question. On the other hand, follow

question. On the other hand, followers who have stronger coproduction beliefs may constructively challenge their leaders when faced with an unethical directive. Such individuals see followers as active participants in the leadership process and are more likely to challenge requests they perceive as paten­ tially damaging to the organization.
We also expect that followers' coproduction beliefs
are indirectly related to these outcomes through dis­ placement of responsibility. For example, because fol­ lowers with weaker coproduction beliefs strongly endorse the legitimacy of authority (Carsten & Uhl-Bien, 2009), we hypothesize they are likely to displace responsibility onto their leaders for unethical conduct, and subsequently place themselves in a "one­ down position" (Kelman & Hamilton, 1989; Ravlin & Thomas, 2005). These followers may disengage and subsequently obey the unethical request because they believe they are less knowledgeable and less agentic than their leaders (Bandura, 1999). For those with stronger coproduction beliefs, who reject blind obedi­ ence (opting instead for a more collaborative role in the leadership process), we hypothesize they will engage in less displacement of responsibility and show a propensity to directly object to their leader's unethical request through constructive resistance.

Hypothesis 3a: Belief in the coproduction of leadership is negatively associated with intention to obey and positively associated with intention to constructively resist a leader's unethical request.

Hypothesis 3b: The relationship between belief in the coproduction ofleadership and intentions to obey or constructively resist a leader's unethical request is mediated by displacement of responsibility.

Romance of Leadership

In addition to beliefs about followership, we expect that followers' beliefs about the romance ofleadership will predict their intention to obey or constructively resist a leader's unethical request. Meindl et al. (1985) showed that followers maintain beliefs about the importance of leadership relative to other contextual
factors in predicting the ultimate success or failure of an organization. Followers who romanticize leaders have an inflated view of a leader's importance in affecting organizational outcomes (Meindl & Ehrlich,
1987), are more likely to perceive leaders as transfor­
mational and charismatic (Awamleh & Gardner,
1999), and have a tendency to attribute success or failure to a leader's level of knowledge and effective­ ness (Konst, Vonk, & Van Der Vlist, 1999; Weber, Rottenstreich, Camerer, & Kenz, 2001) rather than other factors involved in producing an organizational outcome. Those who romanticize leaders often down­ play contextual factors, such as the effort or expertise of subordinates, in explaining why organizations suc­ ceed or fail (see Bligh & Schyns, 2007, for a review).
