Olive oil labels may have terms lik

Olive oil labels may have terms like Cold Pressed, Premium, Pure, Monovarietal, Harvest Year – what does it all mean and what is most important? Choosing olive oil is easy once you know some common label terminology. Choosing the “right” oil depends on how much flavor is needed, what the cooking usage will be, and the available budget. It also helps to understand the classifications and the common marketing terms used on olive oil labels.
Extra Virgin Olive Oil is the most flavorful and the healthiest olive oil, because it is naturally produced and retains healthy antioxidants from the olives. The range of flavors is very broad, similar to wines, and will depend on the olive type, where the olives are grown, when the olives are harvested, the weather during the growing season, and the processing. Extra virgin olive oils may be strong and peppery or mild and buttery and anywhere in between.
Extra Virgin Olive Oils may have marketing terms such as “first press,” “cold pressed” or “cold extracted” on the labels, referring to the fact that extra virgin olive oil is produced by crushing the olives without adding any heat or using any chemicals. All extra virgin olive oil is produced this way even if the label doesn’t call it out. Additionally, extra virgin olive oils might list the type of olive or olives the oil was made from - sometimes referred to as monovarietal or varietal/variety, as well as the country or region the olives were grown. Like wine, these indicators help suggest the typical flavors consumers might expect from that specific extra virgin olive oil. Some manufacturers blend different extra virgin olive oils together in order to offer a consistent flavor profile all the time or to create a unique "coupage" flavor profile.
Olive oil is a blend of refined olive oil with some virgin or extra virgin olive oil added back for flavor. Olive oil has a mild olive flavor, making it a great oil to substitute for other common cooking oils like vegetable oil and canola oil without changing the taste of the recipe. Some marketing terms on Olive Oil labels in North America may include “Classic” or “Pure” Olive Oil. When a label calls out “Light Flavor” or “Light Tasting” Olive Oil, it indicates there is very little virgin olive oil in the blend and therefore a very subtle flavor. The fat and calories are actually the same in ALL grades of olive oil.
One major area where olive oil is different from wine is the shelf life – olive oils do NOT get better with age. While the harvest date can give an indication of an olive oil's age, the range for an olive oil's shelf life will depend on many things - the type of olive, quality of the fruit, maturity at harvest, harvesting method, milling/processing procedures, growing conditions and the final blend. Bottlers will consider these factors when recommending a best by date. Most olive oils will keep in the original sealed bottle for up to two years under proper storage conditions. When choosing a bottle at the store, check for a best by date that is further out and make sure the bottle doesn’t show signs of mishandling or age such as oil drips or leaks, an orange-y color if in a clear bottle, or dust on the bottle suggesting it has been on the shelf a long time.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ป้ายน้ำมันมะกอกอาจมีเงื่อนไขเช่น กดเย็น พรีเมี่ยม Pure, Monovarietal เก็บเกี่ยว ปี – อะไรไม่ได้หมายความว่าทั้งหมดและสิ่งสำคัญสุด เลือกน้ำมันมะกอกให้เป็นเรื่องง่ายเมื่อคุณรู้ว่าบางคำศัพท์ป้ายทั่วไป เลือกน้ำมัน "ขวา" ขึ้นอยู่บนรสเท่าใดจำเป็น สิ่งที่ใช้ปรุงอาหารจะเป็น และงบประมาณที่มี นอกจากนี้ยังช่วยให้เข้าใจการจัดประเภทและเงื่อนไขการตลาดทั่วไปที่ใช้บนป้ายน้ำมันมะกอกน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษจะระบุมากที่สุดและน้ำมันมะกอกหนีจาก เนื่องจากมันถูกผลิตขึ้นตามธรรมชาติ และรักษาสุขภาพสารต้านอนุมูลอิสระจากมะกอก หลากหลายรสชาติมากกว้าง คล้ายกับไวน์ และจะขึ้นอยู่กับชนิดมะกอก มะกอกที่ปลูก เมื่อมีการเก็บเกี่ยวมะกอก สภาพอากาศในช่วงฤดูกาลเติบโต การประมวลผล น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์อาจจะแข็งแกร่ง และพนักงานบริการดีคะ หรืออ่อน และสมบูรณ์ และที่ใดก็ได้ในระหว่างการExtra Virgin Olive Oils