Fermentation has been used since be

Fermentation has been used since before the beginning of recorded history to make beer, bread, cheese, wine, and other food products. Today, hundreds of products, including fuels, chemicals, enzymes, antibiotics, and pharmaceuticals, are made by way of industrial fermentation. Developing a fermentation process begins with the selection and genetic development of the production culture, followed by process development and scale-up. Even after fermentation has been commercialized, culture and process development continue to stay competitive by continuous improvements in yield and productivity. During fermentation, pH, temperature, dissolved oxygen (DO), and nutrient concentrations must be tightly monitored and controlled to optimize yield and productivity, and most processes must be run under aseptic conditions to minimize the risk of contamination. Fermentation products are usually made in low concentrations in the broth, along with the cell mass and other by-products, making separation and purification difficult. Downstream processing can comprise a significant portion of the cost of production, ranging from 5 to 90% of the total cost.In the future, fermentation may play an important role in reducing greenhouse gases and replacing products currently made from declining fossil carbon resources. There will also be increased political and economic pressure on industrial fermentation to reduce the use of increasingly scarce energy and water resources

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การหมักมีการใช้ตั้งแต่ก่อนที่จะเริ่มต้นของการบันทึกประวัติศาสตร์ที่จะทำให้เบียร์ขนมปังชีส, ไวน์และผลิตภัณฑ์อาหารอื่น ๆ วันนี้หลายร้อยของผลิตภัณฑ์รวมถึงเชื้อเพลิง, สารเคมี, เอนไซม์ยาปฏิชีวนะและยาที่ทำโดยวิธีการหมักอุตสาหกรรม การพัฒนากระบวนการหมักจะเริ่มต้นด้วยการเลือกและการพัฒนาทางพันธุกรรมของวัฒนธรรมการผลิตตามมาด้วยการพัฒนากระบวนการและขนาดขึ้น แม้หลังจากที่ได้รับการหมักเชิงพาณิชย์, วัฒนธรรมและการพัฒนายังคงอยู่ในการแข่งขันโดยการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องในผลผลิตและผลผลิต ในระหว่างการหมัก, ph, อุณหภูมิ, ออกซิเจนละลายน้ำ (ทำ) และความเข้มข้นของสารอาหารที่จะต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวดและมีการควบคุมที่จะเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตและผลผลิตและกระบวนการส่วนใหญ่ต้องทำงานภายใต้สภาพปลอดเชื้อเพื่อลดความเสี่ยงของการปนเปื้อน ผลิตภัณฑ์หมักมักจะทำในความเข้มข้นต่ำในน้ำซุปพร้อมกับมวลเซลล์และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ทำให้การแยกและการทำให้บริสุทธิ์ยาก การประมวลผลสามารถประกอบด้วยน้ำเป็นส่วนสำคัญของต้นทุนการผลิตตั้งแต่ 5-90% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดในอนาคตการหมักอาจมีบทบาทสำคัญในการลดก๊าซเรือนกระจกและการเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ในปัจจุบันที่ทำมาจากการลดลงของทรัพยากรฟอสซิลคาร์บอน