Although research has not directly linked the romance ofleadership to crimes of obedience, Hinrichs (2007) developed a theoretical model wherein he pro­ posed that individuals who romanticize leaders are likely to obey unethical directives. Hinrichs (2007) argued that followers who romanticize leaders perceive the leader as all-powerful and therefore defer judg­ ment to their leader. They believe the organization is better served by following a leader's request rather than relying on their own judgment.
In the present study, we expect that the romance
of leadership will interact with coproduction beliefs to predict displacement of responsibility. Specifically, we hypothesize that individuals with weaker copro­ duction beliefs are likely to displace responsibility regardless of whether followers romanticize their leaders, whereas individuals with a stronger copro­ duction belief who romanticize leaders are likely to show greater levels of displacement of responsibility than those who do not romanticize leaders. This pre­ diction is in line with research showing that individu­ als with a romanticized view ofleadership see leaders as having greater importance, accountability, and responsibility for organizational processes and proce­ dures (Meindl et al., 1985). Under situations where the leader_ bas asked the follower to engage in unethi­ cal conduct, we expect those who romanticize leaders to show a propensity to displace responsibility, because they believe it is the leader who is ultimately responsible for organizational outcomes. Thus, we hypothesize that less displacement of responsibility

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

คำถามนี้ บนมืออื่น ๆ ผู้ติดตามที่มีความเชื่อ coproduction แข็งแกร่งอาจเท่าที่ท้าทายผู้นำของพวกเขาเมื่อต้องเผชิญกับการสั่งผิดจรรยาบรรณ บุคคลดังกล่าวเห็นลูกศิษย์เป็นคนในกระบวนการภาวะผู้นำ และมีแนวโน้มที่จะท้าทายคำขอดังที่เป็น paten tially เสียหายกับองค์กรนอกจากนี้เรายังคาดว่าความเชื่อของผู้ติดตามที่ coproductionอ้อมจะเกี่ยวข้องกับสุขภาพการ dis วางความรับผิดชอบ ตัวอย่างเช่น เนื่องจากช่วยลด fol ด้วยเชื่อ coproduction อ่อนขอรับรองความชอบธรรมของอำนาจ (งัดและช่างบรรลัยยนต์เบียน 2009), เรา hypothesize มักจะตาร์ทชอบลงนำวยตน และต่อมาทำเองในแบบ "หนึ่งลงตำแหน่ง" (Kelman & แฮมิลตัน 1989 Ravlin & Thomas, 2005) ผู้ติดตามเหล่านี้อาจไล่ และเชื่อฟังคำขอผิดจรรยาบรรณต่อมาเนื่องจากพวกเขาเชื่อว่า พวกเขามีความรู้น้อย และ agentic น้อยกว่านำ (Bandura, 1999) สำหรับผู้ที่มีความเชื่อ coproduction แข็งแรง ที่ปฏิเสธ ence obedi ตาบอด (เลือกแทนการมีบทบาทร่วมกันมากขึ้นในการเป็นผู้นำ), เรา hypothesize จะมีส่วนร่วมในการกระจัดน้อยความรับผิดชอบ และแสดงนิสัยชอบที่จะคัดค้านการขอจริยธรรมผู้นำของพวกเขาผ่านความต้านทานที่สร้างสรรค์โดยตรงสมมติฐาน 3a: เชื่อใน coproduction ของผู้นำสัมพันธ์ในเชิงลบกับความตั้งใจฟัง และเชิงบวกเกี่ยวข้องกับความตั้งใจที่จะต่อต้านผู้นำจริยธรรมขอเท่านั้น3b สมมติฐาน: ความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อใน coproduction ofleadership และการเชื่อฟัง หรือสร้างสรรค์ต่อต้านผู้นำจริยธรรมขอเป็นการไกล่เกลี่ย โดยแทนความรับผิดชอบโรแมนติกของผู้นำนอกจากความเชื่อเกี่ยวกับ followership เราคาดหวังว่า ความเชื่อของผู้ติดตามเกี่ยวกับ ofleadership โรแมนติกจะทำนายการเชื่อฟัง หรือสร้างสรรค์ต่อต้านผู้นำจริยธรรมขอ Meindl et al. (1985) พบว่า ผู้ติดตามรักษาความเชื่อเกี่ยวกับความสำคัญของผู้นำสัมพันธ์กับบริบทอื่น ๆปัจจัยในการทำนายความสำเร็จสูงสุดหรือล้มเหลวขององค์กร ผู้ติดตามที่ยวนใจผู้นำมีมุมมองสูงขึ้นของผู้นำสำคัญในการส่งผลกระทบต่อองค์กรผลลัพธ์ (Meindl และ Ehrlich1987), มีแนวโน้มการรับรู้ผู้นำเป็น transformational และสินค้า (Awamleh & การ์ดเนอร์1999), และมีแนวโน้มที่จะกำหนดความสำเร็จหรือความล้มเหลวกับผู้นำระดับความรู้และประสิทธิภาพเนสส์ (Konst, Vonk, & Van Der Vlist, 1999 เวเบอร์ Rottenstreich, Camerer และ Kenz, 2001) มากกว่าปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการผลิตผลขององค์กร คนยวนใจผู้นำมักจะลงเล่นปัจจัยบริบท เช่นความพยายามหรือความเชี่ยวชาญของผู้ใต้บังคับบัญชา อธิบายว่าทำไมองค์กร suc ceed หรือล้ม (ดู Schyns, & Bligh, 2007 สำหรับการทบทวน)แม้ว่าการวิจัยได้ไม่ตรงกับ ofleadership โรแมนติกอาชญากรรมของการเชื่อฟัง Hinrichs (2007) ได้พัฒนาแบบจำลองทางทฤษฎีนั้นเขา pro ถูกวางว่า บุคคลที่ยวนใจผู้นำที่มีแนวโน้มที่จะเชื่อฟังคำสั่งผิดจรรยาบรรณ Hinrichs (2007) โต้เถียงว่า ผู้ติดตามที่ยวนใจผู้นำรู้สึกว่าผู้นำเป็นถอด และเลื่อน ment judg ผู้นำของตนดังนั้น พวกเขาเชื่อว่า องค์กรที่ดีให้บริการ โดยทำตามคำขอของผู้นำ มากกว่าที่อาศัยวิจารณญาณของตนเองในการศึกษาปัจจุบัน เราคาดหวังว่าความโรแมนติกผู้นำจะโต้ตอบกับความเชื่อ coproduction ทำนายแทนความรับผิดชอบ เฉพาะ เรา hypothesize ที่บุคคลที่ มีความเชื่อ duction copro อ่อนแอกว่ามักไล่ความรับผิดชอบโดยไม่คำนึงถึงว่าผู้ติดตามยวนใจผู้นำของพวกเขา ในขณะที่บุคคลที่ มีความแข็งแกร่ง copro duction เชื่อที่ยวนใจผู้นำจะแสดงระดับสูงของย้ายของรับผิดชอบมากกว่าผู้ที่ไม่ยวนใจผู้นำ ถ้อยนี้ก่อนที่จะสอดคล้องกับงานวิจัยที่แสดงว่า individu als กับ ofleadership ดูโรแมนติกดูผู้นำมีความสำคัญยิ่ง ความรับผิดชอบ และความรับผิดชอบสำหรับกระบวนการขององค์กรและขั้นตอน dures (Meindl et al. 1985) ดำเนินการภายใต้สถานการณ์ที่ leader_ bas ถามผู้ติดตามใน unethi cal เราคาดหวังว่าผู้ที่ยวนใจผู้นำที่จะแสดงนิสัยชอบไล่ชอบ เพราะพวกเขาเชื่อว่าผู้นำที่รับผิดชอบผลลัพธ์ขององค์กรในที่สุด ดังนั้น เรา hypothesize ที่กระจัดน้อยความรับผิดชอบ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

