. The aim of this study was to inve

. The aim of this study was to investigate the potential of using spent coffee grounds for biodiesel production and its byproducts
to produce pelletized fuel, which is expected to help the biodiesel production process achieve zero waste. For this
experiment, spent coffee grounds sample was collected from Kaldis coffee, Addis Ababa, Ethiopia. Extraction of the spent
coffee grounds oil was then conducted using n-hexane, ether and mixture of isopropanol to hexane ratio (50:50 %vol), and
resulted in oil yield of 15.6, 17.5 and 21.5 %w/w respectively. A two-step process was used in biodiesel production with
conversion of about 82 %w/w. The biodiesel quality parameters were evaluated using the American Standard for Testing
Material (ASTM D 6751). The major fatty acid compositions found by Gas chromatography were linoleic acid (37.6%),
palmitic acid (39.8%), oleic (11.7%), and stearic acid (8.6%). In addition, solid waste remaining after oil extraction and
glycerin ratio (glycerin content from 20-40%) was evaluated for fuel pellet (19.3-21.6 MJ/Kg) applications. Therefore, the
results of this work could offer a new perspective to the production of biofuel from waste materials without growing plants
and/or converting food to fuel.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

. จุดมุ่งหมายของการศึกษานี้คือการ ตรวจสอบศักยภาพของใช้สวนกาแฟที่ใช้แล้วเพื่อผลิตไบโอดีเซลและผลพลอยได้ของมันผลิตเชื้อเพลิง pelletized ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้กระบวนการผลิตไบโอดีเซลให้ของเสียเป็นศูนย์ สำหรับเรื่องนี้ทดลอง กาแฟใช้เวลาเก็บตัวอย่างบริเวณจาก Kaldis กาแฟ แอดดิสอาบาบา เอธิโอเปีย สกัดที่ใช้แล้วน้ำมันสวนกาแฟแล้วดำเนินการใช้เอ็นเฮกเซน อีเธอร์ และส่วนผสมของ isopropanol เฮกเซนอัตรา (50: 50% vol), และทำให้ผลผลิตน้ำมันของ %w/w 15.6, 17.5 และ 21.5 ตามลำดับ ใช้ในการผลิตไบโอดีเซลด้วยกระบวนการสองขั้นตอนแปลงประมาณ 82 %w/w ไบโอดีเซลคุณภาพได้ถูกประเมินโดยใช้มาตรฐานอเมริกันสำหรับการทดสอบวัสดุ (ASTM D 6751) ถูกพบ โดย chromatography ก๊าซองค์ประกอบกรดไขมันสำคัญกรดไลโนเลอิก (37.6%),กรด palmitic (39.8%), โอเลอิค (11.7%), และกรดสเตียริ (8.6%) นอกจากนี้ ขยะมูลฝอยที่เหลือหลังจากสกัดน้ำมัน และรับการประเมินอัตราส่วนกลีเซอรีน (glycerin เนื้อหาจาก 20-40%) สำหรับการใช้งานน้ำมันเม็ด (19.3 21.6 MJ/Kg) ดังนั้น การผลลัพธ์ของงานนี้สามารถเสนอมุมมองใหม่เพื่อการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพจากเศษวัสดุ โดยการปลูกพืชหรือการแปลงอาหารเป็นเชื้อเพลิง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

. จุดมุ่งหมายของการศึกษาครั้งนี้คือการตรวจสอบที่มีศักยภาพของการใช้กากกาแฟใช้เวลาในการผลิตไบโอดีเซลและผลพลอยได้ของ
การผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงเม็ดซึ่งคาดว่าจะช่วยให้กระบวนการผลิตไบโอดีเซลบรรลุเสียศูนย์ สำหรับวันนี้
ทดลองใช้จ่ายตัวอย่างกากกาแฟที่ถูกเก็บรวบรวมจากกาแฟ Kaldis แอดดิสอาบาบาเอธิโอเปีย การสกัดที่ใช้
น้ำมันกากกาแฟจากนั้นก็ดำเนินการโดยใช้ N-เฮกเซนอีเทอร์และส่วนผสมของ isopropanol อัตราส่วนเฮกเซน (50:50% โดยปริมาตร) และ
ส่งผลให้ผลผลิตน้ำมัน 15.6, 17.5 และ 21.5% w / W ตามลำดับ กระบวนการขั้นตอนที่สองถูกนำมาใช้ในการผลิตไบโอดีเซลที่มี
อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 82% w / W พารามิเตอร์ที่มีคุณภาพไบโอดีเซลได้รับการประเมินโดยใช้มาตรฐานอเมริกันสำหรับการทดสอบ
วัสดุ (ASTM D 6751) สำคัญองค์ประกอบของกรดไขมันที่พบโดยแก๊ส chromatography มีกรดไลโนเลอิก (37.6%)
กรดปาล์มิติก (39.8%), โอเลอิก (11.7%) และกรดสเตีย (8.6%) นอกจากนี้ขยะที่เหลือจากการสกัดน้ำมันและ
อัตราการใช้กลีเซอรีน (ปริมาณกลีเซอรีน 20-40%) คือการประเมินสำหรับเม็ดเชื้อเพลิง (19.3-21.6 MJ / kg) การใช้งาน ดังนั้น
ผลของการทำงานนี้อาจนำเสนอมุมมองใหม่กับการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพจากวัสดุเหลือใช้โดยไม่ต้องปลูกพืช
และ / หรือการแปลงอาหารให้กับน้ำมันเชื้อเพลิง