2.1. ProcedureThis study was carrie

2.1. Procedure
This study was carried out 302 voluntary mothers of the students (mean aged 12.5 ±1.8 years, 132 boys and 170
girls) in Ankara, Turkey. After gathering some information about students, mothers of these students were invited to
the school, and the inventory was given to them to determine their nutritional knowledge and attitudes and behaviors
about their children’s nutrition. Also, body weight and height of the children and mothers were measured using
standard measurement techniques, and Body Mass index (BMI) was calculated for all subjects. BMI 18.5-24.9
kg/m2
were considered normal weight, and BMI >24.9 kg/m2 was obese.
2.2. Assessment of nutrition knowledge, attitude and behaviors
A thirty items inventory was used to determine nutritional knowledge levels of the mothers. This inventory was
developed by the researchers through benefiting from the questionnaires created by Erenoglu, Ayranci, & Son,
(2006) and Parmenter & Wardle (1999). 15 points and lower is considered low, and higher scores of 15 points is
considered higher nutritional knowledge. Also, mothers were replied the other questions which are related their
child’s eating habits and behaviors. The research data were collected through a questionnaire and face-to-face
interviews.
2.3. Statistical analysis
The data of the study were evaluated using SPSS 16.0 package program. Results were analyzed with respect to
mothers’ knowledge about nutrition. For the statistical analyses of the data, tables were prepared to show mean,
standard deviation and percentage (%) values. Inter group comparisons performed with chi square. A criterion p
level of

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

2.1. Procedure
This study was carried out 302 voluntary mothers of the students (mean aged 12.5 ±1.8 years, 132 boys and 170
girls) in Ankara, Turkey. After gathering some information about students, mothers of these students were invited to
the school, and the inventory was given to them to determine their nutritional knowledge and attitudes and behaviors
about their children’s nutrition. Also, body weight and height of the children and mothers were measured using
standard measurement techniques, and Body Mass index (BMI) was calculated for all subjects. BMI 18.5-24.9
kg/m2
were considered normal weight, and BMI >24.9 kg/m2 was obese.
2.2. Assessment of nutrition knowledge, attitude and behaviors
A thirty items inventory was used to determine nutritional knowledge levels of the mothers. This inventory was
developed by the researchers through benefiting from the questionnaires created by Erenoglu, Ayranci, & Son,
(2006) and Parmenter & Wardle (1999). 15 points and lower is considered low, and higher scores of 15 points is
considered higher nutritional knowledge. Also, mothers were replied the other questions which are related their
child’s eating habits and behaviors. The research data were collected through a questionnaire and face-to-face
interviews.
2.3. Statistical analysis
The data of the study were evaluated using SPSS 16.0 package program. Results were analyzed with respect to
mothers’ knowledge about nutrition. For the statistical analyses of the data, tables were prepared to show mean,
standard deviation and percentage (%) values. Inter group comparisons performed with chi square. A criterion p
level of <0.05 was used to determine statistical significance.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