คำถาม. บนมืออื่น ๆ สาวกที่มีความเชื่อ coproduction แข็งแกร่งสร้างสรรค์อาจท้าทายผู้นำของพวกเขาเมื่อต้องเผชิญกับคำสั่งที่ผิดจรรยาบรรณ บุคคลดังกล่าวเห็นสาวกเป็นผู้เข้าร่วมใช้งานในกระบวนการความเป็นผู้นำและมีแนวโน้มที่จะท้าทายการร้องขอพวกเขารับรู้เป็น paten tially ที่สร้างความเสียหายให้กับองค์กร.
นอกจากนี้เรายังคาดหวังว่าสาวก 'ความเชื่อ coproduction
ที่เกี่ยวข้องโดยอ้อมกับผลลัพธ์เหล่านี้ผ่านการจัดตำแหน่งของความรับผิดชอบในเรื่องนี้ ตัวอย่างเช่นเพราะ Fol ลดกับความเชื่อ coproduction ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงรับรองความถูกต้องของผู้มีอำนาจ (Carsten & Uhl-เบียน 2009) ที่เราตั้งสมมติฐานพวกเขามีแนวโน้มที่จะไล่ความรับผิดชอบไปยังผู้นำของพวกเขาสำหรับการดำเนินการที่ผิดจรรยาบรรณและต่อมาวางตัวเองใน "หนึ่งลง ตำแหน่ง "(แน & แฮมิลตัน 1989; Ravlin และโทมัส, 2005) สาวกเหล่านี้อาจปลดและต่อมาปฏิบัติตามคำขอผิดจรรยาบรรณเพราะพวกเขาเชื่อว่าพวกเขามีความรู้น้อยและ agentic น้อยกว่าผู้นำของพวกเขา (Bandura, 1999) สำหรับผู้ที่มีความเชื่อ coproduction แข็งแกร่งที่ปฏิเสธ ence obedi ตาบอด (โมโหแทนบทบาทการทำงานร่วมกันมากขึ้นในกระบวนการผู้นำ) เราตั้งสมมติฐานว่าพวกเขาจะมีส่วนร่วมในการเคลื่อนที่น้อยของความรับผิดชอบและแสดงความเอนเอียงไปยังวัตถุโดยตรงเพื่อขอผิดจรรยาบรรณผู้นำของพวกเขาผ่านทางที่สร้างสรรค์ . ต้านทานสมมติฐาน 3a: ความเชื่อใน coproduction ของความเป็นผู้นำมีความสัมพันธ์เชิงลบกับความตั้งใจที่จะปฏิบัติตามและความสัมพันธ์เชิงบวกกับความตั้งใจที่จะสร้างสรรค์ต่อต้านคำขอผิดจรรยาบรรณของผู้นำ. 3b สมมติฐาน: ความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อใน ofleadership coproduction และความตั้งใจที่จะปฏิบัติตามหรือสร้างสรรค์ต้านทาน คำขอผิดจรรยาบรรณของผู้นำเป็นสื่อกลางโดยการกำจัดของความรับผิดชอบ. โรแมนติกของความเป็นผู้นำนอกจากความเชื่อเกี่ยวกับผู้ตามที่เราคาดหวังว่าความเชื่อติดตามเกี่ยวกับความโรแมนติก ofleadership จะทำนายความตั้งใจที่จะปฏิบัติตามหรือสร้างสรรค์ต่อต้านคำขอผิดจรรยาบรรณของผู้นำ Meindl et al, (1985) แสดงให้เห็นว่าผู้ติดตามรักษาความเชื่อเกี่ยวกับความสำคัญของการเป็นผู้นำที่สัมพันธ์กับบริบทอื่น ๆปัจจัยในการทำนายความสำเร็จสูงสุดหรือความล้มเหลวขององค์กร ผู้ติดตามที่ยวนใจผู้นำมีมุมมองที่สูงเกินจริงความสำคัญของผู้นำในการส่งผลกระทบต่อผลการองค์กร (Meindl & Ehrlich, 1987) มีแนวโน้มที่จะรับรู้เป็นผู้นำ Transfor mational และมีเสน่ห์ (Awamleh และการ์ดเนอร์, 1999) และมีแนวโน้มที่จะเชื่อประสบความสำเร็จ หรือความล้มเหลวในระดับผู้นำของความรู้และมีประสิทธิภาพ Ness (Konst, Vonk & Van Der Vlist 1999; เวเบอร์ Rottenstreich, Camerer และ Kenz, 2001) มากกว่าปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการผลิตผลขององค์กร บรรดาผู้ที่ยวนใจผู้นำมักจะลงเล่นปัจจัยบริบทเช่นความพยายามหรือความเชี่ยวชาญของผู้ใต้บังคับบัญชาในการอธิบายว่าทำไมองค์กร SUC Ceed หรือล้มเหลว (ดูไบลห์และ SCHYNS 2007 สำหรับความคิดเห็น). แม้ว่าการวิจัยยังไม่ได้เชื่อมโยงโดยตรงกับความโรแมนติก ofleadership