This study was designed to find out

This study was designed to find out the influence of workers’ attitude towards time and work on perceived job
performance in private and public sectors. One hundred and eighty (180) workers drawn from five (5) different
organizations, three (3) from private sector and two (2) from public sector in Ado-Ekiti and Ibadan metropolis were used
as samples. Three instruments were used namely Time Attitude Scale (TAS) to measure the attitude of workers toward
time; Minnesota Satisfaction Questionnaire (MSQ) to measure job satisfaction which represents workers attitude towards
work; and the perceived Job Performance Scale (JPS) to measure workers characteristic, tendencies to work long and hard
as means of achieving success rather than their activity during a specific period. T-test for independent groups and
regression analysis were employed in analyzing the data collected. Five hypotheses were tested and results shows that
there is no significant difference in the attitude of workers towards time in private and public sectors; that there is a
significant difference in the attitude of workers towards work in private and public sectors; that there is no significant
difference in workers perceived job performance in both private and public sectors; that there is a significant joint
influence of workers’ attitude towards time and work on perceived job performance in the private sector, there is also a
significant independent influence of workers attitude towards time on perceived job performance in the private sector but
there is no significant independent influence of workers attitude towards work on perceived job performance in the private
sector. It was also found that there is no significant joint and independent influence of workers’ attitude towards time and
work on perceived job performance in the public sector.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การศึกษานี้ถูกออกแบบให้ค้นหาอิทธิพลของทัศนคติของผู้ปฏิบัติงานมีต่อเวลา และทำงานรับรู้
ประสิทธิภาพการทำงานในภาคเอกชนและภาครัฐ หนึ่งร้อย และเอ้ (180) คนงานออกจากห้า (5) แตกต่าง
ใช้องค์กร สาม (3) จากภาคเอกชนและ 2 (2) จากภาครัฐใน Ado Ekiti และ Ibadan นคร
เป็นตัวอย่าง ใช้เครื่องมือที่สามได้แก่เวลาทัศนคติสเกล (TAS) การวัดทัศนคติของผู้ปฏิบัติงานต่อ
เวลา มินเนโซต้าความพึงพอใจแบบสอบถาม (MSQ) เพื่อวัดความพึงพอใจงานที่แสดงถึงทัศนคติที่มีต่อแรงงาน
ทำงาน และการรับรู้งานประสิทธิภาพขนาด (JPS) การวัดแนวโน้มลักษณะ คนทำงานหนัก และนาน
เป็นวิธีการบรรลุความสำเร็จมากกว่าที่เป็นกิจกรรมของพวกเขาในระหว่างระยะเวลาเฉพาะ T-ทดสอบในกลุ่มอิสระ และ
วิเคราะห์การถดถอยได้ทำงานในการวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวม สมมุติฐานที่ 5 ทดสอบ และแสดงผลที่
ไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในทัศนคติของผู้ปฏิบัติงานต่อเวลาในภาคเอกชนและภาครัฐ ที่มีการ
ความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในทัศนคติของคนงานไปทำงานในภาคเอกชน และสาธารณะ ว่า มีความสำคัญไม่
ความแตกต่างในคนงานที่ปฏิบัติงานในภาคเอกชนทั้งภาครัฐและเอกชน การรับรู้ ว่า มีร่วมสำคัญ
อิทธิพลของทัศนคติของผู้ปฏิบัติงานต่อเวลาและทำงานในการปฏิบัติงานในภาคเอกชน การรับรู้มีการ
อิสระอิทธิพลสำคัญของทัศนคติที่ผู้ปฏิบัติงานมีต่อเวลาในการปฏิบัติงานรับรู้ในภาคเอกชน แต่
