1. IntroductionOne of the most stro

1. Introduction
One of the most strongly allergenic components of house dust, often heavily contaminated with the fecal pellets and cast skins, is house dust mites [1]. House dust mites are tiny creatures related to ticks, chiggers, and spiders that live in close association with humans. Their primary food is dander (skin scales) shed from human and pet activity [2]. Estimates are that dust mites may be a factor in 50 to 80 percent of asthmatics, as well as in countless cases of eczema, hay fever, and other allergic ailments. Symptoms are usually respiratory in nature (sneezing, itching, watery eyes, wheezing, etc.); however, there are reports of a red rash around the neck. Other allergic reactions may include headaches, fatigue, and depression [3]. Inhalations of dust mite allergens by hypersensitive individuals can result in acute attacks of bronchial asthma, accompanied by wheezing, shortness of breath, and perhaps even death. Diagnostic tests and clinical studies by allergists have shown house dust mite to be the most common allergy in asthmatics, and an important “root cause” for the development of asthma in young children. Recent studies suggest that at least 45 percent of young people with asthma are allergic to house dust mites. Unlike “seasonal” allergies caused by molds and pollen, people who are allergic to dust mites often will have symptoms year round [4]. The role of house dust mites in inducing allergy has been increasingly recognized by allergologist and aerobiologists. However, clinical investigations of house-dust mite allergy in tropics are few [1, 5–7]. The significant role of mites in the house dust responsible for health hazard such as respiratory allergy, nasobronchial, nasal, and skin allergy in sensitive individuals is well documented. Group 1 allergens of the mites Dermatophagoides farinae (Der f1) and Dermatophagoides pteronyssinus (Der p1) are the most significant allergens; 80% to 95% of patients allergic to dust mites have an elevated IgE response to them [8].
Shivpuri et al. were the first Indian acarologists to conduct extensive and intensive studies on mites and recorded that mites could grow well in house dust at 25°C temperature and 80% relative humidity [9–11]. Besides West Bengal [12, 13], and Maharastra [14–16], no much work on indoor dust mites survey has been carried out in other parts of India. In the present study, an attempt has been made to investigate the variety and variability of dust mites in the floor and bed dust of atopic allergic patients and to correlate it with the severity of allergic diseases in selected patients from Assam which is situated in the Northeastern part of India. The average atmospheric temperature and relative humidity of this part of India ranges from 29 to 32°C and 90 to 94%, respectively.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