2.1 ขั้นตอนการ
ศึกษาครั้งนี้ได้ดำเนินการ 302 แม่สมัครใจของนักเรียน (อายุเฉลี่ย 12.5 ± 1.8 ปี, 132 ชายและ 170
สาว) ในอังการาประเทศตุรกี หลังจากรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนักเรียนบางคนแม่ของนักเรียนเหล่านี้ได้รับเชิญไป
โรงเรียนและสินค้าคงคลังที่ถูกให้กับพวกเขาเพื่อตรวจสอบความรู้ทางโภชนาการของพวกเขาและทัศนคติและพฤติกรรม
เกี่ยวกับโภชนาการของเด็ก นอกจากนี้น้ำหนักตัวและส่วนสูงของเด็กและมารดาถูกวัดโดยใช้
เทคนิคการวัดมาตรฐานและดัชนีมวลกาย (BMI) ที่คำนวณได้สำหรับทุกวิชา ค่าดัชนีมวลกาย 18.5-24.9
กิโลกรัม / m2
ได้รับการพิจารณาน้ำหนักปกติและค่าดัชนีมวลกาย> 24.9 กก. / m2 เป็นโรคอ้วน.
2.2 การประเมินความรู้ด้านโภชนาการทัศนคติและพฤติกรรม
สามสิบสินค้าคงคลังรายการที่ถูกใช้ในการกำหนดระดับความรู้ทางโภชนาการของมารดา สินค้าคงคลังนี้ได้รับการ
พัฒนาโดยนักวิจัยที่ผ่านการได้รับประโยชน์จากแบบสอบถามที่สร้างขึ้นโดยerenoğlu, Ayranci และบุตร
(2006) และ Parmenter & เดิ้ล (1999) 15 คะแนนและล่างถือว่าเป็นระดับต่ำและคะแนนที่สูงขึ้นจาก 15 คะแนนจะ
พิจารณาความรู้ทางโภชนาการสูง นอกจากนี้คุณแม่ได้รับการตอบคำถามอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องของพวกเขา
เด็กนิสัยการกินและพฤติกรรม เก็บรวบรวมข้อมูลผ่านแบบสอบถามและใบหน้าเพื่อใบหน้า
สัมภาษณ์.
2.3 การวิเคราะห์ทางสถิติ
ข้อมูลของการศึกษาได้รับการประเมินโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป SPSS 16.0 ผลที่ได้มาวิเคราะห์ด้วยความเคารพต่อ
ความรู้ของมารดาเกี่ยวกับโภชนาการ สำหรับการวิเคราะห์ทางสถิติของข้อมูลตารางได้จัดทำขึ้นเพื่อแสดงค่าเฉลี่ย
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและร้อยละ (%) ค่า การเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มดำเนินการกับตารางไค P เกณฑ์
ระดับ <0.05 ถูกใช้ในการกำหนดนัยสำคัญทางสถิติ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

2.1 . ขั้นตอน
ศึกษา 302 มารดาความสมัครใจของนักเรียน ( หมายถึงอายุ 12.5 ± 1.8 ปี แต่เด็กชายและหญิง 170
) ในอังการา , ตุรกี หลังจากรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนักเรียน มารดาของนักศึกษาเหล่านี้ได้รับเชิญ

โรงเรียน และสิ่งของให้กับพวกเขา เพื่อศึกษาความรู้และทัศนคติและพฤติกรรม
เกี่ยวกับโภชนาการของลูก ๆ นอกจากนี้น้ำหนักและส่วนสูงของเด็กและมารดาถูกวัดโดยใช้
เทคนิคการวัดมาตรฐาน และดัชนีมวลกาย ( BMI ) คำนวณได้ทุกวิชา ค่า

18.5-24.9 กก. / ตร. ม. ก็ถือว่าน้ำหนักปกติ และ BMI > 24.9 กก. / ตร. ม. เป็นตุ๊ .
2.2 . การประเมินความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรม
โภชนาการสินค้า 30 รายการศึกษาระดับความรู้ทางโภชนาการของมารดา สินค้านี้ถูกพัฒนาโดยนักวิจัยที่ผ่าน
ประโยชน์จากแบบสอบถามที่สร้างขึ้นโดย erenoglu ayranci & , , ลูกชาย ,
( 2006 ) และคณะ & วาร์เดิล ( 1999 ) 15 จุด และต่ำกว่าถือว่าต่ำและสูงกว่าคะแนน 15 คะแนน
ถือว่าโภชนาการสูงกว่าความรู้ นอกจากนี้มารดาตอบคำถามอื่น ๆที่เกี่ยวข้องของพวกเขา
เด็กนิสัยการรับประทานอาหารและพฤติกรรม เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม และการสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว
.
2.3 การวิเคราะห์ทางสถิติ
ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ การใช้โปรแกรมสำเร็จรูป SPSS 16.0 . วิเคราะห์ผล ด้วยความเคารพ

ความรู้ของมารดาเกี่ยวกับโภชนาการสำหรับการวิเคราะห์ทางสถิติของข้อมูลตารางได้เตรียมที่จะแสดงหมายถึง
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าร้อยละ ( % ) ค่า การเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มใช้ไคสแควร์ เกณฑ์ P
( < 0.05 ศึกษาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