ดร.การดี" ฉายภาพความสุขของคนเอเชียผ่านค่าดัชนีความสุข ทั้งยังวิเคราะห์เชื่อมโยงถึงตัวเลข GDP พบว่าชาวสิงคโปร์มีค่าดัชนีความสุขต่ำสุดในอาเซียน
ถ้าพูดถึงการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและตัวชี้วันเศรษฐกิจที่สำคัญ เรามักก็จะอ้างอิงถึงมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP (Gross Domestic Product) อัตราการเติบโตของมูลค่า GDP บอกถึงอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ คนในประเทศน่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น การจ้างงานมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว
GDP มักถูกใช้เป็นค่าบ่งชี้ถึงความมั่งคั่งและมาตรฐานการครองชีพของคนในประเทศนั้นๆนั่นเอง เนื่องจากสามารถวัดค่าเป็นตัวเลขได้ และมีการนำมูลค่าต่างๆ มาอ้างอิงได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งในแต่ละปีจะมีสถาบันและองค์กรระหว่างประเทศชั้นนำต่างๆ ออกมาจัดทำรายงานและแสดงมูลค่าทางเศรษฐกิจและตัวชี้วัดต่างๆ พร้อมทั้งจัดอันดับศักยภาพทางเศรษฐกิจจนกลายเป็นมาตรฐานการชี้วัดเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคและระดับโลก
แต่ต้องอย่าลืมว่าตัวเลขที่เรามักพูดถึงกันอย่างแพร่หลายในการรายงานข่าวเศรษฐกิจนี้ ไม่ได้มีการคำนึงการใช้ทรัพยากรว่าให้เกิดประโยชน์มากน้อยเพียงใด ไม่บ่งบอกถึงการสูญเสียจากการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ได้คำนึงถึงคุณภาพของสินค้าและบริการ ไม่ได้ใส่ใจว่าผู้คนทำงานหนักขึ้นหรือไม่ ไม่ได้สนใจว่าคนจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นหรือไม่ และที่สำคัญไม่ได้บ่งบอกว่าคนในประเทศนั้นๆมี “ความสุข” หรือไม่
เมื่อ GDP และความมั่งคั่งไม่ได้บ่งบอกถึงความสุข ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีความพยายามในการพัฒนาดัชนีความสุขของประชาชนในประเทศ โดยใช้ทฤษฎีความสุขมวลรวมประชาชาติ Gross National Happiness (GNH) ซึ่งดัชนีดังกล่าวได้ให้ความสำคัญต่อความสุขของคนในชาติมากกว่าการวัดด้วยตัวเลขหรือผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP)
รวยกว่าไม่ได้แปลว่ามีความสุขกว่าเสมอไป สำหรับประเทศในอาเซียนเป็นที่ทราบกันดีกว่าหากวัดความสำเร็จทางด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ สิงคโปร์จัดได้ว่าเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในอาเซียน มีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีสูงที่สุดในอาเซียนหรือประมาณ 1.53 ล้านบาทต่อปี ในขณะที่ประเทศไทยมีรายได้เฉลี่ยต่อคนประมาณ 1.7 แสนบาทต่อคนต่อปี
เวียดนามมีรายได้เฉลี่ยต่อคนประมาณ 49,000 บาทต่อคนต่อปี และสหภาพเมียนมาร์เป็นประเทศที่มีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีต่ำที่สุดในอาเซียนหรือประมาณ 25,000 บาทต่อคนต่อปี ซึ่งถ้าหากวัดจากรายได้ของประชากรในประเทศแล้วสิงคโปร์จะเป็นประเทศที่ประชากรมีความสุขที่สุดในอาเซียน เพราะชาวสิงคโปร์มีรายได้สูงหรือมากกว่าชาวไทย 9 เท่าตัว และมีรายได้มากกว่าชาวเมียนมาร์ถึง 61 เท่าตัว
การวัดดัชนีความสุข (Happy Planet Index: HPI) ซึ่งเป็นการวัดความสุขของมูลนิธิเศรษฐศาสตร์ใหม่ (New Economics Foundation) เป็นการสะท้อนความสมดุลทั้งความสุขทางกายและทางใจไปพร้อมๆ กัน รวมถึงการสร้างความสุขให้กับสังคมด้วย ซึ่งประกอบไปด้วยหลักที่สำคัญ 3 ประการ คือ
(1) ความพึงพอใจในการมีชีวิต (Life satisfaction) ประชาชนมีความพึงพอใจกับเทคโนโลยีการศึกษา การบริหารงานของรัฐบาลที่โปร่งใส สภาพความเป็นอยู่ฯลฯ
(2) ชีวิตอายุยืนยาว (Life expectancy) การใช้ชีวิตให้ยืนยาว และมีความสุขได้ภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีอยู่ และ
(3) การรักษาระบบนิเวศ (Ecology Footprint) ดูแลควบคุมอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อมนุษย์และสัตว์
จากผลการจัดอันดับดัชนีโลกมีสุขในปี 2012 พบว่า เวียดนามเป็นประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในอาเซียน และเป็นประเทศที่มีความสุขมากเป็นอันดับ 2 ของโลก (จาก 151 ประเทศทั่วโลก) รองลงมาในกลุ่มอาเซียน คือ อินโดนีเซียและประเทศไทย และประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีความสุขมากน้อยที่สุดในอาเซียน
ในขณะที่หลายคนรู้สึกอิจฉา “ชาวสิงคโปร์” ที่ทุกดัชนีชี้วัดศักยภาพของประเทศของสิงค์โปร์อยู่ในอันดับต้นๆของภูมิภาคและของโลกทั้งสิ้น แต่ดัชนีความสุขของชาวสิงคโปร์กลับมีค่าต่ำสุดในอาเซียน