1. บทนำส่วนประกอบส่วนใหญ่ขอแพ้ฝุ่นบ้าน หนักมักจะปนเปื้อนขี้ fecal และหล่อสกิน อย่างใดอย่างหนึ่งคือบ้านฝุ่น [1] บ้านฝุ่นเป็นสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องหมายขีด chiggers และแมงมุมที่อาศัยอยู่ใกล้กับมนุษย์ อาหารหลักคือ dander (ผิวเกล็ด) หลั่งจากกิจกรรมมนุษย์ และสัตว์เลี้ยง [2] ประเมินได้ว่า ฝุ่นอาจตัว 50-80 เปอร์เซ็นต์ของโรคหอบหืดส่วน รวม ทั้ง ในกรณีนับไม่ถ้วนจากกลาก โรคไข้จาม และอาการแพ้อื่น ๆ อาการมักจะหายใจในธรรมชาติ (จาม มีอาการคัน แฉะตา หายใจมีเสียงหวีด ฯลฯ); อย่างไรก็ตาม มีรายงานผื่นแดงรอบคอ อื่น ๆ แพ้อาจมีอาการปวดหัว ล้า และภาวะซึมเศร้า [3] ของสารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่นโดยบุคคล hypersensitive inhalations สามารถโจมตีเฉียบพลันของโรคหืด มาพร้อมกับหายใจหอบ หายใจ หายใจไม่ออก และบางทีก็ตายไว้ ทดสอบวินิจฉัยและการศึกษาทางคลินิก โดย allergists ได้แสดงไรฝุ่นบ้านเป็น โรคภูมิแพ้ที่พบบ่อยที่สุดในโรคหอบหืดส่วน และสำคัญ "รากสาเหตุ" สำหรับการพัฒนาของโรคหอบหืดในเด็ก การศึกษาล่าสุดแนะนำว่า อย่างน้อยร้อยละ 45 ของคนหนุ่มสาวกับโรคหอบหืดแพ้ฝุ่นบ้าน ซึ่งแตกต่างจาก "ฤดูกาล" โรคที่เกิดจากแม่พิมพ์และละอองเกสร คนที่แพ้ฝุ่นมักจะมีอาการตลอดปี [4] รู้จักบทบาทของบ้านฝุ่นใน inducing โรคภูมิแพ้ โดย allergologist และ aerobiologists มากขึ้น อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบทางคลินิกของโรคภูมิแพ้ไรฝุ่นบ้านในเขตร้อนมีน้อย [1, 5-7] บทบาทสำคัญของไรในฝุ่นบ้านชอบสุขภาพอันตรายเช่นโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ nasobronchial นาสิก และโรคภูมิแพ้ผิวหนังในแต่ละบุคคลที่สำคัญคือจัดดี กลุ่ม 1 สารก่อภูมิแพ้ของไร Dermatophagoides farinae (Der f1) และ Dermatophagoides pteronyssinus (Der p1) เป็นตัวอย่างสารก่อภูมิแพ้ 80% ถึง 95% ของผู้ป่วยที่แพ้ฝุ่นมีการตอบสนอง IgE สูงไป [8]Shivpuri et al. ได้ acarologists อินเดียแรกดำเนินการศึกษาอย่างละเอียด และเข้มข้นไร และบันทึกว่าไรสามารถเติบโตดีในบ้านฝุ่นที่ 25° C อุณหภูมิและ 80% ความชื้นสัมพัทธ์ [9-11] นอกจากเบงกอลตะวันตก [12, 13], และ Maharastra [14-16], ไม่มากทำงานสำรวจไรฝุ่นภายในการดำเนินการในส่วนอื่น ๆ ของอินเดีย ในการศึกษาปัจจุบัน ความพยายามที่ได้ถูกทำ การตรวจสอบความหลากหลายและความแปรผันของฝุ่นในฝุ่นพื้นและเตียงผู้ป่วยแพ้ atopic และสร้างความสัมพันธ์กับความรุนแรงของโรคภูมิแพ้ในผู้ป่วยที่เลือกจากรัฐอัสสัมซึ่งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียไป เฉลี่ยอุณหภูมิอากาศและความชื้นสัมพัทธ์ของอินเดียแห่งนี้ตั้งแต่ 29 ถึง 32° C และ 90-94% ตามลำดับ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

1.
