4. ผู้จัดการมรดกและผู้ครอบครองทรัพย์มรดก
ปกติกองมรดกคือ ทรัพย์สินของผู้ตาย แต่เมื่อเขาตายแล้วจะมีบุคคลสองคนที่มีอิทธิพลต่อกองมรดก คนที่หนึ่ง คือ ผู้จัดการมรดกซึ่งศาลแต่งตั้งบุคคลที่มีผู้ร้องขออันมีส่วนได้ส่วนเสียในกองมรดก รู้เรื่องเกี่ยวกับทรัพย์มรดก และมีความประพฤติดี ไม่สุรุ่ยสุร่าย ไม่เล่นการพนัน จากนั้นผู้จัดการมรดกจะมารวบรวมทรัพย์สินและหนี้สินของกองมรดก เพื่อแบ่งให้ทายาทบุคคลที่สองที่มีอิทธิพลต่อกองมรดก คือ ผู้ครอบครองทรัพย์มรดก เพราะสินทรัพย์ไม่ว่าจะมีทะเบียนหรือไม่มีทะเบียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ แม้ผู้ตายจะเป็นเจ้าของ แต่ผู้ตายอาจจะนำไปฝากไว้กับบุคคลอื่น หรือให้บุคคลอื่นยืมใช้ไป และยังไม่ได้รับคืน ถ้าเจ้าของถึงแก่ความตายและผู้ที่รับฝากหรือผู้ยืม ซึ่งเป็นผู้ครอบครองทรัพย์ไม่แจ้งมายังผู้จัดการมรดกหรือทายาท ก็อาจจะไม่มีใครทราบว่า ทรัพย์สินชิ้นนั้นอยู่ที่ใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน สินทรัพย์หลายชิ้นแม้จะมีมูลค่ามาก แต่ก็ไม่มีทะเบียนและอาจตกอยู่ในความครอบครองของบุคคลอื่น ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับผู้ตายเลย เช่น ทองคำ เพชรนิลจินดา หรือแม้แต่ใบหุ้นซึ่งออกให้แก่ผู้ถือ เหตุนี้ถ้าทั้งผู้จัดการมรดกและผู้ครอบครองทรัพย์มรดกไม่เปิดเผยรายละเอียดของสินทรัพย์มรดกแล้วก็เป็นอุปสรรคประการหนึ่ง ในการจัดเก็บภาษีมรดก ผู้จัดการมรดกอาจมีข้อแก้ตัวว่ายังเก็บรวบรวมทรัพย์สินของผู้ตาไม่เสร็จเรียบร้อย หรือมีการโต้แย้งอยุ่ในระหว่างการเรียกคืนทรัพย์สินจากผู้ที่ครอบครองทรัพย์มรดก หรือต้องต่อสู้กับเจ้าหนี้ที่เรียกร้องเงินหรือทรัพย์สินจากกองมรดก