adhere to a religion, to a school o

adhere to a religion, to a school of thought (philosophy, sect, etc.) or only to their own ideas. In the first two cases, they do it by devoting themselves to religious or ritual practices, ceremonies, recitations, prayers, considerations,philosophic debates, or by being self-contented with beliefs in ideas expounded by a monk, a guru, a philosopher, a book or any another support. In the last case (layman adhering to his own ideas), he shapes his own way to be followed, according to the faiths, or he believes that what does occur after the death is the same thing for all, whatever are the actions being performed prior to it (Examples: Rebirths do occur in a totally unpredictable way; everybody is reborn in a realm of paradise or blissful celestial world (or demoniac); everybody reaches the stage of the divinity; before and after life, only nothingness does prevail, as soon as one dies, nothing whatsoever does remain; etc.)

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ยึดมั่นศาสนาการ ความคิดของโรงเรียน (ปรัชญา สำนัก ฯลฯ) หรือเฉพาะความคิดของตนเอง ในกรณีสอง พวกเขา devoting ตัวเองการปฏิบัติทางศาสนา หรือพิธีกรรม พิธี recitations สวดมนต์ พิจารณา ดำเนิน philosophic หรือ โดยที่ตนเองพึงพอใจกับความเชื่อในความคิดที่ expounded โดยพระ คุรุการ เป็นนักปราชญ์ หนังสือ หรือสนับสนุนใด ๆ อีก ในกรณีสุดท้าย (ยึดมั่นในความคิดของเขาเอง layman), เขารูปร่างเขาเองจะต้องปฏิบัติตาม ตาม faiths หรือเขาเชื่อว่าอะไรเกิดขึ้นหลังจากการตายเป็นสิ่งเดียวกันทั้งหมด สิ่งกำลังดำเนินการก่อนดำเนินการ (ตัวอย่าง: Rebirths เกิดขึ้นแบบไม่แน่นอนทั้งหมด ทุกคนมีรีบอร์นในขอบเขตของสวรรค์ หรือความสุขคนโลก (หรือ demoniac) ทุกคนถึงขั้น ของการ divinity ก่อน และหลัง ชีวิต nothingness เท่านั้นเหนือกว่า เป็นหนึ่งตาย อะไรใด ๆ ยังคง ฯลฯ)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ยึดมั่นในศาสนาไปยังโรงเรียนแห่งความคิด (ปรัชญานิกายอื่น ๆ ) หรือเฉพาะความคิดของตนเอง ในครั้งแรกที่สองกรณีที่พวกเขาทำมันได้โดยการอุทิศตัวเองให้กับการปฏิบัติทางศาสนาหรือพิธีกรรมพิธีทบทวนคำอธิษฐานพิจารณาอภิปรายปรัชญาหรือโดยการเป็นตัวเองเป็นที่พึงพอใจกับความเชื่อความคิดภายในบ้านโดยพระภิกษุสงฆ์, กูรู, นักปรัชญา หนังสือหรือการสนับสนุนใด ๆ อีก ในกรณีที่ผ่านมา (คนธรรมดาที่ยึดมั่นในความคิดของเขาเอง) เขารูปร่างทางของตัวเองของเขาที่จะปฏิบัติตามตามสภาพความเป็นอยู่หรือเขาเชื่อว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากการตายเป็นสิ่งเดียวสำหรับทุกสิ่งที่มีการดำเนินการถูกดำเนินการ ก่อนที่จะมีมัน (ตัวอย่าง: เหม่อลอยไม่เกิดขึ้นในทางที่คาดเดาไม่ได้โดยสิ้นเชิง; ทุกคนจะเกิดใหม่ในดินแดนของสวรรค์หรือโลกสุขสันต์สวรรค์ (หรือผีสิง); ทุกคนถึงขั้นตอนของพระเจ้านั้นก่อนและหลังชีวิตไม่มีอะไรเพียง แต่เหนือกว่า ทันทีที่หนึ่งตายไม่มีอะไรใด ๆ ยังคงไม่; ฯลฯ )

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ยึดมั่นในศาสนา โรงเรียนแห่งความคิด ( ปรัชญา , ลัทธิ , ฯลฯ ) หรือเพียงกับความคิดของตัวเอง ใน 2 กรณีแรก พวกเขาทำโดยการอุทิศตัวเพื่อศาสนาหรือพิธีกรรม พิธี , อาขยาน สวด การอภิปรายปรัชญา หรือที่ตนเองพึงพอใจกับความเชื่อในความคิดที่อธิบายโดยพระสงฆ์ , กูรู , นักปรัชญา , หนังสือหรืออื่นสนับสนุนในคดีสุดท้าย ( ฆราวาส ยึดมั่นในความคิดของตัวเอง ) เขารูปร่างวิธีของเขาที่จะปฏิบัติตาม ตามความเชื่อ หรือเขาเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นหลังความตายเป็นสิ่งเดียวกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น การกระทำที่ถูกดำเนินการก่อน ( ตัวอย่าง : ไปเกิดขึ้นในทาง ; ทั้งหมด ไม่ทุกคนจะเกิดใหม่ในอาณาจักรแห่งสวรรค์หรือความสุขสวรรค์ ( หรือวายร้าย )ทุกคนถึงระยะของพระเจ้า ก่อนและหลังจากชีวิตเพียงความว่างเปล่าไม่ชนะ พอคนหนึ่งตาย ไม่มีอะไรใด ๆยังคง ; ฯลฯ )