It is important to understand that

It is important to understand that a child’s self-concept
and the socialization process are closely related. Ray (1989)
discusses several studies that indicate that home school students’
social development is comparable to or more advanced
than that of public school students. One particular
study used the Piers-Harris Children’s Self-Concept Scale
to measure the central core of personality with home
school children in grades 4–12 (Taylor 1986). Home school
students scored significantly higher than public school students,
indicating that they had a more positive self-concept.
Insofar as self-concept is a basic factor of positive sociability,
we can conclude that home schoolers are not socially
deprived nor inferior in socialization (Taylor 1986).
Third, education is not exclusively about a child’s intellect;
it also includes character. Many home school advocates
argue that their view of morality and their deeply held
beliefs and values are not being adequately taught in public
schools, if at all. Therefore, they opt for home schooling to
assure that their children are provided numerous opportunities
to learn and embrace the morals and values that they
deem appropriate. For example, parents can teach their
children the importance of prayer and faith and instruct
them in religious precepts with direct reference to the Bible
or other Scriptures. Home schooling allows families to integrate
their personal beliefs and values, whatever they may
be, into all areas of the curriculum.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จำเป็นต้องเข้าใจว่าเด็ก self-conceptสัมพันธ์กับกระบวนการขัดเกลาทางสังคมอย่างใกล้ชิด เรย์ (1989)กล่าวถึงการศึกษาหลายที่บ่งชี้ว่า โรงเรียนบ้านของนักเรียนพัฒนาสังคมเทียบเท่า หรือสูงขึ้นกว่าของนักเรียนโรงเรียนของรัฐ หนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งศึกษาใช้สเกล Self-Concept แฮท่าเด็กวัดหลักศูนย์กลางของบุคลิกภาพที่เด็กนักเรียนในเกรด 4 – 12 (เทย์เลอร์ 1986) โรงเรียนบ้านคะแนนอย่างมีนัยสำคัญสูงกว่านักเรียนโรงเรียนรัฐบาล นักเรียนระบุว่า พวกเขามี self-concept เป็นบวกมากขึ้นตราบเท่าที่ self-concept คือ ปัจจัยพื้นฐานที่เป็นกันเองบวกเราสามารถสรุปได้ว่า บ้านวัยเรียนไม่สังคมสัตว์เลี้ยง หรือด้อยกว่าในการขัดเกลาทางสังคม (เทย์เลอร์ 1986)ที่สาม การศึกษาไม่เฉพาะเกี่ยวกับสติปัญญาของเด็กนอกจากนี้มันยังมีตัวละคร สนับสนุนโรงเรียนบ้านหลายยืนยันว่า มุมมองของจริยธรรมและจัดของพวกเขาอย่างลึกซึ้งความเชื่อและค่านิยมไม่พอสอนในที่สาธารณะโรงเรียน ถ้าที่ทั้งหมด ดังนั้น พวกเขาเลือกเรียนที่บ้านไปมั่นใจว่า เด็กของพวกเขามีโอกาสมากมายการเรียนรู้ และโอบกอดศีลธรรมและค่านิยมที่พวกเขาเห็นสมควร ตัวอย่างเช่น สามารถสอนพ่อแม่ของพวกเขาเด็กความสำคัญของการละหมาดและศรัทธา และแนะนำในศีลกับพระคัมภีร์อ้างอิงโดยตรงหรือคัมภีร์อื่น ๆ เรียนที่บ้านให้ครอบครัวรวมความเชื่อส่วนบุคคลและค่า สิ่งที่พวกเขาอาจได้ ในพื้นที่ทั้งหมดของหลักสูตร

