เลขที่หนังสือ
: กค 0706/3892
วันที่
: 8 พฤษภาคม 2549
เรื่อง
: เงินได้นิติบุคคล กรณีการจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืมและค่าบริหารจัดการไปต่างประเทศ
ข้อกฎหมาย
: มาตรา 40(2) มาตรา 40(4)(ก) มาตรา 70 มาตรา 78/1(3) และมาตรา 83/6(2) แห่งประมวลรัษฎากร
ข้อหารือ
: นางสาว ศ. ได้มีหนังสือลงวันที่ 29 กันยายน 2548 แจ้งว่าบริษัท ก จำกัด ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำหน่ายในประเทศและต่างประเทศ บริษัท ก ได้กู้ยืมเงินจากบริษัท A ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกัน มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยคิดดอกเบี้ยเงินกู้ยืมในอัตราร้อยละ 5.0 ต่อปี นอกจากนั้น บริษัท A และบริษัท ก ติดต่อซื้อขายสินค้ากันเป็นปกติธุระ โดยบริษัท A จะคิดค่าบริหารจัดการ (Management Fee) จากบริษัท ก ทุกปี ต่อมาบริษัท ก ค้างชำระค่าดอกเบี้ยเงินกู้ยืม ค่าสินค้า และค่าบริหารจัดการ และบริษัท A คิดดอกเบี้ยค้างชำระในอัตราร้อยละ 5.0 ต่อปี จากดอกเบี้ยเงินกู้ยืม และค่าบริหารจัดการ สำหรับหนี้ค่าสินค้าจะชำระโดยการหักบัญชีเจ้าหนี้บริษัท A กับบัญชีลูกหนี้บริษัท A นอกจากนั้นยังคิดดอกเบี้ยในดอกเบี้ยที่ผิดนัดอีกด้วย กรณีซื้อสินค้าจากบริษัท A บริษัท ก จะบันทึกค่าสินค้าค้างชำระในบัญชีเจ้าหนี้บริษัท A (Amount due to the parent company) กรณีค้างชำระค่าดอกเบี้ยเงินกู้ ค่าบริหารจัดการ และดอกเบี้ยล่าช้า จะบันทึกรวมในบัญชีเงินกู้ยืมจากบริษัท A (Loan from the parent company) บริษัท ก จึงขอทราบว่า
1. กรณีการบันทึกรายการดอกเบี้ยเงินกู้ยืม ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมค้างชำระในบัญชีเงินกู้ยืมจะถือว่า บริษัท ก ได้ชำระดอกเบี้ยเงินกู้ยืมแก่บริษัท A ซึ่งถือเป็นการจ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(4)(ก) แห่งประมวลรัษฎากรหรือไม่ และบริษัท ก จะต้องหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายในอัตราร้อยละ 15 ตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร หรือไม่
2. กรณีการบันทึกรายการค่าบริหารจัดการค้างชำระ และดอกเบี้ยจากการค้างชำระในบัญชีเจ้าหนี้เงินกู้ยืมจะถือว่า บริษัท ก ได้ชำระค่าบริหารจัดการ แก่บริษัท A ซึ่งถือเป็นการจ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(2) แห่งประมวลรัษฎากร หรือไม่ บริษัท ก ต้องหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายดังกล่าวอย่างไร มีอนุสัญญาเพื่อเว้นการเก็บภาษีซ้อนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเนเธอร์แลนด์หรือไม่ และบริษัท ก จะต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม(ภ.พ.36) หรือไม่
แนววินิจฉัย
: 1. กรณีดอกเบี้ยเงินกู้ยืม และดอกเบี้ยเงินกู้ยืมค้างชำระ เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (4)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร เนื่องจากมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(2)(3)(4)(5)หรือ(6) แห่งประมวลรัษฎากร ที่จ่ายจากหรือในประเทศไทยให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศมิได้ประกอบกิจการในประเทศไทย มีหน้าที่ต้องหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่าย ดังนั้น กรณีบริษัท ก บันทึกรายการดอกเบี้ยเงินกู้ยืมและดอกเบี้ยเงินกู้ยืมค้างชำระในบัญชีเจ้าหนี้เงินกู้ยืม จึงไม่ถือเป็นการจ่ายดอกเบี้ยออกไปจริง บริษัท ก ไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร แต่อย่างใด
2. กรณีบริษัท ก จ่ายค่าบริหารจัดการ (Management Fee) หากการบริหารจัดการดังกล่าวนั้น ไม่มีความซับซ้อนหรือต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ค่าตอบแทนในการบริหารจัดการ เข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(2) แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับค่าดอกเบี้ยเนื่องจากค่าบริหารจัดการค้างชำระ เข้าลักษณะเป็นเงินได้ที่มีลักษณะทำนองเดียวกับดอกเบี้ยตามมาตรา40(4)(ก) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น กรณีบริษัท ก บันทึกรายการค่าบริหารจัดการค้างชำระและบัญชีดอกเบี้ยค่าบริหารจัดการค้างชำระในบัญชีเจ้าหนี้เงินกู้ยืม ไม่ถือเป็นการจ่ายเงินได้ออกไปต่างประเทศ จึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีจากเงินได้พึงประเมินที่จ่ายตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร
กรณีภาษีมูลค่าเพิ่ม เนื่องจากการบริหารจัดการของบริษัท A เข้าลักษณะเป็นการให้บริการโดยผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการในต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักรซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งหมดหรือบางส่วนเกิดขึ้นเมื่อได้มีการชำระราคาค่าบริการทั้งหมดหรือบางส่วนแล้วแต่กรณี ตามมาตรา 78/1(3) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น กรณีบริษัท ก บันทึกรายการค่าบริหารจัดการค้างชำระ และบัญชีดอกเบี้ยค่าบริหารจัดการค้างชำระในบัญชีเจ้าหนี้เงินกู้ยืม มิใช่เป็นการชำระราคาค่าบริการจึงไม่มีหน้าที่นำส่งเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการมีหน้าที่เสียตามมาตรา 83/6(2) แห่งประมวลรัษฎากร
เลขตู้
:69/34157