President Lyndon B. Johnson's March

President Lyndon B. Johnson's March 1968 announcement that the United States would halt bombing in North Vietnam and seek a negotiated settlement came as a blow to the Thai government, which had not been consulted on the change in policy. Although the defense of Thailand clearly remained essential to the security of Southeast Asia in United States strategic thinking, no provision was made for Laos, whose security the Thai saw as essential to their own defense.
While remaining loyal to its commitments, Thailand thereafter determined to restore flexibility to its foreign policy by moving away from one-sided dependence on the United States. The military, however, was anxious to continue Thailand's active involvement in South Vietnam and in Laos, where several thousand Thai "volunteers" were engaged against the Pathet Lao. Thanom urged United States backing for the Lon Nol regime in Cambodia in 1970 and proposed a formal alliance linking Thailand with Laos, Cambodia, and South Vietnam that would give the conflict in Southeast Asia the appearance of a war being fought by Asian anticommunists for Asian security. The plan failed to get United States support.
Communist activities in Laos and Malaya had already begun to affect the domestic situation in the South and the Northeast in the 1950s, and by the 1960s they presented a problem of increasing magnitude. Communist guerrillas, mostly ethnic Chinese, operated in jungle areas north of the Thai-Malayan border, where they had taken refuge from Commonwealth of Nations security forces during the 1948-60 Emergency in Malaya. A more serious threat in that same region were the Muslim insurgents of the Pattani National Liberation Front, a Thai separatist group composed of ethnic Malays. Meanwhile, in the northern provinces dissident Meo tribesmen reportedly had begun receiving training and arms from the Pathet Lao by 1950. In the Northeast, underground leftist parties took advantage of grievances over relatively poor economic and social conditions to rally opposition to the government. Faced with the problems in the South, North, and Northeast, the Bangkok government frequently identified regional unrest and protest against ethnic and economic policies with the genuine communist-based insurgencies that overlapped and often benefited from it. Opposition groups and critics of the regime in Bangkok were also generally labeled as communists.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ประธานาธิบดี Lyndon B. Johnson ของ 2511 มีนาคมประกาศว่า สหรัฐอเมริกาจะหยุดทิ้งระเบิดในเวียดนามเหนือ และค้นหาการชำระเงินที่มีการเจรจามาเป็นระเบิดรัฐบาลไทย ซึ่งก็ไม่ได้รับคำแนะนำในการเปลี่ยนแปลงนโยบาย แม้ว่าการป้องกันของไทยชัดเจนยังคงจำเป็นสำหรับความปลอดภัยของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสหรัฐอเมริกาคิดเชิงกลยุทธ์ สำรองไม่ทำในลาว รักษาความปลอดภัยที่ไทยเห็นเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันตนเองขณะที่เหลือความผูกพันของ ไทยหลังจากนั้นกำหนดให้คืนความยืดหยุ่นของนโยบายต่างประเทศ โดยการย้ายจากด้านเดียวพึ่งพาสหรัฐอเมริกา ทหาร อย่างไรก็ตาม ไม่กระตือรือร้นในการทำของไทยเกี่ยวข้องงาน