The Origin of AIDS and HIV May Not

The Origin of AIDS and HIV May Not Be What You Have Learned



Most people believe that the origin of HIV, the AIDS virus, derives from some natural evolutionary event. Key among these HIV origin theories is the so called "cut hunter theory" in which a human, allegedly African native, received a bloody wound or infected splash while preparing a chimpanzee carrying a similar virus (i.e., SIVcpz). Most recent research, along with the scientific consensus, holds that the origin of HIV and AIDS could never have happened this way.

In 2001, The Royal Society of London's conference proceedings, which sought to determine the initial cause of AIDS and the origin of HIV, were published for the world to behold. The most highly respected scientists and academicians debated the possibility that HIV-1, the most widespread and deadly human AIDS virus, evolved from accidental vaccine contaminations and subsequent transmissions to mostly African villagers. The oral polio vaccine (OPV) received the focus of interest here since that vaccine was partially derived from growing live polio viruses in monkey kidney cells that have historically proven to be contaminated with cancer viruses such as SV40 -- the 40th monkey virus ever discovered. This virus, like HIV-1, is currently linked by medical scientists to widespread human cancers. By the end of the symposium, the esteemed delegates concluded HIV's origin, and AIDS, was not likely to have come from polio vaccine transmissions as chimpanzees were not proven to have been used during the manufacture of this vaccine

The hepatitis B vaccine was not considered by this esteemed gathering. Suspiciously neglected, this vaccine was produced in chimpanzees during pilot testing conducted in New York City, among gay men, and Central African villagers between 1972 and 1974. This was precisely timed for the emergence of AIDS in these exact, demographically distinct, communities by the late 1970s. The fact that this fact was neglected proves shoddy science or gross negligence at best.

Importantly, among the most respected of all HIV/AIDS origin theorists, the U.S. Government's chief DNA sequence analyst at the Los Alamos Laboratory in New Mexico , Dr. Gerald Myers, reported with his colleagues that the origin of HIV could not have begun with "cut hunters" or other single isolated cross species transmissions (called "zoonosis"). He reported that genetic sequencing studies prove some "punctuated origin of AIDS event" took place during the mid-1970s giving rise, virtually simultaneously, to at least ten different HIV "clades" (or genetic subtypes) associated with ten different distinguishable AIDS epidemics in Africa alone. The most likely cause of this widespread bizarre zoonosis was some man-made (i.e., iatrogenic) event involving chimpanzees.

Myers and his colleagues offered the following best explanation for the origin of HIV: "It is not far-fetched," they wrote, "to imagine the ten or so clades deriving from a single animal (perhaps immunosuppressed and possessing a swarm of variants) [as might have been the case with chimpanzees used in the process of hepatitis B vaccine manufacture] or from a few animals that might have belonged to a single troop or might have been gang-caged together. The number of animals required is secondary to the extent of variation in the source at the time of the zoonotic or iatrogenic event. The [vaccine] hypothesis makes a case for such a punctuated origin . . ." (See: Burr T, Hyman JM and Myers G. The origin of acquired immune deficiency syndrome: Darwinian or Lamarchkian? Phil. Trans. R. Soc. Lond. B (2001) 356:877-887.)

So if chimpanzees were not used to make the polio vaccine, and therefore the origin of HIV and AIDS did not come from this vaccine nor time period (1950s-early 1960s), then what other vaccine, given during the early to mid 1970s, might have used one or more SIVcpz-infected chimpanzees in the manufacturing process?

The answer to this question was singularly advanced by a Harvard-degreed independent investigator, Dr. Leonard Horowitz in the award winning book Emerging Viruses: AIDS & Ebola -- Nature, Accident or Intentional? (Tetrahedron Press, 1998; 1-888-508-4787; http:www.tetrahedron.org) Dr. Horowitz unearthed and reprinted stunning scientific documents and National Institutes of Health contracts proving that chimpanzees, contaminated with numerous viruses, were used to produce hundreds of hepatitis B vaccine doses administered to central African Blacks along with homosexual men in New York City at precisely the time Dr. Myers and colleagues claim the origin of HIV "punctuated event" occurred.

