more Facebook friends. Contrary wit

more Facebook friends. Contrary with the expectations, neuroticism trait was unrelated to Facebook use (r=0.102), nor was it related to time spent on Facebook. These results are unlike those of Moore and McElroy (2011) and Wehrli (2008), which claimed that neurotic users are inclined to spend more time on Facebook. The only factor that was associated to neuroticism trait was the number of Facebook friends which states that neurotic individuals tend to have fewer friends on Facebook. Though there was a statistically significant association, it repudiates Hypothesis 2. Hence, the hypothesis formulated was not supported. Despite the fact there was a statistically significant association between neuroticism trait and the number of Facebook friends, the proportion of variance explained in this instance was too low, accounting for only about 1.4 percent as revealed in r 2 =0.014 (p>0.05). This study anticipated that more open individuals would spend more time on Facebook and have more online contacts, but the results did not support this hypothesis. Additionally, this study expected that more agreeable people would spend less time on Facebook as to have fewer Facebook friends, but this was not a significant factor in any of the analyses. Furthermore, conscientious people would spend less time on Facebook and have more Facebook friends, but proved no significant findings. These factors merit attention in future research as found in Amichai-Hamburger and Vinitzky (2010), in this study and that of Ross et al. (2009) respectively.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เพิ่มเติมเพื่อน ตรงกันข้ามกับความคาดหวัง ลักษณะ neuroticism คือเกี่ยวข้องกับการใช้งาน Facebook (r = 0.102), หรือมันไม่เกี่ยวข้องกับเวลาที่ใช้ใน Facebook ผลลัพธ์เหล่านี้จะแตกต่างจากของมัวร์ และ McElroy (2011) และ Wehrli (2008), ซึ่งอ้างว่า ผู้ก้าวร้าวมีแนวโน้มใช้เวลาบน Facebook ปัจจัยเดียวที่เชื่อมโยงกับลักษณะ neuroticism คือ จำนวนเพื่อนใน Facebook ซึ่งระบุว่า บุคคลที่ก้าวร้าวมักจะ มีเพื่อนน้อยลงบน Facebook ว่ามีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ มัน repudiates 2 สมมติฐาน ดังนั้น สมมติฐานสูตรไม่ถูกสนับสนุน แม้ มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระหว่าง neuroticism ลักษณะและจำนวนของเพื่อน สัดส่วนของผลต่างที่อธิบายไว้ในอินสแตนซ์นี้ได้ต่ำเกินไป การบัญชีเพียงประมาณร้อยละ 1.4 เป็นที่เปิดเผยใน r 2 = 0.014 (p > 0.05) การศึกษานี้คาดว่า มีคนจะใช้เวลาบน Facebook และมีผู้ติดต่อที่ออนไลน์ แต่ผลไม่สนับสนุนสมมติฐานนี้ นอกจากนี้ การศึกษานี้ที่คาดว่า คนที่คบหามากจะใช้เวลาน้อยลงใน Facebook จะมีเพื่อนน้อยลง แต่นี้ไม่ได้เป็นปัจจัยสำคัญในการวิเคราะห์ นอกจากนี้ บุคคลคุณธรรมจะใช้เวลาน้อยลงใน Facebook และมี Facebook เพื่อน แต่พิสูจน์แล้วว่าประเด็นสำคัญไม่ บุญสนใจวิจัยในอนาคตเป็นปัจจัยเหล่านี้พบในแฮมเบอร์เกอร์ Amichai และ Vinitzky (2010), การศึกษานี้และของรอสส์ et al. (2009) ตามลำดับ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เพื่อน Facebook