ในเวียดนามใต้ และ ลาว ที่หลายพันไทย "อาสาสมัคร" ได้หมั้นกับ Pathet ลาว ถนอมเรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาสนับสนุนสำหรับระบอบลอนในกัมพูชาในปี 1970 และได้เสนอพันธมิตรเชื่อมโยงประเทศไทยกับลาว กัมพูชา และเวียดนามใต้ที่จะให้ความขัดแย้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลักษณะของสงครามที่จะสู้ โดย anticommunists เอเชียสำหรับเอเชีย แผนการล้มเหลวในการรับการสนับสนุนของสหรัฐอเมริกากิจกรรมคอมมิวนิสต์ในลาวและสหพันธรัฐมาลายาได้เริ่มส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ภายในประเทศในภาคใต้และภาคอีสานในช่วงทศวรรษ 1950 และ โดยช่วงปี 1960 พวกเขานำเสนอปัญหาของการเพิ่มขนาด คอมมิวนิสต์พวก ส่วนใหญ่เชื้อชาติจีน ดำเนินการบริเวณป่าทางตอนเหนือของชายแดนไทยเฮอริเทจ ที่พวกเขาได้มาลี้ภัยจากจักรภพกองในฉุกเฉิน 1948 60 ในสหพันธรัฐมาลายา คุกคามที่รุนแรงมากขึ้นในภูมิภาคเดียวกันที่ถูกพวกก่อการร้ายมุสลิมของปัตตานีแห่งชาติปลด กลุ่มแบ่งแยกดินไทยประกอบไทยมลายู ในขณะเดียวกัน ในจังหวัดภาคเหนือ dissident แม้ว tribesmen รายงานเริ่มได้รับการฝึกอบรมและแผ่นดินจาก Pathet ลาว โดย 1950 ในภาคอีสาน ใต้ดินทั้งฝ่ายเอาประโยชน์จากการรักษาเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ และสังคมที่ค่อนข้างยากจนการชุมนุมต่อต้านรัฐบาล ประสบกับปัญหาในภาคใต้ เหนือ และตะวันออกเฉียง เหนือ รัฐบาลกรุงเทพบ่อยระบุความไม่สงบในภูมิภาคและการประท้วงต่อต้านนโยบายเศรษฐกิจ และกลุ่มชาติพันธุ์กับการนานแท้ที่คอมมิวนิสต์ตามที่ซ้อนกัน และมักจะได้รับประโยชน์จากมัน โดยทั่วไปยังกลุ่มต่อต้านและวิจารณ์ระบบการปกครองในกรุงเทพมหานครได้ชื่อเป็นคอมมิวนิสต์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ประธานาธิบดีลินดอนบีจอห์นสันมีนาคม 1968 ประกาศว่าสหรัฐฯจะหยุดระเบิดในภาคเหนือเวียดนามและแสวงหาข้อตกลงการเจรจาต่อรองมาเป็นเป่าให้รัฐบาลไทยซึ่งไม่ได้รับการพิจารณาจากการเปลี่ยนแปลงนโยบาย แม้ว่าการป้องกันของประเทศไทยอย่างชัดเจนยังคงจำเป็นที่จะรักษาความปลอดภัยของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสหรัฐอเมริกาคิดเชิงกลยุทธ์ที่ไม่มีบทบัญญัติที่ถูกสร้างขึ้นสำหรับลาวที่มีความมั่นคงของไทยเห็นว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่จะป้องกันตัวเองของพวกเขา.
ในขณะที่เหลือจงรักภักดีต่อภาระผูกพันประเทศไทยกำหนดหลังจากนั้น เรียกคืนความยืดหยุ่นในการดำเนินนโยบายต่างประเทศของตนโดยการย้ายออกไปจากการพึ่งพาด้านเดียวในประเทศสหรัฐอเมริกา ทหาร แต่ก็อยากที่จะดำเนินการมีส่วนร่วมของไทยในภาคใต้ของประเทศเวียดนามและในประเทศลาวที่หลายพันไทย "อาสาสมัคร" ได้มีส่วนร่วมกับประเทศลาว ถนอมกระตุ้นสหรัฐอเมริกาสนับสนุนสำหรับระบอบการปกครองโหลนนในประเทศกัมพูชาในปี 1970 และนำเสนอเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการเชื่อมโยงประเทศไทยกับประเทศลาวกัมพูชาและเวียดนามตอนใต้ที่จะให้ความขัดแย้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลักษณะของสงครามการต่อสู้ anticommunists เอเชียสำหรับการรักษาความปลอดภัยในเอเชีย . แผนล้มเหลวที่จะได้รับการสนับสนุนสหรัฐอเมริกา.
