The SFA has been used to help victi

The SFA has been used to help victims of bullying by using a “no blame” approach (Young & Holdorf, 2003). “No blame” methods mean that the bullying problem is discussed in a non-judgmental way, providing support to bulled children. At the same time, using a no-blame culture is important for the sake of the bullies because there is evidence to suggest that bullies are victims themselves (Ma,2001; Unnever,2006), although the relationship between the two is not always easily distinguished (Sol-berg & Olweus,2003).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

SFA ที่ถูกใช้เพื่อช่วยผู้ประสบภัยของ bullying โดยใช้วิธี "ไม่กล่าวโทษ" (Young & Holdorf, 2003) วิธี "ไม่กล่าวโทษ" หมายความ ว่า bullying ปัญหากล่าวถึงในทางไม่ judgmental สนับสนุนให้เด็ก bulled ในเวลาเดียวกัน ใช้วัฒนธรรมไม่มีตำหนิเป็นสำคัญเพื่อ bullies ได้เนื่องจากมีหลักฐานแนะนำว่า bullies เป็นเหยื่อเอง (Ma, 2001 Unnever, 2006) แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองมักจะไม่ได้แตกต่าง (โซลเบิร์กลักซ์เชอรี่ & Olweus, 2003)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

SFA ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการกลั่นแกล้งโดยใช้ "ไม่ตำหนิวิธีการ" (Young & Holdorf 2003) "ไม่มีความผิด" วิธีหมายความว่าปัญหาการข่มขู่จะกล่าวถึงในทางที่ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาให้การสนับสนุนกับเด็ก bulled ในเวลาเดียวกันโดยใช้วัฒนธรรมที่ไม่มีตำหนิเป็นสิ่งสำคัญเพื่อประโยชน์ของคนพาลเพราะมีหลักฐานที่จะชี้ให้เห็นว่าคนพาลเป็นเหยื่อตัวเอง (Ma, 2001; Unnever, 2006) แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองไม่เคยได้อย่างง่ายดาย โดดเด่น (Sol-Berg & Olweus 2003)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โดย SFA ได้ถูกใช้เพื่อช่วยให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการกลั่นแกล้ง โดยการใช้ " ไม่มีตำหนิ วิธีการ " ( หนุ่ม& holdorf , 2003 ) " ไม่โทษ " วิธีการหมายความว่าแกล้งเป็นปัญหาที่กล่าวถึงในทางไม่ด่วนตัดสิน การให้การสนับสนุนเพื่อ bulled เด็ก ในเวลาเดียวกัน การใช้ ไม่มีตำหนิ เป็นวัฒนธรรมที่สำคัญ เพื่อประโยชน์ของพวกอันธพาล เพราะมีหลักฐานที่ชี้ชัดว่า การแกล้งเป็นเหยื่อเอง ( มา2001 unnever , 2006 ) แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองจะไม่เสมอได้อย่างง่ายดายแตกต่าง ( โซลเบิร์ก& โอลวีอัส , 2003 )