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะเข้าใจว่าแนวคิดตนเองของเด็ก
และกระบวนการขัดเกลาทางสังคมมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด เรย์ (1989)
กล่าวถึงการศึกษาหลายอย่างที่แสดงให้เห็นว่านักเรียนโรงเรียนบ้าน '
การพัฒนาทางสังคมก็เปรียบได้กับหรือสูงขึ้น
กว่าที่ของนักเรียนในโรงเรียนของรัฐ หนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การศึกษาที่ใช้ชั่งแนวคิดตนเองเพียร์สแฮร์ริสสำหรับเด็ก
ในการวัดแกนกลางของบุคลิกภาพของบ้าน
เด็กนักเรียนเกรด 4-12 (เทย์เลอร์ 1986) โรงเรียนบ้าน
นักเรียนได้คะแนนสูงกว่านักเรียนในโรงเรียนของรัฐอย่างมีนัยสำคัญ
ที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีแนวความคิดตัวเองเป็นบวกมากขึ้น.
ตราบเท่าที่แนวคิดตัวเองเป็นปัจจัยพื้นฐานของการเข้าสังคมในเชิงบวก
ที่เราสามารถสรุปได้ว่าการเรียนที่บ้านไม่ได้สังคม
ที่ถูกลิดรอนมิได้ด้อยกว่าในการขัดเกลาทางสังคม ( . เทย์เลอร์ 1986)
ประการที่สามการศึกษาไม่ได้เป็นเฉพาะเกี่ยวกับสติปัญญาของเด็ก;
ก็ยังมีตัวละคร หลายคนสนับสนุนโรงเรียนบ้าน
ยืนยันว่ามุมมองของคุณธรรมและถือลึกของพวกเขา
เชื่อและค่านิยมที่ไม่ได้รับการสอนอย่างเพียงพอในที่สาธารณะ
โรงเรียนถ้าที่ทั้งหมด ดังนั้นพวกเขาเลือกสำหรับการเรียนการสอนที่บ้านเพื่อ
ให้มั่นใจว่าเด็กของพวกเขาที่มีให้โอกาสมากมายที่
จะเรียนรู้และโอบกอดศีลธรรมและค่าที่พวกเขา
เห็นว่าเหมาะสม ยกตัวอย่างเช่นพ่อแม่ของพวกเขาสามารถสอน
เด็กให้ความสำคัญของการสวดมนต์และความเชื่อและสั่งให้
พวกเขาในศีลในศาสนาที่มีการอ้างอิงโดยตรงกับพระคัมภีร์
หรือพระคัมภีร์อื่น ๆ โรงเรียนบ้านช่วยให้ครอบครัวที่จะบูรณาการ
ความเชื่อส่วนบุคคลและค่าสิ่งที่พวกเขาอาจ
จะเป็นไปได้ในทุกพื้นที่ของหลักสูตร

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะเข้าใจพฤติกรรมของเด็กและกระบวนการทางสังคมมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด . เรย์ ( 2532 )กล่าวถึงหลายการศึกษาที่พบว่า นักเรียนโรงเรียนบ้านพัฒนาสังคม เปรียบได้กับ หรือ ขั้นสูงเพิ่มเติมกว่านักเรียนที่โรงเรียน หนึ่งโดยเฉพาะการศึกษาอัตมโนทัศน์ท่าเรือแฮร์ริสขนาดเด็กวัดแกนกลางของบุคลิกภาพ กับบ้านโรงเรียนเด็กในเกรด 4 – 12 ( Taylor 1986 ) โรงเรียนบ้านนักเรียนที่ได้คะแนนสูงกว่านักเรียนโรงเรียนแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีอัตมโนทัศน์เชิงบวกมากขึ้นตราบเท่าที่อัตมโนทัศน์เป็นปัจจัยพื้นฐานของการรับรู้ในเชิงบวกเราสามารถสรุปได้ว่าในบ้านด้วยไม่เข้าสังคมขาดหรือด้อยในสังคม ( Taylor 1986 )ประการที่สาม การศึกษา ไม่ใช่เฉพาะเกี่ยวกับสติปัญญาของเด็กนอกจากนี้ยังมีตัวละคร สนับสนุนโรงเรียนบ้านหลายยืนยันว่ามุมมองของพวกเขาและศีลธรรมของพวกเขาลึกจัดความเชื่อและค่านิยม ไม่ได้ถูกสอนในสาธารณะอย่างเพียงพอโรงเรียน , ถ้าที่ทั้งหมด ดังนั้นพวกเขาเลือกสำหรับโรงเรียนบ้านไปมั่นใจว่าเด็กของพวกเขาจะได้รับโอกาสมากมายเรียนรู้และยอมรับศีลธรรมและค่านิยมว่าเห็นว่าเหมาะสม ตัวอย่างเช่น พ่อแม่สามารถสอนพวกเขาเด็กความสำคัญของการอธิษฐานและความศรัทธา และสั่งในศีลกับพระคัมภีร์อ้างอิงโดยตรงหรืออื่น ๆ พระคัมภีร์ โรงเรียนบ้านอนุญาตให้ครอบครัวรวมความเชื่อส่วนบุคคลของพวกเขาและสิ่งที่พวกเขาอาจมีค่าเป็น ในพื้นที่ทั้งหมดของหลักสูตร