ไป การก่ออาชญากรรมของการเชื่อฟัง Hinrichs (2007) การพัฒนารูปแบบทางทฤษฎีนั้นเขาถูกวางโปรว่าผู้ที่ยวนใจผู้นำมีแนวโน้มที่จะปฏิบัติตามคำสั่งที่ผิดจรรยาบรรณ Hinrichs (2007) แย้งว่าผู้ติดตามที่รับรู้ยวนผู้นำผู้นำเป็นทั้งหมดที่มีประสิทธิภาพและดังนั้นจึงเลื่อน ment JUDG ผู้นำของพวกเขา พวกเขาเชื่อว่าองค์กรเป็นบริการที่ดีขึ้นโดยทำตามคำขอของผู้นำมากกว่าอาศัยการตัดสินของตัวเอง. ในการศึกษาปัจจุบันเราคาดหวังว่าโรแมนติกของการเป็นผู้นำจะมีปฏิสัมพันธ์กับความเชื่อ coproduction ในการทำนายการเคลื่อนที่ของความรับผิดชอบ โดยเฉพาะเราตั้งสมมติฐานว่าบุคคลที่มีความอ่อนแอความเชื่อ duction Copro มีแนวโน้มที่จะแทนที่ความรับผิดชอบโดยไม่คำนึงว่าผู้ติดตามยวนผู้นำของพวกเขาในขณะที่บุคคลที่มีความเชื่อ duction Copro แข็งแกร่งที่ยวนใจผู้นำมีแนวโน้มที่จะแสดงระดับสูงของการเคลื่อนที่ของความรับผิดชอบมากกว่าคนที่ทำไม่ได้ ยวนใจผู้นำ นี้ก่อนพจน์อยู่ในสายกับการวิจัยแสดงให้เห็นว่า ALS individu มีมุมมองที่โรแมนติก ofleadership เห็นผู้นำที่มีความสำคัญมากขึ้นความรับผิดชอบและความรับผิดชอบในกระบวนการขององค์กรและ proce dures (Meindl et al., 1985) ภายใต้สถานการณ์ที่ Bas leader_ ถามคนจะมีส่วนร่วมในการดำเนิน Cal unethi เราคาดว่าผู้ที่ยวนใจผู้นำที่จะแสดงนิสัยชอบที่จะไล่ความรับผิดชอบเพราะพวกเขาเชื่อว่ามันเป็นผู้นำที่เป็นความรับผิดชอบต่อผลขององค์กร ดังนั้นเราจึงตั้งสมมติฐานว่าการเคลื่อนที่น้อยของความรับผิดชอบ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

คำถาม บนมืออื่น ๆ , ติดตามที่แข็งแกร่ง coproduction ความเชื่ออาจ Constructively ท้าทายผู้นำของพวกเขาเมื่อเผชิญกับคำสั่งผิดจรรยาบรรณ บุคคลดังกล่าวเห็นลูกศิษย์เป็นผู้เข้าร่วมงานในกระบวนการภาวะผู้นำและมีแนวโน้มที่จะท้าทายขอให้พวกเขารับรู้ว่าเป็น paten tially องสร้างความเสียหายให้กับองค์กรนอกจากนี้เรายังคาดหวังว่าผู้ติดตาม " coproduction ความเชื่อเป็นทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับผลลัพธ์เหล่านี้ผ่านดีสองตำแหน่งที่รับผิดชอบ ตัวอย่างเช่น เพราะตามตำราองลดกับแข็งแกร่ง coproduction ความเชื่อมั่นรับรองความชอบธรรมของอำนาจ ( Carsten & อัลเบียน , 2009 ) เราพบพวกเขามีแนวโน้มที่จะแทนที่ความรับผิดชอบให้ผู้นำของศีลธรรมความประพฤติและต่อมาสถานที่ตัวเองใน " หนึ่งองลงตำแหน่ง " ( kelman & Hamilton , 1989 ; ravlin & โทมัส 2005 ) สาวกเหล่านี้อาจถูกปลดและต่อมาเชื่อฟังคำขอจรรยาบรรณเพราะพวกเขาเชื่อว่าพวกเขามีความรู้ agentic น้อยลงและน้อยกว่าผู้นำของพวกเขา ( Bandura , 1999 ) สำหรับผู้ที่แข็งแกร่ง coproduction ความเชื่อ ผู้ที่ปฏิเสธคนตาบอด obedi อง ENCE ( เลือกใช้แทนสำหรับความร่วมมือมากขึ้นบทบาทในกระบวนการภาวะผู้นำ เราพบพวกเขาจะต่อสู้ในการเคลื่อนที่น้อยกว่า รับผิดชอบและแสดงความโน้มเอียงตรงวัตถุของผู้นำจรรยาบรรณขอผ่านการต้านทานสมมติฐาน 3A : ความเชื่อใน coproduction ภาวะผู้นำมีความสัมพันธ์ทางลบกับความตั้งใจที่จะเชื่อฟัง และความสัมพันธ์เชิงบวกกับความตั้งใจอย่างสร้างสรรค์ต่อต้านการร้องขอจริยธรรมของผู้นำสมมติฐาน 3B : ความสัมพันธ์ระหว่างความเชื่อใน coproduction