Among the forty-four wars with Burm

Among the forty-four wars with Burma between 1538 and 1853,
according to Damrong’s counting, moreover, he emphasised that two
series of those wars were most important ones. One was the series from
1548 to 1604, that is, from the reign of King Chakkraphat to the end
of King Naresuan’s reign. The other was the one from 1759 to 1809,
that is, from the reign of King Ekkathat, the last king of Ayutthaya,
to the end of the reign of King Rama I of Bangkok. The first series
covered the beginning of conflicts that eventually resulted in the first
fall of Ayutthaya to the Burmese in 1569, and the heroic triumph of
King Naresuan who not only recovered Siam’s independence but also
fought back until the Burmese were defeated and Ayutthaya returned
to its grandeur. The second series covered the situations that eventually
led to the second fall of Ayutthaya to the Burmese in 1767, the recovery
of Siam’s independence by King Taksin, and the strengthening of
Siam and its return to glory under Rama I of Bangkok. Here, a new
plot of Thai history was formulated. It was a story of struggles for
independence

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ระหว่างสงครามสี่สิบสี่กับพม่าระหว่างไปรษณีย์ที่: 1853ตามการนับของดำรง นอกจากนี้ เขา emphasised ที่สองสำคัญชุดของสงครามเหล่านั้นได้ คนชุดจาก1548 เพื่อ 1604 คือ จากรัชกาลพระจักราพัฒน์ตามในรัชกาลสมเด็จพระนเรศวร อีกคนหนึ่งจาก 1759 เพื่อ 1809นั่นคือ จากรัชกาลพระ Ekkathat พระอยุธยา ล่าสุดท้ายในรัชกาลพระกรุงเทพมหานคร ชุดแรกครอบคลุมการเริ่มต้นของความขัดแย้งที่ส่งผลให้ในที่สุดในครั้งแรกอยู่อยุธยากับพม่าใน 1569 และชัยชนะของงานกล้าสมเด็จพระนเรศวรที่กู้เอกราชของไทยไม่เพียง แต่สู้กลับไปพม่าก็แพ้ และกลับอยุธยาให้ความรู้สึก ชุดที่สองครอบคลุมสถานการณ์ที่สุดนำไปตกที่สองของอยุธยากับพม่าในปีพ.ศ. 2310 การกู้คืนเอกราชของสยามโดยสมเด็จพระเจ้าตากสิน แข็งแกร่งสยามและส่งคืนของ glory ภายใต้พระรามพระกรุงเทพมหานคร ที่นี่ ใหม่แผนไทยประวัติศาสตร์ถูกสูตร มันเป็นเรื่องราวของการต่อสู้ความเป็นอิสระ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ท่ามกลางสงครามสี่สิบสี่กับพม่าระหว่าง 1538 และ 1853 ตามการนับดำรงของยิ่งไปกว่านั้นเขาเน้นย้ำว่าทั้งสองชุดของสงครามเหล่านั้นเป็นคนที่สำคัญที่สุด หนึ่งคือชุดจาก1548-1604, ที่อยู่, จากรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจักรพรรดิไปยังจุดสิ้นสุดของการครองราชย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อีกคนหนึ่งคือหนึ่ง 1759-1809 ที่ว่ามีที่มาจากสมัยพระบาทสมเด็จพระสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์, กษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา, การสิ้นสุดของรัชสมัยของรัชกาลที่ของกรุงเทพมหานคร ชุดแรกที่ครอบคลุมจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งที่ส่งผลในที่สุดแรกการล่มสลายของอยุธยากับพม่าใน1569 และประสบความสำเร็จอย่างกล้าหาญของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่ไม่หายเพียงเอกราชของสยามแต่ยังกลับมาต่อสู้จนกว่าพม่าพ่ายแพ้และอยุธยากลับไปที่ความยิ่งใหญ่ ชุดที่สองครอบคลุมสถานการณ์ที่ในที่สุดจะนำไปสู่การล่มสลายของกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองไปยังพม่าในปี 1767, การกู้คืนความเป็นอิสระของสยามโดยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและเสริมสร้างความเข้มแข็งของสยามและกลับไปสู่ความรุ่งโรจน์ภายใต้พระรามกรุงเทพฯ ที่นี่ใหม่พล็อตของประวัติศาสตร์ไทยเป็นสูตร มันเป็นเรื่องของการต่อสู้เพื่อการเป็นอิสระ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ระหว่างมีสงครามกับพม่าระหว่าง 1850 และ
ตามๆ , ดำรงค์ นับ ยิ่งไปกว่านั้น เขาเน้นว่า สองชุดของสงครามเหล่านั้น
เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด หนึ่งคือชุดจาก
ที่ให้แต่นั่นคือจากรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระ chakkraphat จนถึงที่สุด
รัชกาลสมเด็จพระนเรศวร . อื่น ๆเป็นหนึ่งจาก 1759 เพื่อเพิ่มเติม
, นั่นคือจากรัชสมัยของสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์กษัตริย์ ,กษัตริย์องค์สุดท้ายของอยุธยา
ถึงปลายรัชกาลที่ฉันของกรุงเทพมหานคร ชุดแรก
ครอบคลุมจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งที่ในที่สุดส่งผลให้ตกก่อน
อยุธยากับพม่าใน 1 และกล้าหาญ ชัยชนะของสมเด็จพระนเรศวร ที่ไม่เพียง แต่การกู้คืน

สยามเอกราช แต่ยังสู้จนแพ้พม่าและอยุธยากลับมา
ยิ่งใหญ่ของมันชุดสองครอบคลุมสถานการณ์ที่นำไปสู่การล่มสลายในที่สุด
ที่สองของอยุธยากับพม่าใน 1767 , การกู้คืน
สยามเอกราชของพระเจ้าตากสิน และความเข้มแข็งของ
สยามและกลับไปสู่ความรุ่งโรจน์ภายใต้ถนนพระราม 1 กรุงเทพฯ นี่ พล็อตใหม่
ประวัติศาสตร์ไทยถูกสร้างขึ้น มันคือเรื่องราวของการต่อสู้เพื่อเอกราช