บทนำหนึ่งในองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นภูมิแพ้อย่างรุนแรงของฝุ่นบ้านมักจะปนเปื้อนกับอุจจาระเม็ดและหนังหล่อคือไรฝุ่นบ้าน[1] ไรฝุ่นบ้านเป็นสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเห็บ chiggers และแมงมุมที่อาศัยอยู่ในความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับมนุษย์ อาหารหลักของพวกเขาคือความโกรธ (เกล็ดผิวหนัง) หลั่งจากกิจกรรมของมนุษย์และสัตว์เลี้ยง [2] ประมาณการว่าไรฝุ่นอาจจะเป็นปัจจัยในการ 50-80 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยโรคหอบหืดเช่นเดียวกับในกรณีที่นับไม่ถ้วนของกลากโรคภูมิแพ้และโรคภูมิแพ้อื่น ๆ มักจะมีอาการระบบทางเดินหายใจในธรรมชาติ (จามคันนัยน์ตาหายใจ ฯลฯ ); แต่มีรายงานจากผื่นแดงรอบคอ เกิดอาการแพ้อื่น ๆ อาจรวมถึงอาการปวดหัวเมื่อยล้าและภาวะซึมเศร้า [3] Inhalations ของสารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่นโดยบุคคลเสียวจะส่งผลในการโจมตีเฉียบพลันของโรคหอบหืดหลอดลมพร้อมกับหอบหายใจถี่และอาจถึงตายได้ การตรวจวินิจฉัยและการศึกษาทางคลินิกโรคภูมิแพ้โดยได้แสดงให้เห็นไรฝุ่นบ้านจะเป็นโรคภูมิแพ้ที่พบบ่อยที่สุดในผู้ป่วยโรคหอบหืดและที่สำคัญ "สาเหตุ" สำหรับการพัฒนาของโรคหอบหืดในเด็กเล็ก การศึกษาล่าสุดชี้ให้เห็นว่าอย่างน้อยร้อยละ 45 ของคนหนุ่มสาวที่มีโรคหอบหืดแพ้ไรฝุ่นบ้าน ซึ่งแตกต่างจาก "ฤดูกาล" โรคภูมิแพ้ที่เกิดจากเชื้อราและละอองเกสรดอกไม้, คนที่แพ้ไรฝุ่นมักจะมีอาการตลอดทั้งปี [4] บทบาทของไรฝุ่นในการกระตุ้นให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้รับการยอมรับมากขึ้นโดย allergologist และ aerobiologists อย่างไรก็ตามการตรวจสอบทางคลินิกของโรคภูมิแพ้ไรฝุ่นบ้านในเขตร้อนมีน้อย [1, 5-7] บทบาทที่สำคัญของไรฝุ่นในบ้านที่รับผิดชอบในการเกิดอันตรายต่อสุขภาพเช่นโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ nasobronchial จมูกและโรคภูมิแพ้ผิวหนังในบุคคลที่มีความสำคัญเป็นเอกสารที่ดี กลุ่มที่ 1 สารก่อภูมิแพ้จากไร Dermatophagoides farinae (Der f1) และ Dermatophagoides pteronyssinus (p1 เดอร์) เป็นสารก่อภูมิแพ้ที่สำคัญที่สุด; 80% ถึง 95% ของผู้ป่วยที่แพ้ไรฝุ่นมีการตอบสนองที่ IgE สูงกับพวกเขา [8].
Shivpuri et al, เป็น acarologists อินเดียคนแรกที่จะดำเนินการศึกษาอย่างกว้างขวางและอย่างเข้มข้นในไรและบันทึกไว้ว่าไรสามารถเจริญเติบโตได้ดีในฝุ่นบ้านที่ 25 ° C อุณหภูมิและ 80% ความชื้นสัมพัทธ์ [9-11] นอกจากนี้รัฐเบงกอลตะวันตก [12, 13] และฮารา [14-16] ทำงานมากในไรฝุ่นในร่มการสำรวจได้รับการดำเนินการในส่วนอื่น ๆ ของประเทศอินเดีย ในการศึกษาปัจจุบันเป็นความพยายามที่ได้รับการสร้างขึ้นมาเพื่อตรวจสอบความหลากหลายและความแปรปรวนของไรฝุ่นในชั้นและฝุ่นละอองเตียงของผู้ป่วยแพ้ภูมิแพ้และจะมีความสัมพันธ์กับความรุนแรงของโรคภูมิแพ้ในผู้ป่วยที่รับการคัดเลือกจากอัสสัมซึ่งตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนหนึ่งของอินเดีย อุณหภูมิเฉลี่ยในชั้นบรรยากาศและความชื้นสัมพัทธ์ของส่วนหนึ่งของอินเดียในช่วง 29-32 องศาเซลเซียสและ 90-94% ตามลำดับ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