มีนอกจากนี้ยังจะเพิ่มแรงกดดันทางการเมืองและเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมการหมักเพื่อลดการใช้พลังงานและทรัพยากรน้ำที่หายากมากขึ้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หมักมีการใช้ตั้งแต่ก่อนเริ่มต้นบันทึกประวัติการทำเบียร์ ขนมปัง เนยแข็ง ไวน์ และผลิตภัณฑ์อาหารอื่น ๆ ของสินค้า รวมถึงเชื้อเพลิง สารเคมี เอนไซม์ ยาปฏิชีวนะ และ ยา วันนี้ จะทำโดยวิธีการหมักอุตสาหกรรม พัฒนากระบวนการหมักเริ่มต้น ด้วยการเลือกและพัฒนาพันธุกรรมวัฒนธรรมผลิต ตามกระบวนการพัฒนาและระดับสาย แม้หลังจากหมักได้ถูก commercialized วัฒนธรรมและกระบวนการพัฒนาดำเนินการพักการแข่งขัน โดยการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องในผลผลิตและผลผลิต ในระหว่างการหมัก ค่า pH อุณหภูมิ ส่วนยุบออกซิเจน (ทำ), และความเข้มข้นธาตุอาหารต้องแน่นติดตาม และควบคุมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตและผลผลิต และกระบวนการส่วนใหญ่ต้องทำงานภายใต้เงื่อนไขที่เข้มข้นเพื่อลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อน มักจะหมักผลิตภัณฑ์ในความเข้มข้นต่ำในซุป ด้วยเซลล์จำนวนมาก และอื่น ๆ ผลิตภัณฑ์ การทำให้บริสุทธิ์และแยกยาก การประมวลผลขั้นปลายน้ำสามารถประกอบเป็นส่วนสำคัญของต้นทุนการผลิต ตั้งแต่ 5 ถึง 90% ของต้นทุนรวมในอนาคต หมักอาจเล่นมีบทบาทสำคัญในการลดก๊าซเรือนกระจก และการเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่ทำจากคาร์บอนฟอสทรัพยากรที่ลดลงในปัจจุบัน ยังจะมีแรงกดดันทางการเมือง และเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมหมักเพื่อลดการใช้ทรัพยากรพลังงานและน้ำขาดแคลนมากขึ้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หมักมีการใช้มาตั้งแต่ก่อนที่จะเริ่มต้นที่ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ให้ทำให้เนยแข็งขนมปังเบียร์ไวน์และ ผลิตภัณฑ์ อาหารอื่นๆ ในวันนี้หลายร้อยคนของสินค้ารวมถึงน้ำมันสารเคมีเอ็นไซม์ยาปฏิชีวนะและทำได้โดยการหมักอุตสาหกรรม การพัฒนากระบวนการหมักที่จะเริ่มต้นด้วยการเลือกและการพัฒนาทางพันธุกรรมของวัฒนธรรมการผลิตตามด้วยการพัฒนากระบวนการและการปรับขยายได้ แม้ว่าจะมีการาเวซีหมักการพัฒนาวัฒนธรรมและกระบวนการดำเนินการต่อเพื่อความสามารถในการแข่งขันได้โดยการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องในการทำงานและให้ผลตอบแทน ในระหว่าง pH หมัก อุณหภูมิ ออกซิเจนละลาย(ไม่)และสาขาวิชาสารอาหารจะต้องให้แน่นตรวจสอบและควบคุมเพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพ การทำงานและผลตอบแทนจากกระบวนการที่ใช้กันมากที่สุดและจะต้องเรียกใช้ ภายใต้ เงื่อนไข aseptic เพื่อลดความเสี่ยงของการปนเปื้อน ผลิตภัณฑ์ หมักทำในความเข้มข้นต่ำในน้ำซุปที่พร้อมด้วยบริการข้อมูลของสถานีฐานมวลชนและอื่นๆโดยมีสินค้าที่ทำให้ทำน้ำบริสุทธิ์ได้ยากและการแยกโดยปกติแล้ว การประมวลผลขั้นปลายสามารถประกอบด้วยส่วนที่สำคัญของต้นทุนการผลิตตั้งแต่ 5 ถึง 90% ของต้นทุนทั้งหมดในอนาคตที่หมักอาจมีบทบาทสำคัญในการลดก๊าซเรือนกระจกและใส่สินค้าในขณะนี้ทำจากคาร์บอนทรัพยากรฟอสซิลลดลง จะมีเพิ่มขึ้นลดแรงกดดันทางการเมืองและเศรษฐกิจที่หมักในนิคมอุตสาหกรรมมากขึ้นและเพื่อลดการใช้พลังงานลงได้มากขึ้นและทรัพยากรก็แทบจะไม่ได้