may have marketing terms such as “first press,” “cold pressed” or “cold extracted” on the labels, referring to the fact that extra virgin olive oil is produced by crushing the olives without adding any heat or using any chemicals. All extra virgin olive oil is produced this way even if the label doesn’t call it out. Additionally, extra virgin olive oils might list the type of olive or olives the oil was made from - sometimes referred to as monovarietal or varietal/variety, as well as the country or region the olives were grown. Like wine, these indicators help suggest the typical flavors consumers might expect from that specific extra virgin olive oil. Some manufacturers blend different extra virgin olive oils together in order to offer a consistent flavor profile all the time or to create a unique "coupage" flavor profile.Olive oil is a blend of refined olive oil with some virgin or extra virgin olive oil added back for flavor. Olive oil has a mild olive flavor, making it a great oil to substitute for other common cooking oils like vegetable oil and canola oil without changing the taste of the recipe. Some marketing terms on Olive Oil labels in North America may include “Classic” or “Pure” Olive Oil. When a label calls out “Light Flavor” or “Light Tasting” Olive Oil, it indicates there is very little virgin olive oil in the blend and therefore a very subtle flavor. The fat and calories are actually the same in ALL grades of olive oil.One major area where olive oil is different from wine is the shelf life – olive oils do NOT get better with age. While the harvest date can give an indication of an olive oil's age, the range for an olive oil's shelf life will depend on many things - the type of olive, quality of the fruit, maturity at harvest, harvesting method, milling/processing procedures, growing conditions and the final blend. Bottlers will consider these factors when recommending a best by date. Most olive oils will keep in the original sealed bottle for up to two years under proper storage conditions. When choosing a bottle at the store, check for a best by date that is further out and make sure the bottle doesn’t show signs of mishandling or age such as oil drips or leaks, an orange-y color if in a clear bottle, or dust on the bottle suggesting it has been on the shelf a long time.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ป้ายน้ำมันมะกอกอาจจะมีคำเช่นบีบเย็น, พรีเมี่ยมบริสุทธิ์ Monovarietal ปีเก็บเกี่ยว - สิ่งที่ไม่ได้หมายถึงทุกคนและสิ่งที่สำคัญมากที่สุด? เลือกน้ำมันมะกอกเป็นเรื่องง่ายเมื่อคุณรู้ว่าบางคำศัพท์ฉลากที่พบบ่อย เลือก "สิทธิ" น้ำมันขึ้นอยู่กับว่ารสชาติเป็นสิ่งจำเป็นมากสิ่งที่ใช้ปรุงอาหารจะได้รับและงบประมาณที่มีอยู่ นอกจากนี้ยังช่วยให้เข้าใจการจำแนกประเภทและเงื่อนไขการตลาดทั่วไปที่ใช้บนฉลากน้ำมันมะกอก.
น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์เป็นส่วนใหญ่รสชาติและสุขภาพน้ำมันมะกอกเพราะมันถูกผลิตตามธรรมชาติและยังคงรักษาสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพจากมะกอก ช่วงของรสชาติเป็นวงกว้างมากคล้ายกับไวน์และจะขึ้นอยู่กับชนิดมะกอกมะกอกที่มีการเจริญเติบโตเมื่อมะกอกจะเก็บเกี่ยวสภาพอากาศในช่วงฤดูปลูกและการประมวลผล พิเศษน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์อาจจะมีความแข็งแรงและเผ็ดหรืออ่อนและเนยและที่ใดก็ได้ในระหว่าง.
น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์อาจมีแง่การตลาดเช่น "กดครั้งแรก", "เย็นกด" หรือ "เย็นสกัด" บนฉลากหมายถึงความจริงที่ ว่าน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ที่ผลิตโดยบดมะกอกโดยไม่ต้องเพิ่มความร้อนใด ๆ หรือการใช้สารเคมีใด ๆ น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษทั้งหมดที่ผลิตด้วยวิธีนี้แม้ว่าฉลากไม่เรียกมันออกมา นอกจากนี้น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์อาจแสดงรายการประเภทของมะกอกหรือน้ำมันมะกอกที่ถูกสร้างขึ้นจาก - บางครั้งเรียกว่า monovarietal หรือพันธุ์ / หลากหลายเช่นเดียวกับประเทศหรือภูมิภาคมะกอกปลูก เช่นเดียวกับไวน์ชี้วัดเหล่านี้ช่วยแนะนำรสชาติที่ผู้บริโภคทั่วไปอาจคาดหวังจากน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์เฉพาะที่ ผู้ผลิตบางรายผสมผสานที่แตกต่างกันเป็นพิเศษน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ร่วมกันเพื่อที่จะนำเสนอรายละเอียดรสชาติที่สอดคล้องกันตลอดเวลาหรือการสร้างที่ไม่ซ้ำกัน "coupage" รายละเอียดรสชาติ.