1 . บทนำ
หนึ่งในที่สุดขอข้อมูลองค์ประกอบของฝุ่นบ้าน มักปนเปื้อนมากกับขี้อุจจาระและโยนเปลือก คือ ไรฝุ่นบ้าน [ 1 ] ไรฝุ่นเป็นสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเห็บ chiggers และแมงมุมที่อาศัยอยู่ในความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับมนุษย์ อาหารหลักของพวกเขาคือ กาม ( สมดุลผิว ) หลั่งจากกิจกรรมของมนุษย์และสัตว์เลี้ยง [ 2 ]ประมาณการที่ไรฝุ่นอาจเป็นปัจจัยใน 50 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยโรคหอบหืด รวมทั้งในนับไม่ถ้วนกรณีของแผลเปื่อย แพ้ แพ้ และโรคอื่น ๆ อาการมักจะหายใจในธรรมชาติ ( จาม , คัน , ตาแฉะ , wheezing , ฯลฯ ) ; อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า มีผื่นแดงรอบคอ อาการแพ้อื่น ๆอาจรวมถึงอาการปวดหัว เหนื่อยล้า ซึมเศร้า [ 3 ]การสูดดมของสารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่นโดยเฉพาะบุคคลซี่ได้ผลในการโจมตีหอบหืดเฉียบพลันพร้อมด้วยเสียงหอบ หายใจถี่ และอาจตายได้ การทดสอบการวินิจฉัยและการศึกษาทางคลินิกได้แสดงโดย allergists ไรฝุ่น เป็นภูมิแพ้ที่พบบ่อยที่สุดในผู้ป่วยโรคหอบหืด และที่สำคัญ " สาเหตุ " สำหรับการพัฒนาของโรคหอบหืดในเด็กเล็กการศึกษาล่าสุดแสดงให้เห็นว่าอย่างน้อย 45 เปอร์เซ็นต์ของวัยรุ่นที่มีโรคหอบหืดแพ้ไรฝุ่น . ซึ่งแตกต่างจาก " ฤดูกาล " โรคภูมิแพ้ที่เกิดจากเชื้อราเกสรผู้ที่แพ้ไรฝุ่น มักจะมีอาการรอบปี [ 4 ] บทบาทของไรฝุ่นใน inducing โรคภูมิแพ้มีมากขึ้นและได้รับการยอมรับโดย allergologist aerobiologists . อย่างไรก็ตามคลินิกการสืบสวนของโรคภูมิแพ้ไรฝุ่นในเขตร้อนน้อย [ 1 , 5 - 7 ] บทบาทของไรฝุ่นในบ้าน รับผิดชอบ อันตรายต่อสุขภาพ เช่น ทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ nasobronchial ช่องจมูก และผิวหนัง โรคภูมิแพ้ในบุคคลสําคัญมีเอกสารดีกลุ่ม 1 สารก่อภูมิแพ้จากไร farinae dermatophagoides ( der F1 ) และ dermatophagoides pteronyssinus ( der P1 ) เป็นสารก่อภูมิแพ้ที่สำคัญที่สุด ; 80% ถึง 95% ของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ไรฝุ่น มีการยกระดับ IgE ตอบสนองพวกเขา [ 8 ] .
Shivpuri et al .เป็นครั้งแรกที่อินเดีย acarologists ศึกษาอย่างละเอียดและเข้มข้นในขี้ และบันทึกไว้ว่า ไรฝุ่นบ้าน ที่สามารถเติบโตได้ดีในอุณหภูมิ 25 ° C และความชื้นสัมพัทธ์ 80 % [ 9 – 11 ] นอกจากรัฐเบงกอลตะวันตก [ 12 , 13 , และ 14 – 16 ถึง [ ] , ไม่มีงานไรฝุ่นมากในการสำรวจได้ดำเนินการในส่วนอื่น ๆของอินเดีย ในการศึกษาครั้งนี้ความพยายามได้รับการทำเพื่อศึกษาความหลากหลายและความแปรปรวนของไรฝุ่นและฝุ่นละอองในพื้นเตียงของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ผิวหนัง และสัมพันธ์กับความรุนแรงของโรคในผู้ป่วยที่แพ้จากรัฐอัสสัมซึ่งตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ค่าเฉลี่ยของอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ของส่วนนี้ของอินเดียตั้งแต่ 29 ถึง 32 ° C และ 90 ถึง 94 %ตามลำดับ