มีอิทธิพลอิสระไม่สำคัญของทัศนคติที่ผู้ปฏิบัติงานมีต่องานในการปฏิบัติงานรับรู้ในส่วนตัว
ภาค นอกจากนี้ยังพบว่า มีอิทธิพลที่ร่วม และอิสระไม่สำคัญของทัศนคติของผู้ปฏิบัติงานมีต่อเวลา และ
ทำงานรับรู้ประสิทธิภาพของภาครัฐ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาครั้งนี้ได้รับการออกแบบเพื่อหาอิทธิพลของทัศนคติของคนงานต่อเวลาและการทำงานในงานที่รับรู้
ผลการดำเนินงานในภาครัฐและเอกชน หนึ่งร้อยแปดสิบ (180) คนงานที่มาจากห้า (5) ที่แตกต่างกัน
ขององค์กรสาม (3) จากภาคเอกชนและสอง (2) จากภาคประชาชนในการกังวลใจ-Ekiti และเมืองอีบาดันถูกนำมาใช้
เป็นตัวอย่าง สามเครื่องมือที่ใช้คือแบบวัดทัศนคติที่มีต่อเวลา (TAS) การวัดทัศนคติของคนงานต่อ
เวลา มินนิโซตาแบบสอบถามความพึงพอใจ (MSQ) เพื่อวัดความพึงพอใจในงานที่แสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่มีต่อคนงานใน
การทำงาน และระดับการปฏิบัติงานการรับรู้ (JPS) การวัดงานลักษณะแนวโน้มที่จะทำงานยากและยาวไกล
เป็นวิธีการบรรลุความสำเร็จมากกว่ากิจกรรมของพวกเขาในช่วงเวลาที่เฉพาะเจาะจง t-test สำหรับกลุ่มที่เป็นอิสระและ
การวิเคราะห์การถดถอยที่ถูกว่าจ้างในการวิเคราะห์ข้อมูลที่เก็บรวบรวม ห้าได้มีการทดสอบสมมติฐานและผลแสดงให้เห็นว่า
ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในทัศนคติของคนงานต่อเวลาอยู่ในภาครัฐและเอกชน; ว่ามี
ความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในทัศนคติของคนงานต่อการทำงานในภาครัฐและเอกชน; ว่าไม่มีอย่างมีนัยสำคัญ
แตกต่างในการรับรู้ของคนงานในการปฏิบัติงานทั้งในภาครัฐและเอกชน; ว่ามีการร่วมกันอย่างมีนัยสำคัญ
ที่มีอิทธิพลต่อทัศนคติของพนักงานที่มีต่อเวลาและการทำงานเกี่ยวกับการรับรู้การปฏิบัติงานในภาคเอกชนยังมี
อิทธิพลต่อความเป็นอิสระที่สำคัญของทัศนคติที่มีต่อคนงานเวลาในการรับรู้การปฏิบัติงานในภาคเอกชน แต่
ไม่มีอิสระอย่างมีนัยสำคัญ อิทธิพลของทัศนคติต่อการทำงานของคนงานในการปฏิบัติงานในการรับรู้ของภาคเอกชน
ภาค นอกจากนั้นยังพบว่าไม่มีอิทธิพลร่วมที่เป็นอิสระและมีความสำคัญของทัศนคติของคนงานต่อเวลาและ
การทำงานในการรับรู้การปฏิบัติงานในภาครัฐ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหาอิทธิพลของทัศนคติของแรงงานและเวลาทำงานตาม
การปฏิบัติงานในภาครัฐและเอกชน หนึ่งร้อยแปดสิบ ( 180 ) คนวาดจากห้า ( 5 ) องค์กรที่แตกต่างกัน
3 ( 3 ) จากภาคเอกชน และสอง ( 2 ) จากภาครัฐใน Ekiti ADO Ibadan กรุงเทพมหานครและใช้
เป็นตัวอย่างเครื่องมือที่ใช้คือ แบบวัดทัศนคติ เวลา ( TAS ) เพื่อวัดทัศนคติของเจ้าหน้าที่ต่อ
เวลา ; มินนิโซตาในการวิจัยได้แก่ ) เพื่อวัดความพึงพอใจในงานซึ่งหมายถึงแรงงานทัศนคติ
งาน และการรับรู้การปฏิบัติงาน ( JPS ) เพื่อวัดระดับคนงาน ลักษณะแนวโน้มที่จะทำงานอย่างหนัก
เป็นวิธีการของการบรรลุความสำเร็จมากกว่ากิจกรรมของพวกเขาในช่วงเวลาที่เฉพาะเจาะจง การทดสอบกลุ่ม
การวิเคราะห์การถดถอยและสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลครั้งนี้ 5 การทดสอบสมมติฐาน และผลลัพธ์ที่แสดงให้เห็นว่า
มีความแตกต่างในทัศนคติของพนักงานที่มีต่อระยะเวลาในภาครัฐและเอกชน ซึ่งมี
ความแตกต่างในทัศนคติของพนักงานที่มีต่อการทำงานในภาครัฐและเอกชน ที่ไม่พบความแตกต่างในการรับรู้การปฏิบัติงาน
แรงงานทั้งในภาครัฐและเอกชน ซึ่งมีอิทธิพลร่วมกัน
สําคัญของแรงงานเวลาและทำงานเกี่ยวกับการรับรู้ทัศนคติต่อการปฏิบัติงานในภาคเอกชน ยังมี
อิทธิพลของแรงงานอย่างอิสระในการรับรู้ ทัศนคติต่อการปฏิบัติงานในภาคเอกชนแต่
ไม่พบอิทธิพลของทัศนคติต่อการทํางานอิสระแรงงานในการรับรู้การปฏิบัติงานในภาคเอกชน

นอกจากนี้ยังพบว่า ไม่พบข้ออิสระ และอิทธิพลของทัศนคติของแรงงานและเวลา
ทำงานเกี่ยวกับการรับรู้การปฏิบัติงานในภาครัฐ