Thecontrol film showed a yellowish

The
control film showed a yellowish shade (h
¼ 87.1) of very low
chromaticity (colorless to the naked eye), the S_E filmwas the most
reddish (h
¼ 56.8), whereas BeC was the most yellowish
(h
¼ 83.1) among the films incorporating carotenoid extract; the
hue angle of the T_E film was between those of BeC and S_E
(h
¼ 68.6). From these results it is deduced that b-carotene
contributed to the yellow color, whereas lycopene and astaxanthin
contributed to the orange-red one. The film with the most intense
color (highest chromaticity) was the one to which tomato extract
was added (T_E film), followed by

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ฟิล์มควบคุมแสดงให้เห็นเป็นสีเหลือง (h? ¼ 87.1) ของที่ต่ำมาก
chromaticity (ไม่มีสีได้ด้วยตาเปล่า) ที่ S_E filmwas
มากที่สุดสีแดง(h? ¼ 56.8) ในขณะที่ บริษัท บีอีซีเป็นสีเหลืองมากที่สุด
(h? ¼ 83.1) ในหมู่ภาพยนตร์ที่ผสมผสานสารสกัดจาก carotenoid;
มุมสีของหนัง T_E ระหว่างผู้ BEC และ S_E
(h? ¼ 68.6) จากผลเหล่านี้มันจะอนุมานได้ว่าขแคโรทีนมีส่วนทำให้สีเหลืองในขณะที่ไลโคปีนและ astaxanthin มีส่วนทำให้สีส้มแดงหนึ่ง ภาพยนตร์ที่มีรุนแรงที่สุดสี (chromaticity สูงสุด) เป็นหนึ่งในที่สารสกัดจากมะเขือเทศถูกบันทึก (ภาพยนตร์ T_E) ตามมาด้วย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ภาพยนตร์
ควบคุมแสดงเฉดสีเหลือง ( H
¼ 87.1 ) ของ chromaticity ต่ำ
มาก ( ไม่มีสีด้วยตาเปล่า ) , s_e filmwas ที่สุด
สีแดง ( H
¼ 56.8 ) ส่วน BEC เป็นเหลืองที่สุด
( H
¼ 83.1 ) ระหว่างภาพยนตร์ที่ผสมผสานสารสกัดแคโรทีนอยด์ ;
เว้ มุมของ t_e ภาพยนตร์เหล่านั้นและอยู่ระหว่าง บีอีซี s_e
( H
¼บด ) จากผลเหล่านี้เป็นที่คาดคะเนได้ว่าเบต้าแคโรทีน
ส่วนสีเหลือง ในขณะที่ไลโคปีนและแอสทาแซนทิน
ส่วนสีส้มแดงหนึ่ง ภาพยนตร์ที่มีสีที่รุนแรงที่สุด (
chromaticity สูงสุด ) เป็นหนึ่งในสารสกัดจากมะเขือเทศซึ่ง
เพิ่ม ( t_e ภาพยนตร์ ) ตามด้วย