงทฤษฎีอิเล็กตรอนคลาสสิกฟรี

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เลวยังต้านทานวัด
ของโลหะมากที่สุดพบว่าเป็นสัดส่วนกับอุณหภูมิสัมบูรณ์ (ดู
รูปที่. 12.13) แต่รูปแบบก๊าซอิเล็กตรอนคลาสสิกคาดการณ์การพึ่งพาอาศัยอ่อนแอกว่า
ของ
บนตันจากสม 12.16 เราจะเห็นว่ารูปแบบคลาสสิกอย่างไม่ถูกต้อง
คาดการณ์ว่าความต้านทานที่ควรจะเป็นสัดส่วนกับรากที่สองของ
อุณหภูมิสัมบูรณ์ ในมาตรา 12.3 เราจะให้รูปแบบที่แตกต่างกัน
ของการกระเจิงอิเล็กตรอนซึ่งจะอธิบายการพึ่งพาอาศัยเชิงเส้นสังเกต
บน
เสื้อที่อุณหภูมิสูง
ทฤษฎีคลาสสิกฟรีอิเลคตรอน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เลวยัง , วัดความต้านทานโลหะส่วนใหญ่จะพบจะเป็นสัดส่วนกับอุณหภูมิสัมบูรณ์ ( ดูรูปที่ 12.13 ) แต่รูปแบบก๊าซอิเล็กตรอนคลาสสิกคาดการณ์การลดลงมากของใน ต. จากสมการดีขึ้นเราเห็นว่าคลาสสิกแบบไม่ถูกต้องคาดการณ์ว่า ความต้านทานควรจะได้สัดส่วนกับรากที่สองของอุณหภูมิสัมบูรณ์ ในส่วน 12.3 เราจะให้รูปแบบต่าง ๆการกระจายของอิเล็กตรอน ซึ่งอธิบายถึงการตรวจสอบเชิงเส้นของบนt ที่อุณหภูมิสูงทฤษฎีอิเล็กตรอนฟรีคลาสสิก