Abstract: Background: Atrial fibril

Abstract: Background: Atrial fibrillation (AF) is the most common sustained cardiac arrhythmia, and patients with AF are at an increased risk for stroke. Thromboprophylaxis with vitamin K antagonists reduces the annual incidence of stroke by approximately 60%, but appropriate thromboprophylaxis is prescribed for only approximately 50% of eligible patients. Health plans may help to improve quality of care for patients with AF by analyzing claims data for care improvement opportunities. Objectives: To analyze pharmacy and medical claims data from a large integrated commercial database to determine the risk for stroke and the appropriateness of anticoagulant use based on guideline recommendations for patients with AF. Methods: This descriptive, retrospective claims data analysis used the Anticoagulant Quality Improvement Analyzer software, which was designed to analyze health plan data. The data for this study were obtained from a 10% randomly selected sample from the PharMetrics Integrated Database. This 10% sample resulted in almost 26,000 patients with AF who met the inclusion criteria for this study. Patients with a new or existing diagnosis of AF between July 2008 and June 2010 who were aged =18 years were included in this analysis. The follow- up period was 1 year. Demographics, stroke risk level (CHADS2 and CHA2DS2-VASc scores), anticoagulant use, and inpatient stroke hospitalizations were analyzed through the analyzer software. Results: Of the 25,710 patients with AF (CHADS2 score 0-6) who were eligible to be included in this study, 9093 (35%) received vitamin K antagonists and 16,617 (65%) did not receive any anticoagulant. Of the patients at high risk for stroke, as predicted by CHADS2, 39% received an anticoagulant medication. The rates of patients receiving anticoagulant medication varied by age-group--16% of patients aged

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บทคัดย่อ: พื้นหลัง: หัวใจเต้นผิดจังหวะ (AF) รวมหัวใจ sustained ทั่ว และผู้ป่วยที่ มี AF เสี่ยงสำหรับโรคหลอดเลือดสมอง Thromboprophylaxis กับตัววิตามิน K ช่วยลดประจำปีของจังหวะประมาณ 60% แต่มีกำหนด thromboprophylaxis ที่เหมาะสมเพียงประมาณ 50% ของผู้ป่วยมีสิทธิ แผนสุขภาพอาจช่วยปรับปรุงคุณภาพของการดูแลสำหรับผู้ป่วยที่มี AF โดยวิเคราะห์ข้อมูลร้องเรียนหาโอกาสปรับปรุงดูแล วัตถุประสงค์: เพื่อวิเคราะห์เภสัชศาสตร์และแพทย์อ้างข้อมูลจากฐานข้อมูลเชิงพาณิชย์รวมขนาดใหญ่เพื่อกำหนดความเสี่ยงสำหรับโรคหลอดเลือดสมองและความใช้ anticoagulant ตามแนวทางคำแนะนำสำหรับผู้ป่วยที่มี AF วิธีการ: อธิบายนี้ วิเคราะห์ข้อมูลร้องเรียนคาดใช้ซอฟต์แวร์วิเคราะห์ปรับปรุงคุณภาพ Anticoagulant ซึ่งถูกออกแบบให้วิเคราะห์ข้อมูลแผนสุขภาพ ข้อมูลสำหรับการศึกษานี้ได้รับมาจากตัวอย่างที่เลือกสุ่ม 10% จากฐานข้อมูลรวม PharMetrics ตัวอย่างนี้ 10% เกิดในผู้ป่วยเกือบ 26,000 กับ AF ที่เกณฑ์รวมสำหรับการศึกษานี้ มีการวินิจฉัย การของ AF ระหว่าง 2551 กรกฎาคมและเดือน 2553 มิถุนายนผู้ป่วยมีอายุ = 18 ปีรวมอยู่ในการวิเคราะห์นี้ ขึ้นตามรอบระยะเวลา 1 ปี ข้อมูลประชากร ความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองระดับ (คะแนน CHADS2 และ CHA2DS2-VASc), ใช้ anticoagulant และห้องคลอดโรคหลอดเลือดสมอง hospitalizations ถูกวิเคราะห์ผ่านซอฟต์แวร์วิเคราะห์ ผลลัพธ์: ของ 25ผู้ป่วย AF 710 (CHADS2 คะแนน 0-6) ที่มีสิทธิ์ที่จะรวมในการศึกษานี้ ตัว 9093 (35%) ได้รับวิตามิน K และ 16,617 (65%) ไม่ได้รับ anticoagulant ใด ๆ ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงสำหรับจังหวะ เป็นที่คาดการณ์โดย CHADS2, 39% รับการยา anticoagulant อัตราของผู้ป่วยที่รับยา anticoagulant ที่แตกต่างกันตามกลุ่มอายุ - 16% ของผู้ป่วยอายุ < 65 ปี 22% ของผู้ที่อายุ 65-74 ปี และ 61% ของผู้สูงอายุ = 75 ปี ระหว่างผู้ป่วยพักจังหวะ เพียง 28% ถือว่า มีตัวแทน anticoagulant ในผู้ป่วยนอกที่ตั้งก่อนเข้าชม บทสรุป: ผลการวิจัยของเราสนับสนุนวรรณกรรมปัจจุบัน บ่งชี้ว่า ผู้ป่วย AF ได้รับ thromboprophylaxis ที่เหมาะสมเพื่อความเสี่ยงสำหรับโรคหลอดเลือดสมอง สม anticoagulation โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยอิก ใช้เพิ่มขึ้นมีศักยภาพในการลดอุบัติการณ์ของโรคหลอดเลือดสมองผู้เกี่ยวข้องและตัว

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทคัดย่อ: พื้นหลัง: ภาวะ Atrial (AF) เป็นที่พบมากที่สุดจังหวะการเต้นของหัวใจอย่างต่อเนื่องและผู้ป่วยที่มีระบบออโต้โฟกัสที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นสำหรับโรคหลอดเลือดสมอง Thromboprophylaxis คู่อริด้วยวิตามินเคช่วยลดอุบัติการณ์ของโรคหลอดเลือดสมองประจำปีประมาณ 60% แต่ thromboprophylaxis เหมาะสมมีการกำหนดเพียงประมาณ 50% ของผู้ป่วยที่มีสิทธิ์ แผนประกันสุขภาพที่อาจจะช่วยในการปรับปรุงคุณภาพของการดูแลผู้ป่วยที่มีระบบออโต้โฟกัสโดยการวิเคราะห์ข้อมูลการเรียกร้องหาโอกาสในการปรับปรุงการดูแล : เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลร้านขายยาและเรียกร้องทางการแพทย์จากฐานข้อมูลเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่แบบบูรณาการในการตรวจสอบความเสี่ยงสำหรับโรคหลอดเลือดสมองและความเหมาะสมของการใช้สารกันเลือดแข็งตามคำแนะนำแนวทางสำหรับผู้ป่วยที่มีระบบออโต้โฟกัส วิธีการ: บรรยายย้อนหลังการวิเคราะห์นี้อ้างข้อมูลที่ใช้ซอฟต์แวร์วิเคราะห์เลือดออกการปรับปรุงคุณภาพซึ่งได้รับการออกแบบในการวิเคราะห์ข้อมูลแผนสุขภาพ ข้อมูลสำหรับการศึกษาครั้งนี้ได้จาก 10% ของกลุ่มตัวอย่างสุ่มเลือกจากฐานข้อมูลแบบบูรณาการ PharMetrics ตัวอย่างนี้ 10% ส่งผลให้ในเกือบ 26,000 ผู้ป่วยที่มีระบบออโต้โฟกัสที่พบเกณฑ์การคัดเลือกสำหรับการศึกษานี้ ผู้ป่วยที่มีการวินิจฉัยใหม่หรือที่มีอยู่ของ AF ระหว่างเดือนกรกฎาคมปี 2008 และมิถุนายน 2010 ที่ได้รับการอายุ = 18 ปีที่ถูกรวมอยู่ในการวิเคราะห์นี้ ระยะเวลาการติดตามเป็น 1 ปีที่ ประชากรระดับความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง (CHADS2 และ CHA2DS2-Vasc คะแนน) การใช้สารกันเลือดแข็งและโรงพยาบาลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองวิเคราะห์ผ่านซอฟต์แวร์วิเคราะห์ ผลการศึกษาผู้ป่วยที่ 25710 ด้วยระบบออโต้โฟกัส (CHADS2 คะแนน 0-6) ที่มีสิทธิที่จะรวมอยู่ในการศึกษาครั้งนี้ 9093 (35%) ได้รับวิตามินเคคู่อริและ 16,617 (65%) ไม่ได้รับสารกันเลือดแข็งใด ๆ ของผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงสำหรับโรคหลอดเลือดสมองเป็นตามคำทำนายของ CHADS2, 39% ที่ได้รับยากันเลือดแข็ง อัตราของผู้ป่วยที่ได้รับยากันเลือดแข็งแตกต่างกันโดยกลุ่มอายุ - 16% ของผู้ป่วยที่อายุ <65 ปี, 22% ของผู้ที่อายุ 65-74 ปีและ 61% ของผู้สูงอายุ = 75 ปี ในผู้ป่วยที่รักษาในโรงพยาบาลสำหรับโรคหลอดเลือดสมองเพียง 28% ได้รับการรักษากับตัวแทนสารกันเลือดแข็งในการตั้งค่าผู้ป่วยนอกก่อนที่จะเข้ารับการรักษา สรุป: ผลการวิจัยของเราสนับสนุนวรรณกรรมปัจจุบันแสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยจำนวนมากที่มีระบบออโต้โฟกัสไม่ได้รับ thromboprophylaxis ที่เหมาะสมในการตอบโต้ความเสี่ยงของพวกเขาสำหรับโรคหลอดเลือดสมอง การใช้งานที่เพิ่มขึ้นของ anticoagulation ที่เหมาะสมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงมีศักยภาพในการลดอุบัติการณ์ของโรคหลอดเลือดสมองพร้อมกับการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องและ morbidities

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นามธรรมพื้นหลัง : กระตุก ( AF ) ที่พบมากที่สุดจากการเต้นผิดปกติของหัวใจ และผู้ป่วยที่มี AF มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นสำหรับโรคหลอดเลือดสมอง thromboprophylaxis ที่มีวิตามิน เค ทำให้ช่วยลดการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง ปีประมาณ 60% แต่ thromboprophylaxis เหมาะสมไว้เพียงประมาณ 50% ของผู้ป่วยที่มีสิทธิ์แผนสุขภาพอาจช่วยปรับปรุงคุณภาพของการดูแลผู้ป่วยที่มี AF โดยการวิเคราะห์ข้อมูลการเรียกร้องโอกาสในการปรับปรุงการดูแล วัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาข้อมูลการเรียกร้องทางการแพทย์และเภสัชกรรมจากขนาดใหญ่แบบบูรณาการฐานข้อมูลเชิงพาณิชย์เพื่อตรวจสอบความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองและความเหมาะสมของการใช้เลือดตามแนวทางคำแนะนำสำหรับผู้ป่วยด้วยวิธีการส่ง : พรรณนาการวิเคราะห์ข้อมูลการเรียกร้องย้อนหลังใช้เลือดวิเคราะห์ปรับปรุงคุณภาพซอฟต์แวร์ ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลแผนสุขภาพ ข้อมูลในการวิจัยได้จากการสุ่มเลือกกลุ่มตัวอย่าง 10% จาก pharmetrics ฐานข้อมูลแบบบูรณาการ ตัวอย่างนี้ 10% ส่งผลให้เกือบ 26 , 000 ผู้ป่วย AF ที่พบรวมเกณฑ์การศึกษาผู้ป่วยที่มีการวินิจฉัยของ AF ใหม่หรือที่มีอยู่ระหว่างเดือนกรกฎาคม 2008 และมิถุนายน 2010 ที่อายุ 18 ปี รวม = ในการวิเคราะห์นี้ ติดตาม ระยะเวลา 1 ปี ประชากร ระดับความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง ( chads2 และ cha2ds2 vasc คะแนน ) ใช้เลือด และโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งศึกษาโดยใช้เครื่องมือซอฟต์แวร์ ผลลัพธ์ : ของ 25เมื่อผู้ป่วย AF ( chads2 คะแนน 0-6 ) ผู้ที่มีสิทธิ์ที่จะถูกรวมอยู่ในการศึกษานี้ 9093 ( 35% ) และได้รับวิตามินเคคู่อริ 16617 ( 65% ) ไม่ได้รับเลือด ของผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงในจังหวะที่คาดการณ์ไว้ โดย chads2 39 % ได้รับยาเลือด อัตราผู้ป่วยที่ได้รับเลือดยาหลากหลายตามกลุ่มอายุ -- 16 % ของผู้ป่วยที่อายุ < 65 ปี22 % ของผู้ที่มีอายุ 65 ถึง 74 ปี และ 61% ของผู้สูงอายุ 75 ปี ในผู้ป่วยโรงพยาบาลจังหวะเพียง 28 % ได้รับการรักษากับตัวแทนเลือดในการตั้งค่าผู้ป่วยนอกก่อนรับเข้า สรุป : ผลการวิจัยของเราสนับสนุนวรรณกรรมปัจจุบัน ระบุว่า มีผู้ป่วยจำนวนมากที่มี AF ไม่ได้รับ thromboprophylaxis เหมาะสมเพื่อต่อต้านความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้นของการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดที่เหมาะสม โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง มีศักยภาพในการลดอุบัติการณ์ของโรคหลอดเลือดสมองพร้อมกับเกี่ยวข้อง fatalities และ morbidities .