ความเป็นผู้นำในการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่และความตั้งใจที่จะเชื่อฟัง หรืออย่างสร้างสรรค์ต่อต้านการร้องขอที่ผิดจรรยาบรรณของผู้นำเป็นคนกลาง โดยการเคลื่อนที่ของความรับผิดชอบความโรแมนติกของผู้นำนอกจากความเชื่อเกี่ยวกับภาวะผู้ตาม เราคาดหวังว่าผู้ติดตาม " ความเชื่อเกี่ยวกับความรักความเป็นผู้นำในการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่จะทำนายความตั้งใจที่จะเชื่อฟัง หรืออย่างสร้างสรรค์ต่อต้านการร้องขอศีลธรรมของผู้นำ meindl et al . ( 1985 ) พบว่าผู้ติดตามรักษาความเชื่อเกี่ยวกับความสำคัญของภาวะผู้นำสัมพันธ์กับบริบทอื่น ๆปัจจัยในการทำนายสุดยอดความสำเร็จหรือความล้มเหลวขององค์กร ผู้ติดตามที่เพ้อฝันถึงผู้นำมีพอง มุมมองของผู้นำในองค์กรสำคัญที่มีผลต่อผล ( meindl & แน่นอน1987 ) มีแนวโน้มที่จะรับรู้เป็น transfor องผู้นำmational และมีเสน่ห์ ( awamleh & การ์ดเนอร์ ,1999 ) และมีแนวโน้มที่จะคุณลักษณะความสำเร็จ หรือความล้มเหลวในระดับผู้นำของความรู้และมีประสิทธิภาพองเนส ( ประเภท vonk , และ , Van der ซัททันฮู , 1999 ; เวเบอร์ rottenstreich camerer & เคนซ , 2001 ) มากกว่าปัจจัยอื่น ๆที่เกี่ยวข้องในการผลิตผลขององค์การ ผู้ที่ทำให้เย้ายวนใจผู้นำมักจะลงองเล่นปัจจัยบริบท เช่น ความพยายาม หรือ ความเชี่ยวชาญของผู้ใต้บังคับบัญชา ในการอธิบายว่าทำไมองค์กรองซัคซีด หรือล้มเหลว ( ดูไบลท์ & schyns ( สำหรับความคิดเห็น )แม้ว่าการวิจัยมีการเชื่อมโยงโดยตรงกับความรักความเป็นผู้นำในการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่เพื่อความผิดวินัย นริช ( 2550 ) การพัฒนาแบบจำลองทางทฤษฎีนั้นเขาโปรองวางว่า บุคคลที่ทำให้เย้ายวนใจผู้นำมีแนวโน้มที่จะเชื่อฟังคำสั่งผิดจรรยาบรรณ นริช ( 2007 ) แย้งว่าผู้ติดตามเพ้อฝันถึงผู้นำรับรู้หัวหน้าเป็นทั้งหมดที่มีประสิทธิภาพและดังนั้นจึงเลื่อน judg องติดขัดกับหัวหน้าของพวกเขา พวกเขาเชื่อว่าองค์กรคือการบริการที่ดีขึ้นตามคำขอของหัวหน้า แทนที่จะใช้ในการตัดสินใจของตัวเองในการศึกษาครั้งนี้ เราคาดหวังว่าโรแมนติกภาวะผู้นำจะโต้ตอบกับ coproduction ความเชื่อทำนายการเคลื่อนที่ของความรับผิดชอบ โดยเฉพาะ เราพบว่า บุคคลที่แข็งแกร่ง copro อง duction ความเชื่อมีแนวโน้มที่จะแทนที่ความรับผิดชอบไม่ว่าลูกศิษย์เพ้อฝันถึงผู้นำของพวกเขา ในขณะที่บุคคลมีความเชื่อที่แข็งแกร่ง copro อง duction เพ้อฝันถึงผู้นำมีแนวโน้มที่จะแสดงมากขึ้นระดับของการกระจัดของความรับผิดชอบมากกว่าผู้ที่ไม่เพ้อฝันถึงผู้นำ องนี้ก่อนกระทำสอดคล้องกับการวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าบุคคลอง ALS กับโรแมนติก วิวเห็นผู้นำมีความสำคัญมากกว่าความเป็นผู้นำในการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ ความรับผิดชอบ และการรับผิดชอบต่อกระบวนการขององค์กร และ dures proce อง ( meindl et al . , 1985 ) ภายใต้สถานการณ์ที่ leader_ BAS ถามคนสนิทที่จะมีส่วนร่วมใน unethi องแคลา เราคาดว่าผู้เพ้อฝันถึงผู้นำแสดงความโน้มเอียงที่จะแทนที่ความรับผิดชอบ เพราะพวกเขาเชื่อว่ามันมีหัวหน้าที่รับผิดชอบผลขององค์การ ดังนั้นเราจึงพบว่าน้อยกว่าการเคลื่อนที่ของความรับผิดชอบ