Unfortunately, as another Royal Society conference presenter, Dr. Julian Cribb, protested, too little attention is given by drug-industry-influenced medical journals, and the mainstream media, to controversial truths in science regarding the origin of HIV and AIDS. (See: Cribb J. The origin of acquired immune deficiency syndrome: can science afford to ignore it? Phil. Trans. R. Soc. Lond B (2001) 356:935-938.) As a result, documents such as those published by Dr. Horowitz, and others, showing AIDS apparently derives from contaminated hepatitis B vaccines, have never received adequate attention.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ต้นกำเนิดของโรคเอดส์และเอชไอวีอาจไม่สิ่งที่คุณได้เรียนรู้คนส่วนใหญ่เชื่อว่าต้นกำเนิดของเอชไอวี, ไวรัสเอดส์ที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์บางวิวัฒนาการธรรมชาติ ที่สำคัญกลุ่มคนเหล่านี้ทฤษฎีการกำเนิดเอชไอวีที่เรียกว่า "ทฤษฎีล่าตัด" ซึ่งในมนุษย์ชาวแอฟริกันที่ถูกกล่าวหาว่าได้รับแผลเลือดสาดหรือติดเชื้อในขณะที่เตรียมลิงชิมแปนซีแบกไวรัสที่คล้ายกัน (เช่น SIVcpz) การวิจัยล่าสุดพร้อมกับฉันทามติทางวิทยาศาสตร์ถือได้ว่าต้นกำเนิดของเอชไอวีและโรคเอดส์อาจไม่เคยได้เกิดขึ้นด้วยวิธีนี้. ในปี 2001 ราชสมาคมของการดำเนินการประชุมที่ลอนดอนซึ่งพยายามที่จะตรวจสอบสาเหตุที่เริ่มต้นของโรคเอดส์และที่มาของเอชไอวี ถูกตีพิมพ์ทั่วโลกที่จะเห็น นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ที่เคารพอย่างสูงและนักวิชาการถกเถียงกันเป็นไปได้ว่าการติดเชื้อ HIV-1 ที่แพร่หลายมากที่สุดและร้ายแรงมนุษย์ไวรัสเอดส์จากการปนเปื้อนการพัฒนาวัคซีนป้องกันอุบัติเหตุและการส่งต่อมาชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นแอฟริกัน วัคซีนโปลิโอในช่องปาก (OPV) ได้รับการมุ่งเน้นที่สนใจของที่นี่ตั้งแต่วัคซีนที่ได้มาบางส่วนจากการเจริญเติบโตสดไวรัสโปลิโอในเซลล์ไตลิงที่ได้รับการพิสูจน์ในอดีตที่จะปนเปื้อนกับไวรัสโรคมะเร็งเช่น SV40 - ไวรัสลิง 40 ที่เคยค้นพบ ไวรัสเช่น HIV-1, ขณะนี้มีการเชื่อมโยงโดยนักวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ที่จะเกิดโรคมะเร็งของมนุษย์อย่างกว้างขวาง ในตอนท้ายของการประชุมสัมมนาผู้ได้รับมอบหมายที่นับถือสรุปแหล่งที่มาของเอชไอวีและโรคเอดส์ก็ไม่น่าจะมาจากการส่งวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอเป็นลิงชิมแปนซีที่ไม่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีการใช้ในระหว่างการผลิตวัคซีนนี้วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีไม่ได้รับการพิจารณาโดยนี้การชุมนุมที่นับถือ ละเลยพิรุธวัคซีนนี้ถูกผลิตในลิงชิมแปนซีในระหว่างการทดสอบนำร่องดำเนินการในนิวยอร์กซิตี้ในหมู่เกย์และชาวบ้านแอฟริกันกลางระหว่างปี 1972 และปี 1974 นี้เป็นเวลาที่กำหนดได้อย่างแม่นยำสำหรับการเกิดขึ้นของโรคเอดส์ในเหล่านี้แน่นอนที่แตกต่างกัน demographically ชุมชนโดย ปี 1970 ความจริงที่ว่าความจริงข้อนี้ถูกละเลยพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ต่ำหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงที่ดีที่สุด. ที่สำคัญในหมู่ผู้ที่ยอมรับมากที่สุดของทุกเอชไอวี / เอดส์ทฤษฎีกำเนิดนักวิเคราะห์ดีเอ็นเอหัวหน้ารัฐบาลสหรัฐของลำดับที่ห้องปฏิบัติการ Los Alamos ในเม็กซิโกดร. เจอราลด์ไมเออร์ รายงานกับเพื่อนร่วมงานของเขาว่าต้นกำเนิดของเอชไอวีไม่ได้เริ่มต้นด้วยการ "ตัดล่า" หรือข้ามแยกอื่น ๆ เดียวส่งสายพันธุ์ (เรียกว่า "zoonosis") เขารายงานว่าการศึกษาลำดับพันธุกรรมพิสูจน์บางอย่าง "ต้นกำเนิดคั่นของเหตุการณ์โรคเอดส์" เกิดขึ้นในช่วงกลางปี ​​1970 ให้สูงขึ้นเกือบพร้อมกันอย่างน้อยสิบที่แตกต่างกันเอชไอวี "clades" (หรือเชื้อพันธุกรรม) ที่เกี่ยวข้องกับสิบที่แตกต่างกันการระบาดของโรคแตกต่างเอดส์ใน แอฟริกาเพียงอย่างเดียว สาเหตุส่วนใหญ่ของ zoonosis ที่แปลกประหลาดอย่างกว้างขวางนี้คือบางอย่างที่มนุษย์สร้างขึ้น (เช่น iatrogenic) เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับลิงชิมแปนซี. ไมเออร์และเพื่อนร่วมงานของเขาที่นำเสนอคำอธิบายที่ดีที่สุดต่อไปนี้สำหรับต้นกำเนิดของเอชไอวี: "มันอยู่ไม่ไกลจากความจริง" พวกเขาเขียน "ที่จะจินตนาการสิบหรือเพื่อ clades มาจากสัตว์ที่เดียว (อาจจะคงทนและมีฝูงสายพันธุ์) [เป็นอาจจะเป็นกรณีที่มีลิงชิมแปนซีที่ใช้ในกระบวนการผลิตวัคซีนตับอักเสบบี] หรือจากสัตว์บางอย่างที่อาจจะมี เป็นกองเดียวหรืออาจจะเป็นพวกที่ขังอยู่ในกรงด้วยกัน. จำนวนของสัตว์ที่จำเป็นเป็นเรื่องรองที่มีขอบเขตของการเปลี่ยนแปลงในแหล่งที่มาในช่วงเวลาของเหตุการณ์ zoonotic หรือ iatrogenic ที่. โดย [วัคซีน] สมมติฐานทำให้กรณีดังกล่าว ต้นกำเนิด punctuated... " (ดู: เสี้ยน T, Hyman JM และไมเออร์สกรัมที่มาของโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องที่ได้มา:?.... ดาร์วินหรือ Lamarchkian ฟิลทรานส์อาร์ Soc Lond B (2001) 356. 877-887) ดังนั้นหากชิมแปนซีไม่ได้ ใช้ในการทำวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอและดังนั้นจึงกำเนิดของเอชไอวีและโรคเอดส์ไม่ได้มาจากการฉีดวัคซีนนี้หรือช่วงเวลา (ปี 1960 ปี 1950 ต้น) แล้วสิ่งที่วัคซีนอื่น ๆ ที่ได้รับในช่วงต้นถึงกลางปี ​​1970 ที่อาจจะมีการใช้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือมากกว่า ? ชิมแปนซี SIVcpz ติดเชื้อในกระบวนการผลิตคำตอบสำหรับคำถามนี้สูงอย่างแปลกประหลาดโดยผู้ตรวจสอบอิสระฮาร์วาร์degreed, ดร. ลีโอนาร์ฮอในหนังสือที่ได้รับรางวัล Emerging ไวรัสเอดส์และอีโบลา - ธรรมชาติ, อุบัติเหตุหรือจงใจ? (จัตุรมุขกด 1998; 1-888-508-4787; http: www.tetrahedron.org) ดร. ฮอค้นพบและการพิมพ์เอกสารทางวิทยาศาสตร์ที่สวยงามและสถาบันแห่งชาติของสัญญาสุขภาพพิสูจน์ว่าชิมแปนซีที่ปนเปื้อนกับไวรัสจำนวนมากถูกนำมาใช้ในการผลิต ร้อยของโรคไวรัสตับอักเสบบีวัคซีนบริหารให้กับคนผิวดำแอฟริกันกลางพร้อมกับชายรักร่วมเพศในนิวยอร์กซิตี้ที่แม่นยำในเวลาดร. ไมเออร์และเพื่อนร่วมงานเรียกร้องที่มาของเอชไอวี "คั่นเหตุการณ์" ที่เกิดขึ้น. แต่น่าเสียดายที่เป็นพรีเซนเตอร์อีกการประชุมสมาคมดร. จูเลียนคริบบ์ประท้วงน้อยเกินไปจะได้รับความสนใจจากยาเสพติดที่มีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมวารสารทางการแพทย์และสื่อกระแสหลักความจริงที่ถกเถียงกันในทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับต้นกำเนิดของเอชไอวีและโรคเอดส์ (ดู: คริบบ์เจที่มาของโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องที่ได้มา: วิทยาศาสตร์สามารถที่จะไม่สนใจมันฟิลทรานส์อาร์ Soc Lond B (2001) 356.... 935-938) เป็นผลให้เอกสารดังกล่าวเป็นผู้ที่ตีพิมพ์ โดยดร. ฮอและคนอื่น ๆ ที่แสดงให้เห็นชัดว่าโรคเอดส์ที่เกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีที่ปนเปื้อนไม่เคยได้รับความสนใจอย่างเพียงพอ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ที่มาของโรคเอดส์และเชื้อเอชไอวีอาจไม่เป็นสิ่งที่คุณได้เรียนรู้