กิจกรรมคอมมิวนิสต์ในลาวและแหลมมลายูได้เริ่มแล้วที่จะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ในประเทศในภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือในปี 1950 และปี 1960 ที่พวกเขานำเสนอปัญหาของขนาดที่เพิ่มขึ้น การรบแบบกองโจรคอมมิวนิสต์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีนที่ดำเนินการในพื้นที่ป่าทางตอนเหนือของชายแดนไทยมลายูที่พวกเขาได้รับความคุ้มครองจากเครือจักรภพแห่งชาติกองกำลังความมั่นคงในช่วง 1948-1960 ฉุกเฉินในแหลมมลายู ภัยคุกคามที่รุนแรงมากขึ้นในภูมิภาคเดียวกันกับที่เป็นพวกก่อการร้ายชาวมุสลิมของแนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติปัตตานีกลุ่มแบ่งแยกดินแดนไทยประกอบด้วยเชื้อชาติมาเลย์ ในขณะเดียวกันในจังหวัดทางภาคเหนือไม่เห็นด้วยชนเผ่าแม้วมีรายงานว่าได้เริ่มรับการฝึกอบรมและแขนจากประเทศลาวโดยในปี 1950 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือฝ่ายฝ่ายซ้ายใต้ดินใช้ประโยชน์จากความคับข้องใจในช่วงที่ค่อนข้างยากจนสภาพทางเศรษฐกิจและสังคมที่จะมาชุมนุมฝ่ายค้านกับรัฐบาล ต้องเผชิญกับปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคใต้ภาคเหนือภาคตะวันออกเฉียงเหนือและรัฐบาลบ่อยกรุงเทพฯระบุความไม่สงบในระดับภูมิภาคและการประท้วงต่อต้านนโยบายชาติพันธุ์และทางเศรษฐกิจที่มีความไม่สงบของพรรคคอมมิวนิสต์ที่ใช้ของแท้ที่ซ้อนทับและได้รับประโยชน์มักจะมาจากมัน กลุ่มฝ่ายค้านและนักวิจารณ์ของระบอบการปกครองในกรุงเทพฯก็ยังติดป้ายโดยทั่วไปว่าเป็นคอมมิวนิสต์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ประธานาธิบดีลินดอน บี. จอห์นสัน มีนาคม 2511 ประกาศว่าสหรัฐอเมริกาจะหยุดการทิ้งระเบิดในเวียดนามเหนือและขอเจรจายุติมาเป่าให้กับรัฐบาล ซึ่งไม่ได้รับการปรึกษาในการเปลี่ยนแปลงนโยบาย แม้ว่าการป้องกันของประเทศไทยอย่างชัดเจน ยังคงจำเป็นต่อความมั่นคงของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสหรัฐอเมริกาคิดเชิงกลยุทธ์ไม่มีการทำที่ลาว ที่ไทยเห็นการรักษาความปลอดภัยเป็นสิ่งจำเป็นในการป้องกันตนเอง
ในขณะที่เหลือซื่อสัตย์ต่อภาระผูกพัน ประเทศไทยหลังจากนั้นตัดสินใจที่จะเรียกคืนความยืดหยุ่นในนโยบายต่างประเทศ โดยการย้ายจากการพึ่งพาด้านเดียวในสหรัฐอเมริกา ทหาร แต่ก็วิตกต่อประเทศไทยงานมีส่วนร่วมในเวียดนามตอนใต้และในลาวที่หลายพันไทย " อาสาสมัคร " หมั้นกับประเทศลาว . ถนอม เรียกร้องให้สหรัฐอเมริกา สนับสนุนให้รัฐบาลลอน นอล ในกัมพูชาในปี 1970 และเสนออย่างเป็นทางการ พันธมิตรเชื่อมโยงประเทศไทยกับประเทศลาว กัมพูชา และเวียดนามตอนใต้ที่จะให้ความขัดแย้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลักษณะของสงคราม การต่อสู้ โดย anticommunists เอเชียเพื่อความมั่นคงในเอเชียแผนการล้มเหลวที่จะได้รับสหรัฐอเมริกา สนับสนุน กิจกรรมของพรรคคอมมิวนิสต์ในลาว
และแหลมมลายูได้เริ่มส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ภายในประเทศในภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือในปี 1950 และ 1960 พวกเขานำเสนอปัญหาของการเพิ่มขนาด กองโจรคอมมิวนิสต์ส่วนใหญ่เชื้อชาติจีน ดำเนินการในพื้นที่ป่าทางเหนือของไทยมลายูชายแดนที่พวกเขาได้ลี้ภัยจากประเทศเครือจักรภพกองกำลังรักษาความปลอดภัยในช่วง 1948-60 ฉุกเฉินในแหลมมลายู ภัยคุกคามร้ายแรงมากขึ้นในภูมิภาคเดียวกัน คือ มุสลิมก่อการร้ายของแนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติปัตตานี , ไทยแบ่งแยกกลุ่มประกอบด้วยกลุ่มชาติพันธุ์มาเลย์ . ในขณะเดียวกันจังหวัดในภาคเหนือ เผ่าแม้ว รายงานว่า เริ่มด้วยการฝึกและแขนจากประเทศลาวโดย 1950 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ใต้ดินฝ่ายซ้ายฝ่ายเอาเปรียบร้องเรียนผ่านเงื่อนไขทางเศรษฐกิจและสังคมที่ค่อนข้างยากจน เพื่อชุมนุมคัดค้านรัฐบาล ต้องเผชิญกับปัญหาในภาคใต้ ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือรัฐบาลกรุงเทพฯ มักระบุปัญหาความไม่สงบในภูมิภาคและประท้วงต่อต้านนโยบายเชื้อชาติและเศรษฐกิจกับการก่อความไม่สงบที่ทับซ้อนกันโดยแท้ คอมมิวนิสต์ และมักจะได้รับประโยชน์จากมัน ฝ่ายค้านและกลุ่มนักวิจารณ์ของระบอบการปกครองในกรุงเทพก็มักจะระบุว่าเป็นคอมมิวนิสต์