น้ำมันมะกอกเป็นส่วนผสมของน้ำมันมะกอกกลั่นกับน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์บริสุทธิ์หรือพิเศษที่เพิ่มกลับ รสชาติ น้ำมันมะกอกมีรสชาติอ่อนมะกอกทำให้มันเป็นน้ำมันที่ดีในการทดแทนน้ำมันอื่น ๆ การทำอาหารเหมือนกันเช่นน้ำมันพืชและน้ำมันคาโนลาโดยไม่ต้องเปลี่ยนรสชาติของสูตร บางแง่การตลาดบนฉลากน้ำมันมะกอกในอเมริกาเหนืออาจรวมถึง "คลาสสิก" หรือ "บริสุทธิ์" น้ำมันมะกอก เมื่อโทรออกฉลาก "รสชาติแสง" หรือ "ชิมไฟ" น้ำมันมะกอกก็แสดงมีน้อยมากน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ในการผสมผสานและดังนั้นจึงมีรสชาติที่ละเอียดอ่อนมาก ไขมันและแคลอรี่เป็นจริงเหมือนกันในทุกเกรดของน้ำมันมะกอก.
หนึ่งในพื้นที่สำคัญที่น้ำมันมะกอกจะแตกต่างจากไวน์อายุการเก็บรักษา - น้ำมันมะกอกไม่ได้รับดีกว่าด้วยอายุ ในขณะที่วันที่เก็บเกี่ยวสามารถให้ข้อบ่งชี้ของอายุน้ำมันมะกอกของช่วงสำหรับอายุการเก็บรักษาน้ำมันมะกอกที่จะขึ้นอยู่กับหลายสิ่งหลายอย่าง - ชนิดของมะกอกคุณภาพของผลไม้ครบกําหนดในการเก็บเกี่ยววิธีการเก็บเกี่ยวขั้นตอนการสี / การประมวลผล สภาพการเจริญเติบโตและการผสมผสานสุดท้าย Bottlers จะพิจารณาปัจจัยเหล่านี้เมื่อแนะนำที่ดีที่สุดโดยวันที่ ส่วนใหญ่น้ำมันมะกอกจะเก็บไว้ในขวดปิดผนึกเดิมถึงสองปีภายใต้เงื่อนไขการจัดเก็บที่เหมาะสม เมื่อเลือกขวดที่ร้านให้ตรวจสอบหาที่ดีที่สุดตามวันที่ที่ไกลออกไปและให้แน่ใจว่าขวดไม่ได้แสดงสัญญาณของความผิดพลาดหรืออายุเช่นหยดน้ำมันหรือการรั่วไหลสีส้ม y ถ้าในขวดชัดเจน หรือฝุ่นบนขวดบอกว่ามันได้รับบนหิ้งเป็นเวลานาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ป้ายน้ำมันมะกอกอาจมีข้อตกลงชอบบีบเย็น , พรีเมี่ยม , บริสุทธิ์ , monovarietal เก็บเกี่ยวปี–ทั้งหมดนั่น หมายถึงอะไร และสิ่งที่สำคัญที่สุด การเลือกน้ำมันมะกอกเป็นเรื่องง่ายเมื่อคุณรู้ศัพท์บางป้ายทั่วไป เลือก " ใช่ " น้ำมันขึ้นอยู่กับรสชาติที่คุณต้องการเท่าไหร่ แล้วอาหารการใช้จะเป็น และงบประมาณที่มีอยู่มันยังช่วยให้เข้าใจเรื่องทั่วไปที่ใช้ในแง่การตลาดและป้ายน้ำมันมะกอก .