คนส่วนใหญ่เชื่อว่าต้นกำเนิดของเอชไอวี , เอดส์ , ไวรัสบางธรรมชาติวิวัฒนาการมาจากเหตุการณ์ ที่สำคัญในทฤษฎีกำเนิดเอชไอวีเหล่านี้เรียกว่า " ทฤษฎีล่าตัด " ซึ่งเป็นมนุษย์ที่ถูกกล่าวหาว่าแอฟริกันพื้นเมือง ได้รับบาดแผล เลือด หรือ สาดติดเชื้อขณะเตรียมลิงชิมแปนซีพาหะไวรัสที่คล้ายกัน ( เช่น sivcpz )งานวิจัยล่าสุด พร้อมกับการสำรวจทางวิทยาศาสตร์ถือเป็นที่มาของผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้

2001 สมาคมแห่งลอนดอนการประชุมซึ่งพยายามที่จะหาสาเหตุเริ่มต้นของโรคเอดส์ และที่มาของ HIV ถูกเผยแพร่ให้โลกได้เห็นส่วนใหญ่นับถือนักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการถกเถียงกันถึงความเป็นไปได้ที่ HIV-1 อย่างกว้างขวางที่สุดและมฤตยูไวรัสเอดส์ในมนุษย์ วิวัฒนาการมาจากการปนเปื้อนวัคซีนจากอุบัติเหตุและส่งตามมา ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวแอฟริกันวัคซีนโปลิโอปากเปล่า ( opv ) ได้รับโฟกัสที่น่าสนใจเนื่องจากว่าวัคซีนบางส่วนที่ได้มาจากการอาศัยโปลิโอไวรัสในเซลล์ไตลิงที่มีประวัติศาสตร์ที่พิสูจน์แล้วว่ามีการปนเปื้อนด้วยโรคมะเร็ง ไวรัส เช่น sv40 -- 40 ลิงไวรัสที่เคยค้นพบ ไวรัสนี้ เช่น HIV-1 ในปัจจุบันเชื่อมโยงโดยนักวิทยาศาสตร์การแพทย์มะเร็งในมนุษย์อย่างกว้างขวางในตอนท้ายของการประชุมสัมมนาที่นับถือคนสรุปที่มาของเอชไอวี และเอดส์ ก็ไม่อาจจะได้มาจากการส่งวัคซีนโปลิโอเป็นลิงชิมแปนซีไม่พิสูจน์ได้ถูกนำมาใช้ในการผลิตวัคซีนนี้

ที่ไวรัสตับอักเสบบี วัคซีนไม่ได้พิจารณาโดยนับถือนี้กระมัง น่าหลงวัคซีนนี้ผลิตในลิงชิมแปนซีในระหว่างการทดสอบนำร่องดำเนินการในนิวยอร์ก ระหว่างเกย์ และชาวบ้านอัฟริกากลางระหว่าง 1972 และ 1974 นี้แน่นอนเวลาในการเกิดขึ้นของโรคเอดส์เหล่านี้แน่นอน demographically ที่แตกต่างกัน โดยปลายทศวรรษชุมชน ที่ว่า ความจริงนี้ถูกทอดทิ้งพิสูจน์กองวิทยาศาสตร์ หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงที่สุด

ที่สำคัญของการยอมรับมากที่สุดของเอชไอวี / เอดส์ทฤษฎีกำเนิด รัฐบาลสหรัฐอเมริกา หัวหน้านักวิเคราะห์ดีเอ็นเอลำดับที่ Los Alamos ปฏิบัติการในเม็กซิโก ดร. เจอรัลด์ไมเออร์ , รายงานกับเพื่อนร่วมงานของเขาที่มาของเอชไอวีที่ไม่ได้เริ่มต้นด้วย " ตัดนักล่า " หรืออื่น ๆ เดี่ยวแยกชนิดข้ามสัญญาณ ( เรียกว่า " ซูโอโนซิส " ) .เขารายงานว่า การศึกษาลำดับทางพันธุกรรมพิสูจน์บางอย่าง " คั่น จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ " เอดส์ เกิดขึ้นในช่วงกลางให้สูงขึ้น แทบจะพร้อมกัน อย่างน้อยสิบที่แตกต่างกันเอชไอวี " clades " ( หรือเชื้อพันธุกรรม ) ที่เกี่ยวข้องกับโรคเอดส์ระบาดในแอฟริกาที่แตกต่างกันสิบจินตนาการอยู่คนเดียว สาเหตุส่วนใหญ่ของซูโอโนซิสที่แปลกประหลาดนี้อย่างเป็นธรรมชาติ ( เช่นiatrogenic ) เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับลิงชิมแปนซี

Myers และเพื่อนร่วมงานของเขาเสนอที่ดีที่สุดต่อไปนี้อธิบายที่มาของเอชไอวี : " ไม่น่าเชื่อ " พวกเขาเขียน" จินตนาการสิบหรือเพื่อ clades อันเกิดจากสัตว์เดียว ( อาจจะ immunosuppressed และครอบครองฝูงสายพันธุ์ ) [ อาจได้รับกรณีกับลิงชิมแปนซี ที่ใช้ในกระบวนการผลิตวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี หรือจากสัตว์น้อยที่อาจเป็นของกองเดียว หรืออาจถูกกังขังด้วยกันจำนวนของสัตว์ที่ต้องรองกับขอบเขตของการเปลี่ยนแปลงในแหล่งที่เวลาของ iatrogenic จํานวนมาก หรือเหตุการณ์ [ วัคซีน ] สมมติฐานทำให้กรณีสำหรับเช่น คั่น ที่มา . . . . . . . " ( ดู : เสี้ยน T และ G Hyman JM ไมเออร์ที่มาของโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือ ของดาร์วิน หรือ lamarchkian ? ฟิล ทรานส์ . อาร์ส . lond . B ( 2001 ) 356:877-887

)ดังนั้นถ้าลิงชิมแปนซีไม่ใช้เพื่อให้วัคซีนโปลิโอ และดังนั้น ที่มาของผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ ไม่ได้มาจากวัคซีนหรือระยะเวลา ( ช่วงต้นทศวรรษ 1950 1960 ) แล้วอื่น ๆที่ได้รับวัคซีนในช่วงต้นถึงกลางปี 1970 , อาจจะใช้หนึ่งหรือมากกว่าหนึ่ง sivcpz ติดเชื้อลิงชิมแปนซีในกระบวนการผลิต ?

คำตอบสำหรับคำถามนี้เป็นขั้นสูงที่มีโดย Harvard degreed อิสระสอบสวน ดร. ลีโอนาร์ด โฮโรวิทซ์ในได้รับรางวัลหนังสือใหม่ ไวรัสเอดส์ &อีโบล่า -- ธรรมชาติ อุบัติเหตุ หรือจงใจ ? ( จัตุรมุข Press , 1998 ; 1-888-508-4787 ; http : www.tetrahedron . org ) ดร.โฮโรวิตซ์ค้นพบและพิมพ์เอกสารทางวิทยาศาสตร์ที่สวยงามและสถาบันสุขภาพแห่งชาติสัญญาพิสูจน์ให้เห็นว่าลิงชิมแปนซี ที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสมากมายถูกใช้เพื่อผลิตหลายร้อยของไวรัสตับอักเสบบีวัคซีนโดสและดำอัฟริกากลางพร้อมกับชายรักชายในนิวยอร์ก แน่นอนในเวลาดร.ไมเออร์และเพื่อนร่วมงานอ้างที่มาของเอชไอวี " คั่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

แต่เป็นอีกสมาคมการประชุมเสนอ ดร. จูเลียน cribb ประท้วง น้อยเกินไป , จะได้รับความสนใจจากอุตสาหกรรมยามีผลต่อวารสารทางการแพทย์ และสื่อกระแสหลัก เพื่อความจริงแย้งวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับที่มาของเอชไอวีและโรคเอดส์ ( ดู : cribb Jที่มาของโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือ วิทยาศาสตร์สามารถที่จะไม่สนใจมัน ฟิล ทรานส์ . อาร์ส . lond B ( 2001 ) 356:935-938 ) เป็นผลให้เอกสาร เช่น จัดพิมพ์โดย ดร. โฮโรวิทซ์ และคนอื่น ๆแสดง เอดส์ ไวรัสตับอักเสบบี วัคซีนแล้ว มาจากการปนเปื้อน , ไม่เคยได้รับความสนใจอย่างเพียงพอ