มากขึ้น ขัดกับความคาดหวังที่มั่นคงในอารมณ์ลักษณะเป็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้ Facebook (r = 0.102) ว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเวลาที่ใช้ใน Facebook ผลลัพธ์เหล่านี้จะแตกต่างเหล่านั้นของมัวร์และ McElroy (2011) และ Wehrli (2008) ซึ่งอ้างว่าผู้ใช้มีอาการทางประสาทมีแนวโน้มที่จะใช้เวลามากขึ้นบน Facebook ปัจจัยเดียวที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงในอารมณ์ลักษณะเป็นจำนวนเพื่อนใน Facebook ซึ่งระบุว่าบุคคลที่มีอาการทางประสาทมีแนวโน้มที่จะมีเพื่อนน้อยลงใน Facebook แม้ว่าจะมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญก็ repudiates สมมติฐาน 2. ดังนั้นสมมติฐานสูตรก็ไม่ได้รับการสนับสนุน แม้จะมีความจริงที่มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระหว่างความมั่นคงในอารมณ์ลักษณะและจำนวนของเพื่อน Facebook สัดส่วนของความแปรปรวนที่อธิบายไว้ในกรณีนี้ต่ำเกินไป, การบัญชีสำหรับเพียงประมาณร้อยละ 1.4 ขณะที่เปิดเผยใน R 2 = 0.014 (p> 0.05) การศึกษาครั้งนี้คาดว่าบุคคลที่เปิดกว้างมากขึ้นจะใช้เวลามากขึ้นใน Facebook และมีรายชื่อออนไลน์มากขึ้น แต่ผลไม่สนับสนุนสมมติฐานนี้ นอกจากนี้การศึกษาครั้งนี้คาดว่าคนที่น่าพอใจมากขึ้นจะใช้เวลาน้อยลงใน Facebook ให้มีเพื่อน Facebook น้อยลง แต่ก็ไม่ได้เป็นปัจจัยสำคัญในการใด ๆ ของการวิเคราะห์ นอกจากนี้คนที่ขยันขันแข็งจะใช้เวลาน้อยลงใน Facebook และมีเพื่อนใน Facebook มากขึ้น แต่การพิสูจน์แล้วว่าไม่มีผลการวิจัยอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจัยเหล่านี้ควรได้รับความสนใจในการวิจัยในอนาคตที่พบใน Amichai แฮมเบอร์เกอร์และ Vinitzky (2010) ในการศึกษาครั้งนี้และที่ของรอสส์, et al (2009) ตามลำดับ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เพื่อนของ Facebook เพิ่มเติม ตรงข้ามกับความคาดหวัง ไม่เกี่ยวกับ ใช้ Facebook คุณลักษณะทางสถิติ ( r = 0.102 ) หรือมีความสัมพันธ์กับเวลาที่ใช้ใน Facebook ผลเหล่านี้จะแตกต่างจากที่ของมัวร์และ McElroy ( 2011 ) และ wehrli ( 2008 ) ซึ่งอ้างว่าผู้ใช้ประสาทมีแนวโน้มที่จะใช้เวลามากขึ้นใน Facebook ปัจจัยเดียวที่มีผลต่อคุณลักษณะทางสถิติที่เป็นหมายเลขของ Facebook เพื่อนที่ระบุว่า บุคคลภายใน มักจะมีเพื่อนน้อยลงบน Facebook แม้ว่ามีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญ มัน repudiates สมมติฐาน 2 ดังนั้น สมมติฐาน สูตรก็ไม่สนับสนุน แม้จะมีความเป็นจริงมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระหว่างคุณลักษณะทางสถิติและจำนวนเพื่อนในเฟซบุ๊ก สัดส่วนความอธิบายในตัวอย่างนี้ต่ำเกินไป และเพียงประมาณร้อยละ 1.4 ขณะที่พบใน R 2 = 0.014 ( P > 0.05 ) การศึกษานี้ ได้คาดการณ์ไว้ว่า บุคคลที่เปิดมากขึ้นจะใช้เวลามากขึ้นบน Facebook และมีการติดต่อออนไลน์มากขึ้น แต่ผลการวิจัยไม่สนับสนุนสมมติฐานนี้ นอกจากนี้ การศึกษานี้คาดหวังว่าคบหาผู้คนมากขึ้นจะใช้เวลาน้อยกว่าใน Facebook ได้มีเพื่อนน้อยลง แต่นี้ไม่ได้เป็นปัจจัยที่สำคัญในการใด ๆขององค์ประกอบ นอกจากนี้ รอบคอบ ผู้คนจะใช้เวลาน้อยลงบน Facebook และมีเพื่อนมากขึ้น แต่พิสูจน์แล้วว่าไม่มีผลอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจัยเหล่านี้ได้รับความสนใจในการวิจัยในอนาคต เช่น แฮมเบอร์เกอร์ และพบใน amichai vinitzky ( 2010 ) ในการศึกษานี้และของ Ross et al . ( 2009 ) ตามลำดับ