น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์เป็นรสชาติมากที่สุด และน้ำมันมะกอก ค้น เพราะมันคือธรรมชาติที่ผลิตและมีสารต้านอนุมูลอิสระสุขภาพจากมะกอก ช่วงของรสชาติที่เป็นกว้างมาก คล้ายกับไวน์ จะขึ้นอยู่กับประเภทของน้ำมันมะกอกที่ปลูกมะกอก ,เมื่อมะกอกจะเก็บเกี่ยว สภาพอากาศในช่วงฤดูเพาะปลูก และการประมวลผล บริสุทธิ์พิเศษน้ำมันมะกอกอาจจะแข็งแรง และเผ็ดหรืออ่อนและเนยและทุกที่ในระหว่าง
มะกอกบริสุทธิ์พิเศษน้ำมันอาจจะมีเงื่อนไขทางการตลาด เช่น กด " 1 " , " สกัดเย็น " หรือ " สกัดเย็น " บนฉลากหมายถึงความจริงที่ว่าน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ผลิตโดยบดมะกอกโดยไม่ต้องเพิ่มการใช้ความร้อนหรือสารเคมีใด ๆ ทั้งหมดน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ผลิตด้วยวิธีนี้ถ้าฉลากไม่ได้บอก นอกจากนี้ มะกอกบริสุทธิ์พิเศษน้ำมันมะกอกหรืออาจแสดงชนิดของน้ำมันที่ทำจากมะกอก - บางครั้งเรียกว่า monovarietal หรือพันธุ์ / วาไรตี้รวมทั้งประเทศหรือภูมิภาคที่มะกอกโตแล้ว ชอบไวน์ ตัวชี้วัดเหล่านี้ช่วยให้ผู้บริโภคทั่วไปรสชาติอาจคาดหวังจากเฉพาะน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ . ผู้ผลิตบางรายผสมพิเศษน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ต่าง ๆเข้าด้วยกัน เพื่อให้โปรไฟล์รสชาติที่สอดคล้องกันตลอดเวลา หรือสร้างเอกลักษณ์ " coupage
" รสข้อมูลน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์น้ำมันมะกอกผสมกับบางบริสุทธิ์หรือน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์เพิ่มกลับรส . น้ำมันมะกอกมะกอกมีรสอ่อนทำให้น้ำมันดีเพื่อทดแทนอื่น ๆทั่วไป อาหารเช่นน้ำมันน้ำมันพืช เช่น น้ำมันคาโนล่า และ โดยไม่เปลี่ยนรสชาติของสูตร บางแง่การตลาดในน้ำมันมะกอกป้ายชื่อในทวีปอเมริกาเหนืออาจรวมถึง " คลาสสิก " หรือ " บริสุทธิ์ " น้ำมันมะกอก .เมื่อป้ายโทรออก " รส " แสงหรือแสง " ชิม " น้ำมันมะกอก มันบ่งชี้ว่ามีมากน้อยในน้ำมันมะกอกผสมจึงเป็นรสชาติที่บอบบางมาก แคลอรี่ไขมันและจริงจะเหมือนกันทุกเกรดของน้ำมันมะกอก น้ำมันมะกอก
หนึ่งหลักในพื้นที่ที่แตกต่างจากไวน์คืออายุ–น้ำมันมะกอกไม่รับดีกว่าด้วยอายุในขณะที่วันที่เก็บเกี่ยวสามารถให้ข้อบ่งชี้ของน้ำมันมะกอกคืออายุช่วงชั้น น้ำมันมะกอกสำหรับชีวิตจะขึ้นอยู่กับหลายสิ่ง - ชนิดของมะกอกคุณภาพของผลไม้สุกที่เก็บเกี่ยว , การเก็บเกี่ยววิธีการ milling / การประมวลผลเงื่อนไขและขั้นตอนการผสมขั้นสุดท้าย bottlers จะพิจารณาปัจจัยเหล่านี้เมื่อแนะนำที่ดีที่สุดโดยวันที่น้ำมันมะกอก ส่วนใหญ่จะเก็บไว้ในขวดที่ปิดสนิทเดิมนานถึง 2 ปี ภายใต้เงื่อนไขการจัดเก็บที่เหมาะสม เมื่อเลือกขวดที่ร้าน ตรวจสอบที่ดีที่สุดตามวันที่ที่ออกเพิ่มเติม และให้แน่ใจว่า ขวด ไม่ได้แสดงสัญญาณของการ mishandling หรืออายุ เช่น น้ำมันหยดหรือรั่ว เป็น orange-y สีถ้าอยู่ในขวดใส หรือ ฝุ่นบนขวดว่ามีบนหิ้งนาน