Bladder cancer. In one study that c

Bladder cancer. In one study that compared people with and without bladder cancer, researchers found that women who drank black tea and powdered green tea were less likely to develop bladder cancer. A follow-up clinical study by the same group of researchers revealed that people with bladder cancer, particularly men, who drank green tea had a better 5-year survival rate than those who did not drink green tea. People with cancer should consult with their doctor before adding tea to their regimen.
Breast cancer. Studies in animals and test tubes suggest that polyphenols in green tea inhibit the growth of breast cancer cells. In one study of 472 women with various stages of breast cancer, researchers found that women who drank the most green tea had the least spread of cancer. It was especially true in premenopausal women in the early stages of breast cancer. They also found that women with early stages of the disease who drank at least 5 cups of tea daily before being diagnosed with cancer were less likely to experience a recurrence after they finished treatment. However, women with late stages of breast cancer had little or no improvement from drinking green tea.

There is no clear evidence one way or the other about green tea and breast cancer prevention. In one very large study, researchers found that drinking tea, green or any other type, was not associated with a reduced risk of breast cancer. However, when the researchers broke down the sample by age, they found that women under the age of 50 who consumed 3 or more cups of tea per day were 37% less likely to develop breast cancer compared to women who did not drink tea.Skin cancer. The main polyphenol in green tea is epigallocatechin gallate (EGCG). Scientific studies suggest that EGCG and green tea polyphenols have anti-inflammatory and anticancer properties that may help prevent the development and growth of skin tumors

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ในการศึกษาที่เปรียบเทียบคนที่มี และไม่ มีโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ นักวิจัยพบว่า ผู้หญิงที่ดื่มชาดำ และผงชาเขียวมีโอกาสน้อยที่จะเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ การศึกษาติดตามผลทางคลินิก โดยนักวิจัยกลุ่มเดียวกันเปิดเผยว่า คนที่ มีโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ชาย ที่ดื่มชาเขียวมีอัตราการอยู่รอด 5 ปีดีกว่าผู้ที่ไม่ดื่มชาเขียว คนเป็นมะเร็งควรปรึกษากับแพทย์ของพวกเขาก่อนเพิ่มชาการปกครองของพวกเขามะเร็งเต้านม ศึกษาในสัตว์และหลอดทดลองแนะนำว่า โพลีฟีนในชาเขียวยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านม ในการศึกษาของผู้หญิงที่ 472 มีขั้นตอนต่าง ๆ ของมะเร็งเต้านม นักวิจัยพบว่า ผู้หญิงที่ดื่มชาเขียวมากที่สุดมีน้อยแพร่กระจายของมะเร็ง มันเป็นจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิง premenopausal ในระยะแรก ๆ ของมะเร็งเต้านม พวกเขายังพบว่า ผู้หญิง มีระยะแรกของโรคที่ดื่มน้อย 5 ถ้วยชาทุกวันก่อนการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง มีโอกาสน้อยที่จะพบการเกิดขึ้นประจำหลังจากที่พวกเขาเสร็จสิ้นการรักษา อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงกับระยะปลายของโรคมะเร็งเต้านมมีน้อย หรือไม่มีการปรับปรุงจากการดื่มชาเขียวมีหลักฐานไม่ชัดเจนวิธีหนึ่งหรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการป้องกันโรคมะเร็งเต้านมและชาเขียว ในการศึกษาขนาดใหญ่มาก นักวิจัยพบว่า การดื่มชา สีเขียว หรือ ชนิดอื่น ๆ ไม่เกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงของมะเร็งเต้านม อย่างไรก็ตาม เมื่อนักวิจัยลงทะเบียนตัวอย่างตามอายุ พวกเขาพบผู้หญิงอายุ 50 ที่บริโภค น้อย 3 ถ้วยต่อวันชา 37% โอกาสน้อยที่จะเป็นมะเร็งเต้านมเมื่อเทียบกับผู้หญิงที่ไม่ได้ดื่มชา โรคมะเร็งที่ผิวหนัง เทคโนโลยีหลักในชาเขียวคือ epigallocatechin gallate (EGCG) การศึกษาทางวิทยาศาสตร์แนะนำว่า โพลีฟีน EGCG และชาเขียวมีการต้านการอักเสบ และคุณสมบัติต้านมะเร็งที่อาจช่วยป้องกันไม่ให้การพัฒนาและเจริญเติบโตของเนื้องอกผิวหนัง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ในการศึกษาหนึ่งที่เมื่อเทียบกับคนที่มีและไม่มีโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะนักวิจัยพบว่าผู้หญิงที่ดื่มชาดำและชาเขียวผงมีโอกาสน้อยที่จะพัฒนาเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ การศึกษาทางคลินิกติดตามโดยกลุ่มเดียวกันของนักวิจัยเปิดเผยว่าคนที่เป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ดื่มชาเขียวมีอัตราการอยู่รอด 5 ปีดีกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่มชาเขียว คนที่เป็นมะเร็งควรปรึกษากับแพทย์ของพวกเขาก่อนที่จะเพิ่มชาระบบการปกครองของพวกเขา.
โรคมะเร็งเต้านม การศึกษาในสัตว์และหลอดทดสอบแสดงให้เห็นว่าโพลีฟีนในชาเขียวช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านม ในการศึกษาหนึ่งของผู้หญิง 472 กับขั้นตอนต่างๆของโรคมะเร็งเต้านมนักวิจัยพบว่าผู้หญิงที่ดื่มชาเขียวส่วนใหญ่มีการแพร่กระจายของโรคมะเร็งน้อย มันเป็นความจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิงวัยก่อนหมดประจำเดือนในช่วงแรกของการเป็นมะเร็งเต้านม นอกจากนี้ยังพบว่าผู้หญิงที่มีขั้นตอนแรกของโรคที่ดื่มน้อยกว่า 5 ถ้วยชาเป็นประจำทุกวันก่อนที่จะถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งมีโอกาสน้อยที่จะได้สัมผัสกับการกลับมาอีกหลังจากที่พวกเขาเสร็จสิ้นการรักษา แต่ผู้หญิงที่มีปลายขั้นตอนของการเป็นมะเร็งเต้านมมีการปรับปรุงน้อยหรือไม่มีเลยจากการดื่มชาเขียว.

ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนวิธีหนึ่งหรืออื่น ๆ เกี่ยวกับชาเขียวและการป้องกันโรคมะเร็งเต้านม ในการศึกษาขนาดใหญ่มากหนึ่งในนักวิจัยพบว่าการดื่มชาเขียวหรือชนิดอื่น ๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งเต้านม แต่เมื่อนักวิจัยยากจนลงตัวอย่างตามอายุที่พวกเขาพบว่าผู้หญิงอายุ 50 ที่บริโภค 3 หรือมากกว่าถ้วยชาต่อวันภายใต้การมีโอกาส 37% น้อยที่จะพัฒนาเป็นมะเร็งเต้านมเมื่อเทียบกับผู้หญิงที่ไม่ได้ดื่ม tea.Skin โรคมะเร็ง. โพลีฟีนหลักในชาเขียวคือ epigallocatechin gallate (EGCG) การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ชี้ให้เห็นว่าสาร EGCG และโพลีฟีนชาเขียวมีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบและต้านมะเร็งที่อาจช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการพัฒนาและการเจริญเติบโตของเนื้องอกผิวหนัง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ในการศึกษาหนึ่งที่เปรียบเทียบกับคนไม่มีมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ , นักวิจัยพบว่าผู้หญิงที่ดื่มชาดำและชาเขียวเป็นโอกาสน้อยที่จะพัฒนาโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ การติดตามผลการศึกษาทางคลินิกโดยกลุ่มของนักวิจัยพบว่าคนที่เป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ โดยเฉพาะผู้ชายที่ดื่มชาเขียวมีกว่า 5 ปีอัตราการอยู่รอดสูงกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่มชาเขียว คนที่เป็นมะเร็งควรปรึกษากับแพทย์ของพวกเขาก่อนที่จะเพิ่มชาเพื่อระบบการปกครองของพวกเขามะเร็งเต้านม การศึกษาในสัตว์ และหลอดทดลองชี้ให้เห็นว่า Polyphenols ในชาเขียวช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านม . ในการศึกษาหนึ่งของพวกผู้หญิงกับขั้นตอนต่างๆของมะเร็งเต้านม นักวิจัยพบว่า ผู้หญิงที่ดื่มชาเขียวอย่างน้อยที่สุดมีการแพร่กระจายของมะเร็ง มันเป็นความจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิง premenopausal ในระยะแรกของโรคมะเร็งเต้านม นอกจากนี้ยังพบว่าผู้หญิงที่มีระยะแรกของโรคที่ดื่มอย่างน้อย 5 ถ้วยของชาทุกวัน ก่อนที่จะถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง เป็นโอกาสน้อยที่จะได้รับกลับมาหลังจากที่พวกเขาเสร็จสิ้นการรักษา อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงที่มีสายขั้นตอนของมะเร็งเต้านมมีการปรับปรุงเล็ก ๆน้อย ๆหรือไม่ จากการดื่มชาเขียวไม่มีหลักฐานชัดเจนในหนึ่งวิธีหรืออื่น ๆเกี่ยวกับชาเขียวและการป้องกันโรคมะเร็งเต้านม ในการศึกษาขนาดใหญ่มาก นักวิจัยพบว่า การดื่มชาเขียว หรือชนิดอื่น ๆ ไม่มีความสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งเต้านม อย่างไรก็ตาม เมื่อนักวิจัยที่ยากจนลง ตัวอย่างตามอายุ พวกเขาพบว่า ผู้หญิงอายุ 50 ที่ใช้ 3 ตัวหรือมากกว่าถ้วยของชาต่อวันเป็น 37 % มีโอกาสน้อยที่จะพัฒนาเป็นมะเร็งเต้านมเมื่อเทียบกับผู้หญิงที่ไม่ได้ดื่มชา โรคมะเร็งผิวหนัง และโพลีฟีนหลักในชาเขียว gallate ( EGCG ) การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ชี้ให้เห็นว่าโพลีฟีนชาเขียวและ EGCG มีสรรพคุณต้านการอักเสบและต้านมะเร็ง อาจช่วยป้องกันการพัฒนาและการเจริญเติบโตของเนื้องอกผิวหนัง